สามี (ไม่) ชอบบอกรัก #2 วัยเบญจเพส

1278 คำ
กลิ่นจันทร์ ลูกสาวคนเล็กของตระกูลไตรนิตเดินเข้ามาในคฤหาสน์หลังงามด้วยความหงุดหงิด หน้าตาบูดบึ้งไม่สบอารมณ์ หญิงสาวก้าวฉับ ๆ ขึ้นไปบนห้องนอนของตนเองอย่างรวดเร็วโดยไม่มองใคร แต่เดินขึ้นบันไดไปได้ไม่กี่ขั้นก็ต้องหยุดชะงัก เพราะได้ยินเสียงมารดาเรียกเสียก่อน “กลิ่น ทำไมกลับมาแล้วล่ะลูก เพิ่งออกไปเอง” คุณแม่ยังสวยถามลูกสาวด้วยความสงสัย เพราะกลิ่นจันทร์เพิ่งออกไปข้างนอกไม่ถึงชั่วโมง “กลิ่นกลับมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่น่ะค่ะคุณแม่” “อ้าว ทำไมล่ะจ๊ะ” “ก็ดูนี่สิ ไอ้นกบ้ามันมาขี้ใส่หัวของกลิ่นค่ะ” “จริงเหรอลูก” “ค่ะ นี่ไง หลักฐานยังติดอยู่เลย” “ฮ่า ๆ ๆ ๆ แม่ว่ากลิ่นรีบไปอาบน้ำเถอะ ตอนนี้แม่ได้กลิ่นไม่ค่อยดีเลย” “คุณแม่อะ” ลูกสาวคนสวยสุดแสนเซ็กซี่ของคุณจันทร์เจ้าทำเสียงกระเง้ากระงอดใส่มารดาแล้วรีบวิ่งขึ้นไปบนห้องนอนของตนเองเพื่ออาบน้ำชำระร่างกายทันที วันนี้เธออุตส่าห์แต่งตัวสวยเพื่อไปเปิดร้านกาแฟของตนเองที่อยู่ไม่ห่างจากคฤหาสน์มากนัก แต่ในระหว่างที่หญิงสาวกำลังลงจากรถ อยู่ ๆ ก็มีนกมาจากที่ไหนไม่รู้บินมาขี้ใส่หัวเต็ม ๆ ทำให้เธออารมณ์เสีย อยากจะร้องกรี๊ดดัง ๆ แต่ก็อายเกินกว่าจะทำได้ จึงกลับเข้าไปในรถอีกครั้งเพื่อเดินทางกลับบ้านมาแต่งตัวใหม่ หญิงสาวใช้เวลาอาบน้ำอยู่นาน ถูสบู่ สระผมหลายครั้งเพื่อกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ออกไปให้หมด เมื่ออาบน้ำเรียบร้อยเธอก็ออกมาแต่งตัวแต่งหน้าตามแบบฉบับสาวเปรี้ยว เฉี่ยวจนผู้ชายต้องเหลียวหลัง ก๊อก ๆ ๆ เสียงเคาะประตูห้องนอนหญิงสาวดังขึ้นพร้อมกับเสียงเรียกของคุณจันทร์เจ้า “กลิ่น นี่แม่เองนะลูก” “ค่ะคุณแม่ รอสักครู่นะคะ” “จ้า” “เชิญค่ะคุณแม่” กลิ่นจันทร์เดินไปเปิดประตูให้มารดาแล้วพาท่านไปนั่งบนโซฟาตัวใหญ่ที่วางอยู่ตรงมุมห้องที่ตกแต่งสไตล์หวานแหววตามแบบฉบับผู้หญิง บนที่นอนแสนหวานมีตุ๊กตารูปปลาโลมาวางอยู่หลายใบเพราะเธอชอบโลมามาก ๆ จึงเลือกซื้อแต่โลมา “คุณแม่มีอะไรคะ ถึงได้มาหากลิ่นที่ห้องนอน” “ปีนี้หนูอายุเท่าไหร่แล้วลูก” “กลิ่นอายุ 24 ย่าง 25 ค่ะคุณแม่ ทำไมเหรอ” “ว้ายตายจริง แสดงว่าหนูอยู่ในช่วงเบญจเพส” “เบญจเพสแล้วยังไงคะ” “ก็เป็นช่วงวัยอาถรรพ์ เป็นวัยที่ต้องเจอกับเรื่องราวร้าย ๆ น่ะสิ ดูซิ วันก่อนก็มีหมาวิ่งตัดหน้ารถ เหยียบเบรกแทบไม่ทัน วันนี้ก็โดนนกขี้ใส่หัวอีก แล้ววันก่อน ๆ อีกล่ะ แม่โทรถามแม่หมอ เขาบอกดวงเรากำลังไม่ดี ต้องรีบแก้ไขด่วนถ้าไม่อยากเจอกับหายนะ” “โธ่ คุณแม่ มันก็แค่ความเชื่อของคนโบราณ เรื่องที่เกิดกลับกลิ่นมันก็แค่เรื่องบังเอิญ ส่วนแม่หมออะไรนั่นก็แค่พวกหมอเดา คุณแม่ไม่ต้องคิดมากหรอกค่ะ เชื่อกลิ่นเถอะ” “กลิ่นไม่เชื่อแต่แม่เชื่อ แม่หมอบอกว่าทางแก้ของเรื่องนี้ก็คือ ลูกสาวของแม่ต้องแต่งงานภายในสองเดือนนี้ เรื่องร้ายจึงจะกลายเป็นเรื่องดี ลูกถึงจะพ้นเคราะห์” “แต่งงาน!” “ใช่ ลูกต้องแต่งงานเท่านั้น” “แต่กลิ่นยังไม่มีแฟน คุณแม่จะให้กลิ่นแต่งงานกับใครคะ” “เรื่องว่าที่สามีของลูก แม่หาให้แล้ว ขอแค่ลูกยอมแต่งงาน แม่จะจัดการทุกอย่างเอง” “ที่แท้คุณแม่ก็อยากให้กลิ่นแต่งงานใช่ไหม ถึงได้เอาเรื่องเบญจเพสมาพูด กลิ่นไม่เชื่อหรอกค่ะ นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว เอาเป็นว่ากลิ่นขอเวลาพิสูจน์อีกสักหน่อย ถ้าภายในสัปดาห์นี้มีอะไรเกิดขึ้นกับกลิ่นอีก กลิ่นจะยอมแต่งงานก็แล้วกันค่ะ คุณแม่ตกลงไหม” เธอพูดออกมาด้วยความมั่นอกมั่นใจว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับตนเองแน่นอน “อืม ก็ได้ แต่ลูกห้ามผิดสัญญาเด็ดขาดนะ” คุณจันทร์เจ้ายอมทำตามที่ลูกสาวบอก “ค่ะ คุณแม่ก็เหมือนกัน ห้ามผิดสัญญา ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น คุณแม่ต้องไม่บังคับกลิ่นให้แต่งงานอีก ดูพี่ใหญ่กับพี่รองสิ อายุก็ตั้งเยอะ ไม่เห็นคุณพ่อคุณแม่จะบังคับให้แต่งงานเลย” “ใครบอกว่าไม่บังคับ แม่กับพ่อพูดจนปากเปียกปากแฉะ สองแฝดพี่ชายของเราก็ไม่ยอมแต่งงานสักที อ้างเหตุผลสารพัด” พูดถึงเรื่องลูกชาย นางก็งอนขึ้นมาทันที เพราะอยากอุ้มหลานมาตั้งนาน แต่ลูกชายทั้งสองกลับไม่ยอมแต่งงาน ทำตัวเป็นชายโสดให้ผู้หญิงเสียดายเล่น “คิก ๆ ก็เลยมาพูดกับลูกสาวแทน เพราะอยากอุ้มหลานใจจะขาดใช่ไหมคะ” “ก็มีส่วน แต่เรื่องเบญจเพสสำคัญกว่า” “ค่ะ งั้นหนูไปที่ร้านก่อนนะคะ ฟอด รักคุณแม่ที่สุด” “จ้า เดี๋ยวแม่ไปส่งขึ้นรถ” คุณแม่ลูกสามมองลูกสาวขับรถออกไปด้วยความไม่สบายใจ เพราะหลังจากที่เห็นลูกสาวกลับมาด้วยสภาพไม่น่ามอง มีขี้นกเต็มหัว นางก็คิดถึงหมอดูประจำตัวทันทีจึงลองโทรไปปรึกษา เมื่อคุยกันเรียบร้อยถึงได้รู้ว่าตอนนี้ลูกสาวดวงตกเพราะเข้าสู่วัยเบญจเพส ซึ่งจะพ้นเคราะห์ก็ต่อเมื่อได้แต่งงานกับผู้ชายที่เพียบพร้อม นางจึงคิดถึงเรื่องที่คุยกับเพื่อนสนิทเอาไว้ ที่ต้องการให้คิมหันต์แต่งงานกับกลิ่นจันทร์ ทางด้านกลิ่นจันทร์ เมื่อขับรถออกมาจากคฤหาสน์อีกรอบก็เริ่มคิดถึงเรื่องที่มารดาบอก แม้ว่าเธอจะไม่ค่อยเชื่อเรื่องดวง แต่ก็อดคิดไม่ได้เหมือนกัน เมื่อขับรถมาถึงร้านกาแฟโดยสวัสดิภาพและไม่มีอะไรเกิดขึ้น หญิงสาวก็เป่าปากด้วยความโล่งอก “ก็ไม่เห็นมีอะไรเลย” เธอเงยหน้ามองฟ้าแล้วมองไป รอบ ๆ ไม่เห็นความผิดปกติใด ๆ จึงเดินเข้าร้านกาแฟของตนเองที่เพิ่งเปิดได้ไม่ถึงปีด้วยความสบายใจ “สวัสดีค่ะ พี่กลิ่น” พนักงานในร้านหันมาสวัสดีเจ้านายสาวที่เดินทางมาถึงร้านช้ากว่าวันอื่น ๆ เพราะปกติเธอจะเดินทางมาถึงก่อนที่ร้านจะเปิดด้วยซ้ำ “จ้า วันนี้ลูกค้าเยอะไหม” “ก็เรื่อย ๆ ค่ะ” เจ้านายสาวทักทายลูกน้องอย่างเป็นกันเอง จากนั้นก็เดินไปดูความเรียบร้อยของร้านกาแฟที่เธอตั้งใจเปิดขึ้นมาเพราะความชอบและไม่อยากไปทำงานกับบิดาแล้วก็พี่ชายทั้งสอง หลังจากที่เรียนจบปริญญาโทจากเมืองนอก เธอก็เลือกที่จะกลับมาทำธุรกิจส่วนตัวโดยมีเงินทุนจากครอบครัว ทั้งพ่อแม่และพี่ชายต่างก็ไม่ค่อยจะเห็นด้วยเพราะกลัวลูกสาวคนเดียวของตระกูลจะเหนื่อย แต่เมื่อเห็นว่ากลิ่นจันทร์ตั้งใจมาก ๆ จึงยอมตามใจ ปล่อยให้เธอทำตามที่ต้องการโดยการเปิดร้านกาแฟเล็ก ๆ แห่งนี้ ตกเย็น หลังจากที่ปิดร้านเรียบร้อย กลิ่นจันทร์ก็ขับรถกลับบ้านตามเดิม เลี้ยวออกจากร้านได้ไม่กี่ร้อยเมตร อยู่ ๆ มีรถจากไหนไม่รู้ขับตัดหน้า ทำให้หญิงสาวต้องหักหลบ จนสุดท้ายไปชนกับเสาไฟฟ้าข้างทางอย่างรุนแรง ก่อนที่สติจะดับไป เรื่องเบญจเพสก็วิ่งเข้ามาในหัว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม