06 ดูตัว

1084 คำ
06 ดูตัว @วันดูตัว ทิชากรปิดปากเงียบเรื่องที่เธอเกือบโดนข่มขืน ไม่บอกใครกระทั่งพี่ชายเพราะกลัวโดนตำหนิว่าไม่ดูแลตัวเอง ก็ทุกครั้งที่ไปไม่เคยเจอแบบนี้ และคงไม่ไปที่นั่นอีกแล้วเพราะใครบางคนบอกว่าถ้าเจอหน้าอีก...เขาจะฆ่าเธอทิ้ง บางทีก็ไม่เข้าใจ...เตวิชญ์เป็นคนใจร้ายขนาดนี้เลยหรอ เขาเป็นคนบอกไอ้หมีควายเอาเธอไปต้มยำทำแกงแต่สุดท้ายก็มาช่วย เหมือนกำลังเล่นกับความกลัวเพราะเมื่อก่อนเธอเคยจ้างคนไปดักข่มขืนผู้หญิงที่เขาชอบ ตอนนั้นเธอทำจริงๆเพราะฟังคำยุยงของเพื่อนมากเกินไป ก็อย่างว่า...สมัยนั้นทุกอย่างขับเคลื่อนด้วยเพื่อน แต่กาลเวลาเปลี่ยนจิตใจก็เปลี่ยน หากลองมองย้อนกลับไป ตอนนั้นเธอเองก็นิสัยไม่ดีเหมือนกัน อาจเป็นเพราะกลุ่มของเธอคือกลุ่มลูกคุณหนู พ่อแม่บางคนก็มีเส้นสาย เลยทำอะไรโดยไม่เกรงกลัวว่ามันจะถูกหรือผิดเพราะสุดท้ายพ่อกับแม่ก็แก้ปัญหาให้อยู่ดี “เสร็จหรือยังลูก แม่รอนานแล้วนะ” “เสร็จแล้วค่ะ หนูกำลังจะออกไปพอดี” ทิชากรเปิดประตูออกมาส่งยิ้มทักทายตอนเช้า คิ้วโก่งของคุณแม่ขมวดยุ่งเมื่อสวยตาปะทะเข้ากับร่องรอยบางอย่างบนตัวลูกสาว “ไปโดนอะไรมา” “อ้อ! มะ...เมื่อคืนหกล้มค่ะ” “ระมัดระวังหน่อยสิ วันนี้เราต้องไปพบคุณหญิงเทียมศิรินะ” “ก็หนูบอกแม่แล้วไงคะว่ายังไม่พร้อม” “ไม่พร้อมก็ต้องไป ลูกเรียนจบแล้วแต่ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เพราะงั้น...ก็รีบแต่งงานมีครอบครัวซะ” “ก็หนูกำลังจะสอบเนตินี่ไง เราตกลงกันแล้วไม่ใช่หรอคะ” “แม่บอกตั้งแต่แรกแล้วว่าอยากให้ลูกเรียนสายสุขภาพเหมือนพี่ แล้วเป็นไง...สอบได้แล้วไปทำงานที่โรงพยาบาลได้ไหม” “แต่หมอก็ต้องพึ่งนักกฎหมายนะคะ ครอบครัวของเราเป็นหมอเกือบทุกคน ถ้าหนูจะเป็นทนายความมันก็ไม่ได้ผิดนิ” “โอ้ยแม่ขี้เกียจเถียงแล้ว! ไปกันเถอะเดี๋ยวคุณหญิงท่านรอนาน” ทิชากรถอนหายใจพรืดใหญ่พร้อมกรอกตามองบน เธอกับแม่ทะเลาะกันเรื่องนี้ประจำ ความตั้งใจของท่านก็คืออยากให้เธอเป็นหมอเหมือนพี่ชาย แต่ความฝันดันไม่ตรงกับความต้องการของครอบครัว จะมีก็แค่พี่ชายเท่านั้นที่เข้าใจ เหตุนี้เองเธอจึงไม่ค่อยกลับบ้านเลยเลือกอยู่ที่จะคอนโดแทน เพราะกลับมาก็โดนบ่น โดนแบบนี้มาตั้งแต่เด็กจนกระทั่งเรียนจบคุณแม่ก็ยังบ่นอยู่ บ้านไม่ใช่เซฟโซนสำหรับทิชากร บางครั้งเธอก็คิดว่าแม่รักพี่ชายมากกว่าตัวเอง เพราะเธอทำอะไรก็ไม่เคยได้ดั่งใจ ต่างจากทีปกร...ทั้งเก่งและฉลาด แถมยังได้ทุนไปเรียนต่อที่เยอรมันอีก “เวลาเจอผู้ใหญ่ต้องยกมือไหว้นะเข้าใจไหม” “แม่คิดว่าหนูเป็นคนไม่มีสัมมาคารวะขนาดนั้นเลยหรอคะ” “เมื่อก่อนลูกเคยโดนติงเรื่องนี้มานิ” “นั่นมันเมื่อก่อนค่ะ ตอนนี้หนูเปลี่ยนไปแล้ว หนูรู้ดีว่าอะไรควรไม่ควร” “ก็ดี แม่ลำบากใจกับพี่เรามาแล้ว อย่าทำให้แม่ปวดหัวไปมากกว่านี้นะ” ทิชากรก้มหน้างุดหลบซ่อนสายตาตัดพ้อ มีเรื่องไหนบ้างที่เธอเคยทำให้แม่ภูมิใจ เรียนจบนิติศาสตร์มาถึงจะไม่ได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง แต่เธอก็เรียนจบด้วยความสามารถของตัวเอง แค่เรื่องที่เธอไม่ยอมเรียนหมอเหมือนพี่ชาย คุณแม่ท่านก็ยกมาเป็นประเด็นหาเรื่องตำหนิเธออยู่เรื่อย ใช่สิ...ก็เธอมันไม่ใช่ลูกรักนิ “สวัสดีค่ะคุณหญิงเทียมศิริ รอนานไหมคะ” นางอมรรัตน์ยกมือไหว้ทักทาย ก่อนที่หญิงสาวหน้าตาสะสวยจะเดิมตามหลังเข้ามาแล้วทำความเคารพตามมารยาท “นี่หนูแพมหรอ! ไม่คิดว่าโตขึ้นจะสวยขนาดนี้” “แหม...คุณหญิงก็ชมลูกสาวของอิฉันเกินไป นั่งลงสิลูก จำคุณหญิงเทียมศิริเพื่อนแม่ได้ไหม” “จำได้ค่ะ” “ได้ข่าวว่าพึ่งเรียนจบไม่ใช่หรอ” “ค่ะ” “จบอะไรมาล่ะ” “นิติศาสตร์ค่ะ” “โอ้! ว่าที่ทนายสาวแสนสวย แม่คิดว่าหนูจะเรียนหมอเหมือนเหมือนพี่ชายซะอีก” “อิฉันก็อยากให้เรียนหมอนั่นแหละจะได้ช่วยงานที่โรงพยาบาลแบ่งเบาภาระพี่ชาย เพราะถ้าตาพีทเรียนจบก็จะได้ขึ้นเป็นผู้บริหารแทนพ่อทันที” นางอมรรัตน์ตอบแทนลูกสาว “จะเรียนอะไรก็ไม่สำคัญหรอก ขอแค่ดูแลตัวเองได้ก็พอ” คุณหญิงเทียมศิริรู้สึกถูกอกถูกใจว่าที่ลูกสะใภ้ยิ่งนัก ตอนเด็กๆว่าสวยแล้ว พอโตขึ้นสวยจนคิดว่าเป็นดาราซะอีก หวังว่าคงจะถูกใจลูกชายของเธอ เพราะทั้งสองยังไม่เคยเจอกันเลยทั้งๆที่แม่เป็นเพื่อนกัน “หวังว่าลูกสาวของอิฉันจะถูกใจคุณหญิงนะคะ” “ถูกใจสิคะ ถูกใจมากด้วย” “เอ่อ...แล้วไหนล่ะคะ ลูกชายของคุณหญิง” “ฉันนัดลูกชายไว้บ่ายโมงแต่ยังไม่เห็นมาเลย สงสัยรถจะติดค่ะ ยังไงก็รอหน่อยนะคะ ลูกชายของอิฉันเป็นพวก...” บรื้นน!!บรื้นน!! พูดยังไม่ทันขาดคำเสียงรถสปอร์ตก็ดังขึ้นจากทางหน้าร้าน “นั่นไง ลูกชายของอิฉันมาแล้ว แกเป็นพวกชอบสะสมรถหรูค่ะ” ทิชากรเลือกที่จะนั่งเงียบๆ ปล่อยให้ผู้ใหญ่เป็นฝ่ายพูดไป เพราะสมองนึกถึงแต่เรื่องราวในคืนนั้น สองครั้งแล้วที่เขาช่วยเธอไว้ ครั้งแรกก็เมื่อหลายปีก่อน แต่ที่น่าแปลกไปมากกว่านั้นก็คือ...เขาจำไม่ได้เลยหรอว่าเคยช่วยเธอไว้ทั้งๆที่เห็นหน้ากันชัดเจน ตึก!ตึก!ตึก! เสียงฝีเท้าหนักเดินเข้ามาจากทางด้านหลัง ทิชากรนั่งตัวแข็งทื่อ ภาวนาขออย่าให้เป็นอย่างที่เธอคิดเลยเพราะยังหลอนกับไอ้หมีควายไม่หาย เขาเดินมาหยุดอยู่ข้างหลังจนสัมผัสได้ถึงรังสีอะไรบางอย่างจากตัวผู้ชายคนนั้น ทำให้เธอลอบกลืนน้ำลายลงคอเอือกใหญ่ ก่อนที่เสียงเข้มจะดังขึ้น “มาแล้วครับ ไหนล่ะ....ว่าที่คุณเมียของผม!”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม