เฮ้อออออ
ไปสักที
ฉันถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อพี่วิศวะคนนั้นเลิกมองฉันแล้วเดินออกไปกับเพื่อนของเขาที่ใส่ชุดช็อปเหมือนกัน
ฉันรู้สึกได้ว่าเขานั่งมองฉันอยู่อย่างนั้นเกือบครึ่งชั่วโมง ถ้าไม่ติดว่าหล่อนะ ฉันคงคิดว่าเขาเป็นโรคจิตแน่ๆ
“ เอาล่ะค่ะ งั้นตอนนี้พี่ๆจะปล่อยให้พวกเราไปทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่แล้วกันเนอะ ยังไงก็อย่าลืมปฏิบัติตามกฏที่พี่พูดถึงด้วยนะคะ “ แล้วเสียงสวรรค์ของพี่อิงฟ้าก็ช่วยทำให้ใจฉันรู้สึกกระชุ่มกระชวย
“ แกกลับเลยมั้ยอ่ะนีน่า “ เอวาถามฉันทันทีที่ลุกขึ้น ฉันจึงยกนาฬิกาขึ้นมาดู พึ่งจะสามโมงครึ่งเอง
“ ไม่รีบอ่ะ แกล่ะ “ ฉันตอบและถามเธอกลับ
“ ไม่รีบเหมือนกัน ไปกินชาไข่มุกหน้าตึกกันม๊ะ “ เอวาส่ายหน้าแล้วชวนฉัน
“ ก็ดีนะ เอ๊ะ เดี๋ยวฉันแนะนำเพื่อนให้แกรู้จัก “ ฉันว่าแล้วก็มองหายัยเดียร์
“ นีนนนน “ แล้วก็ได้ยินเสียงของยังเดียร์ลอยมาแต่ไกล เสียงมาก่อนตัวอีก
“ เดียร์ นี่เอวา เพื่อนใหม่ “ ฉันแนะนำเอวาให้เดียร์รู้จักทันทีที่เธอมาถึง
“ หวัดดี เราเดียร์นะ “ เดียร์หันไปยิ้มหวานให้เอวา
“ หวัดดี “ เอวาก็ยิ้มตอบ
“ ไปคุยกันที่ร้านชาไข่มุกเถอะ “ ฉันว่าแล้วก็เดินนำเพื่อนทั้งสองไปยังร้านชาไข่มุก
@TT Coffeeeeee
“ เอาโกโก้ลาวาไข่มุกค่ะ “ ฉัน
“ ชาเขียวเพิ่มไข่มุกค่ะ “ เดียร์
“ โกโก้มิลค์ไข่มุกค่ะ “ เอวา
เมื่อสั่งเมนูที่ต้องการแล้วพวกฉันเดินเข้ามาหามุมนั่ง ซึ่งภายในร้านก็มีคนอยู่พอประปราย
“ นี่ๆ แกเห็นมั้ยวันนี้อ่ะ พวกพี่เทลมาที่คณะเราด้วยอ่า “ เสียงโต๊ะข้างๆที่มีประมาณ 5-6 คนคุยกัน
“ เห็นสิ ออร่ากระจายขนาดนั้น “
“ เฮ้อ หล่อกันทั้งแก๊งค์เลยเนอะ “
“ เออ พี่ว๊ากทั้งแก๊งค์เลยด้วย งานดีจัดๆ “
“ นีน่า ขอไลน์หน่อยสิ “ ฉันเลิกสนใจโต๊ะข้างแล้วหันไปหยิบโทรศัพท์จากมือเอวามากดไลน์ให้เธอ
“ เขาพูดถึงใครว่ะ “ เดียร์ที่นั่งข้างมากระซิบที่ข้างหูฉัน
“ ไม่รู้ “ ฉันส่ายหน้าให้เพื่อนไป
เดียร์จัดการตั้งแชทกลุ่มที่มีเรา 3 คนทันที
แล้วจากนั้นเอวากับเดียร์ก็ไปนั่งซุบซิบอะไรกันก็ไม่รู้สองคน
“ ไว้เจอกันนะพวกแก “ ฉันหันไปโบกมือให้เพื่อนทั้งสองคน หลังจากออกมาจากร้านกาแฟแล้ว
“ อื้ม เจอกัน อย่าลืมสืบนะเดียร์ “ เอวาว่าแล้วก็หันไปโบกมือให้เดียร์แล้วก็เดินไป ว่าแต่สืบอะไร แต่ก็ไม่เกี่ยวกับฉันนี่นา ไม่ต้องไปยุ่งหรอกเนอะ
“ แกจอดรถไว้ไหน “ เดียร์หันมาถามฉัน
“ ตึกห้องสมุดน่ะ แกล่ะ “ ฉันบอกเพื่อนแล้วค้นหากุญแจรถ วันนี้ตอนฉันมารถเยอะมาก เพราะวันนี้เป็นวันลงทะเบียนเรียนของพี่ๆ บางคนก็มาลงทะเบียนกับเพื่อนที่มอ ทำให้บรรยากาศมันดูคึกคักเป็นพิเศษ รวมถึงการที่ฉันไม่มีที่จอดรถด้วย
“ โน้นน ตึกใหญ่นู้น “ เดียร์ชี้ไปอีกทางที่ไม่ใช่ทางเดียวกันกับฉัน
“ งั้นแยกกันตรงนี้นะ “ ฉันโบกมือให้เดียร์แล้วเดินออกมาทันที ไม่ใช่อะไรนะ ที่รีบกลับนี่คือมีที่ห้องมีเจ้ากรรมนายเวรรออยู่
Condo KT
ติ๊ด
“ เหมี๊ยววว “ ทันทีที่กดรหัสเข้าห้องแล้วเปิดประตูออกเข้ามาในห้องก็เห็นเจ้าก้อนสีขาวที่ยืนตรงหน้าแล้วมองมาทางฉันอย่างดุๆ
“ ถั่วพู “ ฉันเดินไปหาเจ้าก้อนแล้วอุ้มขึ้นมาหอมซ้ายหอมขวา
หึ ฉันเลี้ยงเจ้าก้อนที่มีนามว่าถั่วพูนี่มาเกือบปีแล้วแหละ อย่าถามนะว่าทำไมชื่อถั่วพู เพราะฉันก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน ที่มาของชื่อถั่วพูนี่ไม่มีเลย นึกอยากจะตั้งก็ตั้งอ่ะนะ น้องเป็นตัวเมียนะคะ กำลังน่ารัก ขี้อ้อนเลย
“ หิวมั้ย “ ฉันถามมันแล้วเดินอุ้มนางไปยังมุมอาหารของนาง
“ กินหมดแล้วหรอ ถั่วของแม่ต้องหิวมากแน่ๆ “ เมื่อเดินมาถึงก็เห็นว่าอาหารที่ฉันเทไว้ให้นางเมื่อเช้านี้หมดแล้ว ไอ้เจ้าอ้วนนี่ก็หิวบ่อยเหลือเกิน ไปหาอาหมอครั้งนี้ฉันต้องโดนว่าแน่ๆเพราะอาหมอบอกน้ำหนักถั่วพูมันเกินเกณฑ์มามาก เลยอยากให้ฉันให้อาหารมันน้อยลง แต่ฉันว่าฉันทำไม่ได้หรอก แค่เห็นสายตาอันเกรี๊ยวกราดของแม่นางถั่วแล้วฉันก็รีบหาข้าวหาปลามาประเคนให้นางทันที
ฉันวางแม่นางลงแล้วเอาอาหารมาเทไว้และก็เดินไปจัดการกับห้องน้ำของแม่นาง เมื่อเสร็จแล้วฉันเข้าห้องมาเปลี่ยนชุดทันที
เพราะหิวมาก วันนี้กิจกรรมดูดวิญญาณฉันไปแทบตาย แต่ก็ยอมรับว่าสนุก ถือว่าคณะฉันนี่ไม่ค่อยเคร่งครัดนะ เพราะฉันก็ค่อนข้างที่จะแอนตี้การรับน้อง แต่เท่าที่ฟังพี่ๆเล่า ก็แค่เราทำตามกฏระเบียบ พี่ว๊ากก็ไม่ลงมาด่าหรอก แล้วกฏระเบียบที่พี่เขาว่ามานี่คือฉันคิดว่ามันยอมรับได้ ไม่ได้บ้าอำนาจจนเกินไป
ฉันจัดการเปลี่ยนชุดเป็นกางเกงขาสั้นเสื้อยืดธรรมดา เพราไม่ได้ไปไหนไกล แค่ร้านอาหารตามสั่งข้างๆคอนโดนี่ก็อร่อยแล้วตอนนี้ เพราะหิวมาก
ฉันหยิบกระเป๋าตังค์และก็โทรศัพท์เดินออกมา
“ ถั่วพู เดี๋ยวนีนมานะ “ ฉันร้องบอกเจ้าถั่วที่กำลังกินอาหารของเธออย่างเอร็ดอร่อยแล้วเปิดประตูออกมาทันที
“ ป้าคะ เอาข้าวผัดปูไม่ใส่ผักค่ะ “ ฉันสั่งป้าแล้วก็เดินเข้าไปในร้านเพื่อหาโต๊ะนั่ง
ติ๊ง
ทันทีที่นั่งลงก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์
แก๊งค์นางฟ้า ( 3 )
NaDear : ส่งรูปภาพ
NaDear : แก๊งค์พี่ว๊ากที่วันนี้เพื่อนๆพูดถึงอ่ะ
AVA Araya : งานดี
เมื่อเปิดเข้าดูก็เห็นว่าเป็นนาเดียร์ที่ส่งรูปเข้ามา เป็นกลุ่มพี่ว๊ากคณะฉัน แล้วสายตาฉันก็มองไปเห็นผู้ชายคนนั้นที่ยืนมองฉันเมื่อกลางวันน่ะ
ครืด
เสียงเลื่อนเก้าอี้ตรงหน้าก็ทำให้ฉันเงยหน้าขึ้นมอง
กึก
นี่ฉันหลอนจนเห็นภาพหลอนเลยหรอเนี่ย
“ ขยี้ตาทำไม? “ เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นว่าฉันยกมือขึ้นขยี้ตาอย่างแรง
นั่นทำให้ฉันเลิกขยี้ตาแล้วมองเขาตาค้าง
มะ มาอยู่ตรงนี้ได้ไงกัน
อึก
ฉันกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เพราะสายตาคมที่มองมานั่นทำให้ฉันเกร็ง ฉันมองไปรอบๆก็เห็นว่าโต๊ะที่ว่างเหลือตั้งเยอะแยะ แล้วเขาจะมานั่งตรงนี้ให้ฉันเกร็งทำไมกัน
“ ข้าวผัดปูมาแล้วจ้า “ แล้วเสียงของพนักงานเสิร์ฟก็ดังขึ้น พร้อมกับจานข้าวที่วางลงตรงหน้าฉัน
อึก
หิวนะ แต่กินไม่ลงอ่ะ รู้งี้น่าจะสั่งใส่กล่อง
“ ทำไมไม่กิน “ คนตรงหน้าพูดขึ้น ทำให้ฉันรีบก้มหน้างุดทันที นี่ถ้าก้มลงกว่านี้ก็หน้าจุ่มจานข้าวแล้ว
ฉันตักข้าวเข้าปากอย่างเกร็งๆ งื้ออออ ของโปรดที่เคยอร่อย ตอนนี้แทบกินไม่ลง
ครืด
หื้มมม ฉันรีบเงยหน้าขึ้นมองตามคนที่นั่งตรงข้ามทันที
ไปแล้วหรอ
แต่ไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องสนใจ ตอนนี้รีบกินก่อนดีกว่า
ปึก
ฉันแหล่ตามองแก้วน้ำที่วางลงบนโต๊ะของฉันพร้อมกับมองคนที่ถือมา
พี่วิศวะคนนั้นนั่นแหละ นี่ยังไม่ไปอีกหรอเนี่ย
“ หะ ให้หนูหรอคะ “ ฉันพร้อมพร้อมมองแก้วน้ำที่วางข้างๆตัวเองกับมองหน้าเขา
“ อื้ม “ พี่เขาพยักหน้าแล้วมองฉันนิ่งๆ
“ ขอบคุณค่ะ “ ฉันเอ่ยขอบคุณเขาแล้วยกแก้วขึ้นมากินน้ำแล้วกินข้าวต่อเงียบๆ ไม่นานป้าก็เอาข้าวมาเสิร์ฟให้เขา ฉันเหลือบมองจานข้าวของเขาแล้วหันมามองข้าวตัวเองแล้วรู้สึกว่าตัวเองเป็นเด็กเลย เขากินข้าวผัดพริกเผาที่พริกเยอะมาก ส่วนของฉันข้าวผัดเด็กน้อย ที่ไม่มีผัก จะว่าไม่มีก็ไม่เชิง เพราะป้าแกก็มีแถมคะน้ามาให้อยู่ ดีที่ไม่เยอะฉันจึงเขี่ยๆออกมาวางไว้ขอบจาน
“ ทำไมไม่กินผัก “ แล้วเสียงจากคนตรงหน้าก็ทำให้ฉันเงยหน้าขึ้น
“ ถามหนูหรอคะ “ ฉันถามเขางงๆ
แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับนอกจากสายตานิ่งๆอย่างเคย คงจะถามฉันนั่นแหละ ก็นั่งกันอยู่สองคน แถมคนที่ไม่กินผักมันก็ฉัน
“ มันขมค่ะ “ ฉันบอกเขาไปแล้วมองผักที่จานอย่างแขยง
ฉันไม่ชอบกินผัก กินได้แค่ผักที่ไม่มีรสชาติ ไอ้พวกขมๆนี่ฉันไม่แตะเลย
“ เอ่อ พี่คะ “ ฉันร้องขึ้นทันทีที่คนตรงหน้าเอาช้อนมาตักผักที่จานฉันไป
“ อะไร “ พี่เขาเงยหน้าขึ้นฉันด้วยสายตาดุๆ
“ เอ่อ นั่นมันของหนูนะ “ เขาเป็นใครฉันยังไม่รู้จักชื่อเลย จู่ๆก็มาทำอย่างงี้ ฉันว่ามันแปลกๆอ่ะ
“ ก็เธอไม่กิน พี่ก็กินให้ เสียดาย “ เขาบอกแล้วก้มหน้ากินข้าวต่อ
“ แต่ผักนั่นหนูเขี่ยทิ้งแล้วนะ “ เอาตามตรงคือรู้สึกไม่สบายใจอ่ะ ผักนั่นเหมือนฉันทิ้งแล้วอ่ะ
“ ไม่เป็นไรหรอก กินๆไป “ เขาว่าขึ้นโดยไม่เงยหน้ามองฉัน
ฉันจึงได้แต่ทำหน้ามุ่ยอย่างไม่ค่อยพอใจ
ผ่านไปเกือบ 5 นาที ฉันกินข้าวหมดแล้วก็เงยหน้าขึ้นมาเห็นว่าคนตรงหน้าก็อิ่มแล้ว ฉันจัดการรวบช้อนแล้วหยิบเอาโทรศัพท์และกระเป๋าตังค์
“ งั้นหนูขอตัวนะคะ “ ฉันก้มหัวให้เขาเล็กน้อย ลุกขึ้นแล้วเดินออกมา ฉันหยิบแบงค์ร้อยขึ้นมาถือไว้แล้วเดินไปหาป้าที่นั่งอยู่หน้าร้าน
“ 2 จานครับ ไม่ต้องทอน “ แต่ยังไม่ทันได้ยื่นมือออกไปก็มีมือใหญ่ยื่นแบงค์ 5 ร้อยให้ป้าซะก่อน
ฉันหันไปมองคนจ่ายตังค์งงๆ
“ จ่ายให้แล้ว “ เขามองหน้าฉันเล็กน้อยแล้วพูดขึ้น จากนั้นก็เดินออกไปทันที
เมื่อตั้งสติได้ฉันจึงวิ่งตามเขาไปทันที
“ พี่คะ “ ฉันเรียกเขาไว้
“ .... “ ซึ่งพี่เขาก็หยุดแล้วหันหน้ามาหาฉัน
“ เอ่อ นี่ค่าข้าวหนูค่ะ “ ฉันประหม่าเล็กน้อย แต่ก็ต้องทำใจกล้ายื่นเงินให้เขาไป
“ ไม่เป็นไร “ พี่เขาปรายตามองเงินฉันเล็กน้อยแล้วหันหน้าหนี
“ ได้ไงคะ เราไม่ได้รู้จักกันซะหน่อย พึ่งเจอกันจะมาเลี้ยงข้าวกันได้ยังไง “ ฉันเถียงขึ้น
“ เดี๋ยวก็รู้จัก “ เขาหันมามองฉันดุๆแล้วพูดขึ้น
“ เฮ้อ งั้นก็ขอบคุณนะคะสำหรับข้าวมื้อนี้ “ ดูท่าแล้วเขาคงไม่ยอมรับเงินไปง่ายๆ ฉันจึงถอนหายใจแล้วเอ่ยขอบคุณเขาไป
“ ขอตัวนะคะ “ เมื่อเขาพยักหน้ารับแล้วฉันก็ขอตัวทันที
“ เดี๋ยว “ เสียงที่ดังขึ้นพร้อมกับมือที่จับเข้ามาที่ไหล่ฉันทำให้ฉันหันไปมองเขางงๆ
“ ทีหลังอย่าแต่งตัวอย่างงี้ออกมาข้างนอกอีก “ ฉันพูดเสียงแข็ง
“ ห๊ะ “ ฉันงงนะเนี่ย
“ เข้าใจมั้ย “
ทำไมใจบ้านี่ต้องเต้นด้วยเนี่ย
“ ทะ ทำไม “
“ พี่หวง “
ฉ่าาาาาาา