เพื่อน(แอบ)รัก นายวิศวะ ตอนที่ 2

1700 คำ
ตอนที่ 2 เพี๊ยะ เสียงฝ่ามือตบดังลั่นจนแก้มฉันชาไปทั้งแถบ ความเจ็บแปลบแล่นขึ้นมาพร้อมกับเสียงฮือฮาจากโต๊ะรอบ ๆ ฉันยกมือที่สั่นเทาขึ้นจับแก้มตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่อ นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยนะที่โดนตบ “อย่ามาแก้ตัว!!” รุ่นน้องคนนั้นกรีดร้องเหมือนคนเสียสติเหมือนคนเลือกขึ้นหน้า “เค้ารู้กันหมดแหละ ว่าจริงๆ มึงอ่ะพยายามเข้าหาพี่ไค พยายามให้เขาสนใจอยู่ใช่ไหม! ถ้าไม่ใช่เพราะมึงนะ—” “หยุดนะ!!” มิ้นตะโกนลั่น พร้อมพุ่งเข้ามาผลักร่างรุ่นน้องออกห่างจากฉัน แอลคว้าทิชชู่กองบนโต๊ะยัดใส่มือฉัน ลนลานเช็ดน้ำที่เลอะบนแก้ม “โมอา มึงโอเคมั้ย?” หัวฉันหมุนเล็กน้อยเพราะทั้งเหล้าและแรงตบ พยายามรวบรวบสติให้ได้มากที่สุด และฝืนตัวเองยืนให้ตรง “ไม่เป็นไรมึง” ทั้งที่เสียงแหบพร่าออกมาแทบไม่เหมือนของตัวเอง “ไม่เป็นไรได้ยังไงล่ะ? มึงถูกตบนะเว้ย!” มิ้นโวยวาย น้ำเสียงสั่นเพราะโกรธแทน รุ่นน้องคนนั้นยังไม่หยุด เธอพุ่งเข้ามาอีกครั้ง เหมือนจะตะครุบตัวฉันไว้เพื่อให้ได้คำตอบมือน้อยๆ ที่ฉันไม่รู้ว่าเธอไปเอาเรี่ยวแรงมากจากไหน บีบแน่นที่ต้นแขนทั้งสองข้างของฉันแน่น พยายามแกะแค่ไหนก็เอาไม่ออก “ตอบมาสิ! เธอกับพี่ไคเป็นอะไรกันแน่?!!” ฉันถอยกรูด หัวใจเต้นแรงจนแทบทะลุอก พยายามถอยหนีเพื่อให้ตัวเองเป็นอิสระ ปั่ก! ทันใดนั้น ร่างของฉันถูกผลักอย่างแรงจนเซถอยหลังไม่กี่ก้าว ก่อนที่ส้นเท้าจะสะดุดกับขาเก้าอี้และร่วงลงไปกองกับพื้นอย่างจัง “อ๊ะ—!” แรงกระแทกทำให้แผ่นหลังฉันชาไปทั้งแนว ปวดหนึบตรงสะโพกที่รับแรงกระแทกเข้าไปเต็มๆ มือสั่นจนแทบยันตัวไม่ขึ้น เสียงซุบซิบดังระงมรอบตัว บางคนเฮโลกรูกันเข้ามาใกล้พร้อมติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด บางคนยกมือถือขึ้นถ่ายเหมือนกำลังดูละครสด แค่คิดว่าคลิปนี้จะไปไวรัลในอินเตอร์เนตไหม ก็ทำให้ฉันรู้สึกคลื่นไส้อยากจะอาเจียน “โมอา!!” เสียงเพื่อน ๆ ของฉันดังแทบพร้อมกัน มิ้นกับคิอาร่าพุ่งเข้ามาประคองฉันให้ลุกขึ้น “มึงโอเคมั้ย!? โอ๊ย มีตรงไหนหักไหมเนี่ยะ กูทนไม่ไหวแล้วนะ!” คิอาร่าหน้าแดงก่ำ ดวงตาแทบลุกเป็นไฟ หันไปเอาเรื่องรุ่นน้องทันที “ทำอะไรว่ะ เป็นบ้าอะไรทำตัวเหมือนหมาไล่กัดคนอื่น! ผลักเพื่อนฉันทำไม!? ฮะ!!!” มิ้นตะโกนลั่น รุ่นน้องคนนั้นกลับยืนยิ้มเยาะ สายตาสะใจสุดขีด “ก็เพราะอยากให้ทุกคนเห็นไง ว่าเธอมึงไม่บริสุทธิ์ผลุดผ่องเหมือนที่แสดงละครออกมา!” “หุบปากซะ เก็บปากไว้กินข้าวเถอะ!” แอลสวนทันควัน ผลักอกอีกฝ่ายกลับไปแรงจนเธอเซ แต่รุ่นน้องก็ยังไม่หยุด โวยวายเสียงดังขึ้นกว่าเดิม “ถ้ามึงไม่ได้คิดอะไรกับพี่ไคจริง ก็พูดดิวะ!! บอกให้ทุกคนฟังไปเลย ว่ามึงไม่มีสิทธิ์เก็บเค้าเอาไว้คนเดียว!” พูดอะไรอ่ะ พูดไปแล้วไง เสียงเชียร์ เสียงโห่ผสมปนเปดังลั่นเหมือนฝูงชนกำลังได้ดูฉากเด็ดในละคร น้ำตาร้อนผ่าวไหลอาบแก้ม ฉันกำลังจะอ้าปากพูดอะไรสักอย่าง แต่เสียงโวยวายรอบข้างก็ดังกดทับจนทุกถ้อยคำหายไปหมด จู่ ๆ เสียงเก้าอี้ล้มครืนก็ดังขึ้นพร้อมกับฝีเท้าหนัก ๆ ที่ก้าวเข้ามา “หยุด!” เสียงทุ้มต่ำตะโกนเข้ามากลางวงทำให้ทุกคนเงียบกริบ ร่างสูง 185 เซนติเมตรที่ฉันคุ้นเคยปรากฏขึ้นตรงวงล้อมนั้น ไค… ร่างสูงที่ทั้งหล่อ เท่ห์ ดูดีแบบที่เดินไปไหนก็มีแต่คนเหลียวมอง ใส่เสื้อยืดสีดำเนื้อผ้าแนบลำตัวที่ทำให้เห็นกล้ามแขนและแผงอกได้อย่างชัดเจนกับกางเกงยีนส์เก่าๆ ที่ก็ยังคงความหล่อเหลาเอาไว้ ใบหน้าหล่อเหลา ตาเฉี่ยวที่รับกับจมูกคมสันเต็มไปด้วยความอึมคลึมที่ฉันไม่ได้เห็นบ่อยๆ นัก สายตาคมปลาบมองตรงมาที่ฉันด้วยสีหน้าที่ฉันอ่านไม่ค่อยออกนัก ราวกับโลกทั้งใบเหลือเพียงฉันกับเขา แล้วหันสายตาคมดุไปยังรุ่นน้องที่ยังหอบหายใจแรงเพราความโกรธ “พอได้แล้ว” น้ำเสียงเย็นเฉียบกดต่ำจนรอบข้างชะงักงัน เสี้ยววินาทีนั้นเอง ร่างสูงใหญ่ก็แทรกเข้ามาในวงสายตา “พี่ไค...” เสียงของรุ่นน้องสั่น แต่ยังไม่มีท่าทีว่าจะยอมง่ายๆ “พี่...พี่ต้องตอบค่ะ ว่าจริงมั้ย ที่พี่ไม่ได้คิดอะไรกับพี่คนนั้น?” แหมะ พอผู้ชายเดินเข้ามาก็เรียกฉันว่า พี่คนนั้น เมื่อกี้ กู มึง อยู่แท้ๆ ทุกสายตาในร้านจับจ้อง ราวกับรอคำตอบจากปากของร่างสูง แต่แทนที่ไคจะตอบ เขากลับก้าวเข้ามายืนข้างฉัน มือใหญ่คว้าข้อมือฉันเอาไว้แน่น ก่อนจะหันไปมองรุ่นน้องด้วยสายตาเย็นชา “เลิกวุ่นวายซะ ก่อนที่เรื่องมันจะบานปลายไปกว่านี้” น้ำเสียงเขาชัดเจน หนักแน่น จนอีกฝ่ายชะงักไป “แต่พี่...!” “ออกไป” ไคตัดบททันควัน แล้วคว้าข้อมือฉันลากออกมาจากวงล้อม สายตาของทุกคนจับจ้องตามมาเหมือนหนังฉายสโลว์โมชั่น เสียงอึกทึก ความวุ่นวายและเสียงแซงแซ่เหมือนถูกหยุดให้หายไปชั่วขณะ ฉันได้ยินเสียงเพื่อน ๆ ของฉันวิ่งตามมาข้างหลังไม่ไกลนัก พวกเราทั้งหมดออกมายืมที่ข้างร้านตรงที่จอดรถ ลมเย็นข้างนอกปะทะใบหน้าที่ร้อนผ่าวจากแรงตบ ฉันพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพราะยังหายใจไม่ทั่วท้อง “โมอา...” มิ้นรีบเข้ามาดูใกล้ ๆ “หน้ามึงแดงไปหมดเลย โอ๊ย กูอยากจะฆ่ามันจริง ๆ ” “กลับเถอะ ไปห้องมึงดีกว่า” คิอาร่าพูดเสียงแข็งแต่ห่วงฉันเต็มที่ “คนแบบนี้มันต้องเจอสักทีจริงๆ แต่เอาไว้ทีหลัง” ฉันพยักหน้าเบา ๆ ไม่ได้พูดอะไรออกมาเพราะตอนนี้ความคิดมันตีกันอยู่ในหัวเต็มไปหมด ถึงจะยังมึน ๆ อยู่ แต่ก็พยายามยิ้มให้เพื่อน ๆ “อืม...กลับกันเถอะ” ไคบอกว่าจะไปเคลียร์กับน้องผู้หญิงคนนั้น แล้วเดินกลับเข้าไปในร้าน สุดท้ายพวกเราจึงตัดสินใจตรงกัน เดินออกจากความวุ่นวายในร้านเหล้า มุ่งหน้ากลับไปที่ห้องของฉันเพื่อสงบสติอารมณ์และหาที่พักใจในคืนนี้ Nimbus Line Condo ห้องคอนโดของฉันไม่ได้ใหญ่โตนัก เป็นห้องขนาดสตูดิโอเรียบง่าย ที่มีแบ่งโซนห้องน้ำ มีแบ่งโซนห้องครัวที่ฉันมักจะทำอาหารกินเองเป็นประจำ มีโซฟาหนังสีครีมอ่อนวางชิดผนัง โต๊ะไม้เล็ก ๆ อยู่กลางห้อง อีกมุมเป็นมุมโต๊ะหนังสือที่ฉันก็มักจะนั่งทำการบ้าน หรืองานเสิรมเป็นประจำ และเตียงนอนด้านในที่กั้นประตูกระจกกั้นม่านบางสีครีม เฟอร์นิเจอร์ไม่ได้หรูหรา แต่จัดวางอย่างเป็นระเบียบ แต่ละมุมมีต้นไม้แบบ House plant เช่นพวก พลูด่าง ต้นกวักมรกต และ ต้นไทรใบสัก ทำให้ดูอบอุ่น สดชื่นและน่าอยู่ ตัวฉันเองไม่ได้มาจากครอบครัวที่ร่ำรวยอะไร ถึงจะเป็นลูกครึ่ง ไทย เกาหลี แต่คุณพ่อชาวเกาหลีก็ทิ้งแม่ฉันไปตั้งแต่ฉันยังแบเบาะ และแม่ฉันก็เสียไปตั้งแต่ที่อยู่ม.ต้น สมบัติที่ทิ้งไว้ให้ก็แค่บ้าน 2 ชั้นแถวชลบุรี คอนโดที่ฉันอยู่ตอนนี้ และรถฮอนด้า ซิตี้สีขาว 1 คัน จะพูดว่าตอนนี้ฉันเหลือตัวคนเดียวก็ไม่ใช่เรื่องเพ้อเจ้อพูดเกินจริงอะไร ฉันนั่งอยู่บนโซฟาโดยมีมิ้น คิอาร่านั่งรอบข้าาง ส่วนแอลหันเก้าอี้ที่โต๊ะหนังสือนั่งมองจ้องมาที่ฉันไม่วางตา บนโต๊ะไม้มีแก้วน้ำกับกล่องทิชชูที่พวกเธอหยิบมาเผื่อเช็ดน้ำตา แม้จะเรื่องที่เกิดจะผ่านมาได้สักพัก แต่หัวใจฉันยังเต้นแรงไม่หยุด “โอ๊ย หน้ามึงแดงไปหมดเลยโมอา เห็นแล้วยังของขึ้นไม่หาย” มิ้นบ่นเสียงเครียด พลางหยิบทิชชูซับแก้มฉันอย่างเบามือ “ใจเย็นก่อนนะพวกมึง” แอลพยายามประคองสถานการณ์ “คืนนี้ให้โมอามันพักไปก่อน” ฉันพยายามฝืนยิ้ม “ขอบใจนะ ที่อยู่ข้างฉันตลอดเลย” เพราะรู้สึกเหมือนตัวเองเหลือแค่ตัวคนเดียวมาโดยตลอด พอได้มาเจอเพื่อนที่เป็นห่วง แสนดีกับฉัน เลยทำให้ซาบซึ่งใจมาโดยตลอด ฉันรู้สึกขอบคุณเพื่อนๆ จากใจจริงๆ เลย ไม่ทันที่ใครจะตอบ เสียงก๊อกแก๊กที่ประตูดังขึ้น เราทุกคนหันไปมองพร้อมกันเพราะประตูถูกเปิดออก เผลยให้เห็นร่างสูงโปร่งของไคก้าวเข้ามาในห้องเงียบ ๆ มือหนึ่งถือถุงยาสีขาว อีกมือหิ้วถุงขนมและน้ำอัดลมหลายขวด “ไปซื้อของมาให้” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยเรียบ ๆ ก่อนจะเดินเข้ามาวางถุงยาลงบนโต๊ะ “ยาฆ่าเชื้อ น้ำเกลือ สำลี แปะแผล เจลลดบวม …ครบหมดแล้ว” เขากดใบหน้าหล่อเหลามองฉัน ดวงตาคมนิ่งแต่เต็มไปด้วยความห่วงใย “เอาหน้าไปให้ฉันดูหน่อย” ฉันเผลอขยับตัวไปตามแรงดึงของเขา มือใหญ่สัมผัสแก้มฉันเบา ๆ ทำให้ฉันสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะปัดมือใหญ่ออกเบาๆ เพราะเพื่อนๆ ที่เหลือมองหน้ากันเหลอหลาหาคำตอบ และเหมือนกันกั้นหายใจรอลุ้นว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป “เจ็บไหม?” เขาถามสั้น ๆ “นิดหน่อย…” ฉันตอบเสียงเบา หัวใจกลับเต้นแรงกว่าตอนถูกตบเสียอีก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม