ใจคนรอ

1423 คำ
ถึงกำหนดที่คิมหันต์จะต้องเดินทาง คราวนี้คนงอแงที่สุดไม่อยากจะให้ไปคงหนีไม่พ้น..เรรันต์ เด็กน้อยผู้มีดวงตากลมโตเป็นเอกลักษณ์ เธอคือลูกสาวของเพื่อนคุณนายอารีย์ ที่ป่วยเป็นโรคร้ายตายไปเมื่อ 8 ปีก่อน ตอนหล่อนยังสาว สมัยเรียนกับแม่ของเรรันต์ที่สนิทกันมาก พักด้วยกัน กินด้วยกัน นอนด้วยกัน กลายเป็นข่าวลือราวกับพวกเขานั้นเป็นเลสเบี้ยนกัน จะเรียกตัวติดกันเลยก็ว่าได้ มีปัญหาอะไรต่างคนต่างช่วยเหลือกันมาตลอด แบ่งปันยามที่ไม่มี แม้กระทั่งบางครั้งคุณนายอารีย์ตกอยู่ในที่นั่งลำบาก ก็มีแม่ของเรรันต์นี่แหละ ที่คอยอยู่ช่วยเหลืออยู่เสมอ มาวันนี้ ถึงเวลาที่เพื่อนจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ ทิ้งลูกสาววัยสองขวบไว้หนึ่งคน มีหรือหล่อนจะช่วยเพื่อนไม่ได้ เป็นธุระรับเรรันต์เป็นลูกบุณธรรมสืบมา แต่กระนั้นคนทั้งตระกูลต่างรู้แก่ใจดี คุณนายอารีย์มีลูกชายสามคน คนเล็กโตจนสุนัขเลียก้นไม่ถึงขนาดนั้น แถมสามีด่วนมาตายจากตั้งแต่ลูกยังเล็ก เอาเวลาไหนไปตั้งท้องเด็กวัยนั้นมาได้เล่า ทว่า...พวกเขาแค่ไม่พูดถึง และสัญชาตญาณของเรรันต์เองก็พอจะรู้ ตัวสาวเจ้าแท้จริงคือลูกของใคร “พี่คิมไปเรียนที่โน่น เรรันต์ต้องเป็นเด็กดีนะรู้เปล่า” คิมหันต์โน้มตัวลงมาบอก ระหว่างรอไฟล์ทบิน​ ใช้มือฝ่ามือใหญ่ค้ำหัวเธอ อย่างที่เคยทำมาตลอดด้วยความเอ็นดู แต่เธอกลับเอาแต่ก้มหน้านิ่ง “หนูจะเหงาไหมคะ” อยู่ๆ เอ่ยถามคนตัวสูงทั้งๆ ที่สายตาตัวเองยังหลบมองพื้น ร่างสูงถอนหายใจอีกระลอก “เฮ้อ...” ทรุดลงนั่งยองศีรษะระดับเดียวกัน พลางดึงเด็กน้อยหน้าละห้อยเข้ามากอด “ไม่หรอก หนูมีทั้งนายแม่ ทั้งพี่เคล ไหนจะพี่คอปอีก ไม่มีเวลาเหงาหรอกค่ะ” “แต่พอถึงเวลาพวกเขาก็ไปทำงานกันหมดนี่คะ กว่าจะกลับหนูก็หลับไปแล้ว” “จริงด้วย...” เขาเอ่ยเสียงแหบ “คงไม่มีใครเล่านิทานให้หนูฟังอีกแล้ว พวกเขาทำแบบพี่คิมไม่ได้” ก่อนชายหนุ่มจะหน้าสลด เมื่อเห็นเจ้าหนูตรงหน้าเบ้ปากเตรียมจะร้องไห้ “จุๆๆ อย่าขี้แยน่า...” “ไม่ไปได้ไหมคะ” “ไม่ได้หรอกค่ะ พี่คิมต้องไปเรียนต่อ” เขาบอก เด็กสาวก้มหน้างุนอีกครั้ง สูดน้ำมูกซืดๆ จนคิมหันต์อดสงสารเธอไม่ได้ เขาเข้าใจดี คงต้องเหงามากหากเขาไม่อยู่ เพราะในบ้านหลังนั้นมีเขาเพียงคนเดียวที่เรรันต์สนิทด้วย แต่จะทำไงได้ล่ะ ในเมื่อนี่คือหน้าที่ที่คุณนายอารีย์มอบหมายให้เขาต้องทำ และมันต้องเป็นเมืองนอกเท่านั้น! เรียนจบให้เหมือนพี่ชายทั้งสอง แล้วหล่อนจะไม่ยุ่งวุ่นวายกับชีวิตเขาอีก เพราะเหตุผลนี้ไง เขาถึงเลี่ยงไม่ได้ ....คิมหันต์ชอบที่สุดคือความอิสระ “งั้นเอางี้” ระหว่างที่เขานั่งนิ่งช่างใจคิด อยู่ๆก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ ยื่นโทรศัพท์เครื่องสำรองที่เขาเคยใช้คุยกับสาวๆไปให้เธอ พลางยิ้มกว้าง “เก็บเจ้านี่ไว้ พี่คิมจะได้โทรมาหาเรรันต์บ่อยๆ ดีไหมคะ” “โทรศัพท์นี่คะ ?” “ใช่ค่ะ พี่คิมจะโทรมาเล่านิทานให้เรรันต์ฟังก่อนนอนทุกคืนไง ดีไหม?” จบประโยคนี้ สาวน้อยตรงหน้าจึงยิ้มออกเสียที ก่อนจะพยักหน้าหงึกหงัก หลังจากรับมันมาถือไว้ “พี่คิมไปแล้วนะคะ” ร่างสูงยื่นปลายจมูกจุมพิตผาก ขยี้หัวอย่างหมั่นเขี้ยว ก่อนผุดลุกขึ้น หลังได้ยินฝ่ายประชาสัมพันธ์ประกาศเตรียมความพร้อมของลูกค้า “ พี่คิม..ฮึก..” “ เป็นเด็กดีนะคะ” “ ฮึกๆ พี่คิม.. “ แต่ทว่า เด็กก็คือเด็ก ที่ต่อให้มีข้อต่อรองมาล่อแค่ไหน สุดท้ายจิตใจข้างในของเธอก็ไม่อยากจะให้ไปอยู่ดี ร้องเรียกคิมหันต์ในขณะยิ่งเรียกเหมือนเจ้าตัวยิ่งไกลห่าง “พี่คิม!!! ฮื้อ...” ถึงแม้จะรู้ว่าเด็กคนนี้ต้องดิ้นพล่านร้องไห้แน่ๆ หากเขาต้องไปจริงๆ แต่นั่นคงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ เพราะนี่คือสิ่งที่นายแม่ต้องการ และนั่นก็คืออนาคตของเขา คิมหันต์เลยเลือกที่จะยิ้มกว้างให้เธอ และโบกมือลา จนกว่าจะหายลับเข้าไปในกลุ่มคน . .... อีก 10 ปี เรรันต์ เราถึงจะได้เจอกันอีก ..... .....สิบปีนั้น เธอคงเป็นสาวพอดี.... 5 ปี ผ่านไป เรรันต์โตขึ้น เธออายุย่างเข้าสิบหก อยู่ในช่วงวัยรุ่นเต็มตัว เรียนไฮสคูลเอกชนชื่อดัง ค่าเทอมแพงหูฉี่ แต่ทว่ากลับทำตัวติดดิน เธอไม่ชอบทำตัวไฮโซตามใคร ยิ่งคุณนายอารีย์บังคับให้ทำแล้วกลับยิ่งทำเธอเมินใส่ เรรันต์เป็นผู้หญิงหวานพอตัว แต่นั่นก็ไม่เชิงว่าจะเฉิ่มจนเกินไป เวลายิ้มตอนเด็กมีลักยิ้มยังไงตอนนี้ก็ยังคงมีอยู่อย่างนั้น เธอเป็นคนน่ารัก และนี่แหละคือเหตุผลที่ทำให้หัวบันไดหน้าห้องเรียนไม่เคยแห้ง “รันต์” “...” “เรรันต์” “หืม..” เจ้าของชื่อผงกหัวจากท่าฟุบโต๊ะขึ้นมาตามเสียงเรียก ก็เห็นว่าเป็นเบสที่ยืนเกาะขอบประตูเรียกเธออยู่ “อ่าวเบส มีไรเหรอ...” “เย็นนี้เลิกเรียนกี่โมง ร่อนเวลาเหมือนกับเรารึเปล่า ไปกินไอติมกันมั้ย” เขายิ้มกว้างส่งมาให้ ก่อนจะหุบทันควัน เพราะถูกปฏิเสธ หญิงสาวส่ายหัวเบาๆโดยไม่ทันคิด พร้อมสีหน้าละห้อยกลับมา “อ่าว ทำไมล่ะ” “ไม่ว่างหรอก วันนี้นายแม่ส่งคนมารับเรา” “โถ่ ก็เวลามันร่อนไม่ใช่เหรอ ไปหน่อยเถอะ วันก่อนรันต์ยังไปได้เลย” “วันไหน” เธอขมวดคิ้วฉงน “อ่อ...ถ้าเบสหมายถึงวันนั้นล่ะก็ ไปกันหลายคนนี่ เบสไม่ลองไปชวนคนอื่นดูล่ะ เผื่อเขาจะว่างกัน” “ไม่เอาอ่ะ เบสอยากไปกับรันต์แค่สองคน” “หืม คิดไรป่าวเนี่ย” เรรันต์ย้อนถามแสร้งจับผิดนิ้วเรียวชี้หน้า ทำเจ้าของคำพูด ต้องยกมือปฏิเสธรนราน “เฮ้ย เปล่าๆ ไม่ได้คิดไร ก็แค่อยากชวนไปกิน” “วันนี้เราไม่ว่างน่ะ” “เหรอ?? ก็ได้ ไว้วันอื่นก็ได้ รันต์รับปากแล้วนะ” ใช้นิ้วชี้หน้าเธอ แสร้งแยกเขี้ยวขู่ไม่จริงจัง “โอเค รับปากจ้า” “โอเค งั้นกลับบ้านดีๆนะ” “อ่าฮะ^^” จบบทสนทนาของคนทักคู่ กระดิ๋งบอกเวลาหมดคาบพอดี เบสเป็นฝ่ายเดินออกไปก่อน ก่อนที่เรรันต์และกลุ่มเพื่อนคนอื่นจะเดินตามไป วันนี้โรงเรียนเธอร่อนคาบเลยเลิกเร็ว ทำให้คนที่มารู้เอาที่หลังอย่างเรรันต์ต้องนั่งคอยเวลา เพราะไม่ได้โทรไปบอกคนที่บ้าน กลัวจะรบกวนพวกเขา ลมที่โชยมาเบาๆ ระหว่างนั่งเล่นอยู่ตรงโต๊ะม้าหินอ่อน อยู่ๆ ก็เผลอทำให้เธอคิดถึงใครคนนึงขึ้นมา ซึ่งถ้าให้เดาเวลาประมาณนี้ คงจะหลับสนิทไปแล้ว “จะเป็นยังไงบ้างนะ” เรรันต์นึกพลางทำหน้าเศร้า ช่วงหลังๆ เธอรู้สึกว่าคิมหันต์ไม่เหมือนเดิม เขาไม่มีเวลาเหมือนแต่ก่อน ที่โทรมาทุกวันตั้งแต่เด็กจนโต จะมีก็เฉพาะตอนติดเรียนที่มีบ้างอาทิตย์ละครั้งเท่านั้น เดือนหนึ่งผ่านมาแล้ว ยังไม่เห็นแม้แต่ข้อความ จะว่าเปลืองค่าโทรก็คงไม่ใช่ สถานะอย่างตระกูลเขาน่ะหรือ คิดจะมาประหยัดค่าโทรทางไกลเอาตอนนี้ “เฮอะ ไม่มีทางซะหรอก อยู่กับสาวสิไม่ว่า” เธอบ่นพึมพำคนเดียว ก่อนจะหมุนโทรศัพท์เล่นไปมาบนโต๊ะ แต่ทว่าจังหวะที่มันหมุนอยู่ ติ๊ดๆๆ อยู่ๆ ข้อความก็เข้ามา + พี่คิม + เธอตะครุบมันขึ้นมาเปิดดู พลางอมยิ้ม ... คิดถึงเด็กน้อยที่นั่นจังแฮะ ป่านนี้คงโตเป็นสาวแล้วสิ เป็นไงบ้างคะ ดูแลตัวเองตามที่พี่สั่งดีรึเปล่า ขอโทษนะที่ไม่ได้โทรไปหาเลย งานยุ่งมากๆ เดี๋ยวคืนนี้พี่โทรหานะ อย่าเพิ่งรีบนอน .... นั่นทำให้เรรันต์ถึงกับหุบยิ้มไม่ลง แลบลิ้นใส่โทรศัพท์ในมือด้วยความหมั่นไส้ “คนบ้าไร.. ตายยากชะมัด”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม