วันต่อมา
"คุณฟ้า" ผ้าแพรรู้ว่าเพียงฟ้ามาหาที่บ้านจึงรีบออกมาต้อนรับในช่วงเย็นเพราะวันนี้เธอขอเพียงฟ้านั้นลาหยุด
"เป็นยังไงบ้างแพรยังมีเวียนหัวอยู่หรือป่าว" เพียงฟ้าหิ้วผลไม้กับขนมมาฝากผ้าแพรเต็มตะกร้าหวายเพราะอยากให้เธอบำรุงเยอะๆทั้งถามถึงอาการคลื่นไส้อาเจียนที่ผ้าแพรนั้นเคยเป็นก่อนหน้านี้ด้วย
"มีบ้างค่ะคุณฟ้า"
"ได้ข่าวว่าอาทิตย์หน้าเธอจะต้องแต่งงานดีใจด้วยนะ"
"แพรถามจริงๆนะคะ.. คุณฟ้าไม่โกรธแพรจริงๆใช่มั้ยคะ" ผ้าแพรหน้าเจื่อนเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจถามเรื่องนี้กับเพียงฟ้าอีกครั้ง
"ฉันจะโกรธเธอทำไมล่ะบอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้รักพี่ภูสักนิดต้องขอบใจเธอด้วยซ้ำที่ทำให้ฉันได้ถอนหมั้นเป็นอิสระเธอก็เหมือนน้องสาวของฉันฉันจะโกรธเธอลงได้ยังไง" เพียงฟ้ายังยืนยันคำเดิมว่าเธอไม่ได้รักภูผาที่หมั้นกันก็เพราะพ่อของเธอกับพ่อของภูผานั้นสัญญาในความเป็นเพื่อนกันเอาไว้เท่านั้น
แถมเธอยังคิดกับภูผาเป็นพี่ชายเพราะเห็นกันมาแต่เด็กๆภูผาเองก็คิดกับเธอเป็นน้องสาวเหมือนกันอีกอย่างเธอก็อยากหาเรื่องถอนหมั้นกับภูผานานแล้วด้วยเพราะเบื่อผู้หญิงของเขาที่ชอบตามรังควานเธอไม่หยุดไม่หย่อน
“ที่ฉันมาวันนี้ก็เพราะจะมาบอกว่าเธอไม่ต้องไปทำงานที่ร้านฉันแล้วคุณย่าสั่งมาให้เธอพัก”
“แต่แพรอยากทำงานนะคะแพรยังสามารถทำงานได้ทุกอย่างนะคะ” ผ้าแพรถึงกับส่ายหัวหงึกหงักการทำอาหารเป็นสิ่งที่เธอรักหากไม่ได้ทำเธอคงเฉาตายแน่
“อย่าให้ผู้ใหญ่เป็นห่วงสิแพร”
“ก็ได้ค่ะ” เจอประโยคดักเรื่องผู้ใหญ่แบบนี้มีหรือคนที่นอบน้อมอย่างผ้าแพรจะไม่ฟังและแล้วก็ต้องยอมจนได้
สามวันต่อมา
กรุงเทพมหานคร
บ้านริมน้ำ
บ้านริมน้ำเป็นบ้านหลังขนาดไม่ใหญ่มากนักเป็นบ้านสีขาวหลังใหญ่ราคาเหยียบร้อยล้านตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยามีเนื้อที่บริเวณรอบๆหลายสิบไร่เป็นของสายทองเธอละครอบครัวย้ายมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่สุรัตน์พ่อของภูผาลูกชายของเธอเสียเธอก็ย้ายจากคฤหาสน์หลังโตมาอยู่ที่บ้านริมน้ำเพราะที่นี่ค่อนข้างสงบร่มเย็นแถมยังบรรยากาศดีด้วยเหมาะแก่การพักผ่อนในวัยเกษียณของเธอยิ่งนัก
"จะแต่งงานอยู่แล้วจะไปไหนอีกตาภู" สายทองนั่งจิบชายามบ่ายที่ห้องนั่งเล่นเห็นหลานชายของเธอแต่งตัวเสียเต็มยศคงไม่พ้นออกไปเตร็ดเตร่แน่นอนเธอจึงร้องทักเอาไว้ก่อน
"หาความสุขบ้างสิครับคุณย่า" ภูผาคิดว่าเวลานี้คุณย่าของเขาจะงีบหลับอยู่ที่หลังบ้านเสียอีกนับว่าเขาเลือกเวลาผิดเสียจริง
"หยุดเลยลูกคาท้องเมียแกอยู่แกจะไปไหน" สายทองเห็นทีจะปล่อยให้หลานของเธอทำตัวสบายใจแบบนี้ไมได้แล้วเพราะอีกไม่กี่วันก็จะถึงวันแต่งงานหากมีข่าวเรื่องผู้หญิงของหลานชายของเธอออกมาตอนนี้มีหวังพิกุลคงไม่ยอมยกหลานสาวของเจ้าตัวให้พอดีนั่นเท่ากับว่าเธอก็จะไม่ได้เลี้ยงเหลนเองด้วย
"โถ่คุณย่า" ภูผาถึงกับคอตกที่ย่าของเขายกเหตุผลนี้มาค้ำคอของเขาไม่ให้ออกไปสังสรรค์กับเพื่อนข้างนอก
"กลับเข้าบ้านมาเดี๋ยวนี้เลยก่อนที่ฉันจะตัดบัตรแกอย่าคิดว่าแกเป็นผู้บริหารโรงแรมแล้วจะดื้อกับย่าได้นะ" สายทองจ้องหลานชายของเธอตาเขม็งดูซิจะกล้าแข็งคอกับเธออีกหรือป่าว
"คุณย่าทำไมทำกับผมแบบนี้ล่ะครับเพราะเธอคนเดียวเลยผ้าแพร" ภูผาจำต้องเดินคอตกกลับขึ้นห้องของตัวเองไปแม้เขาจะเป็นผู้บริหารแล้วแต่ย่าของเขาก็มองเขาเป็นเด็กอยู่ทุกทีไปทั้งบ่นอู้อี้ถึงตัวต้นเหตุเบาๆ
"บ่นอะไร" สายทองส่ายหัวเบาๆที่หลานเธอนั้นบ่นถึงผ้าแพรทั้งที่เจ้าตัวนั่นที่เป็นตัวต้นเรื่อง
เชียงใหม่
"ฮัดชิ่ว" ในขณะที่ผ้าแพรกำลังปอกผลไม้ที่เห็บมาจากสวนใส่กล่องเอาไว้ทานเธอก็เกิดจามขึ้นมาเพราะรู้สึกคัดจมูกกะทันหัน
"หนูไม่สบายหรอลูก" พิมพรรณมองหน้าหลานของเธอด้วยสีหน้าที่เป็นห่วงเธอไม่อยากให้หลานของเธอป่วยเพราะคนท้องจะทานยาอะไรลำบาก
"ป่าวค่ะน้าพิมหนูแค่คัดจมูกนิดหน่อยค่ะ" ผ้าแพรส่ายหัวเล็กน้อย
"จามปานมีคนนินทาเลยลูก" พิมพรรณเห็นดังนั้นค่อยยิ้มออกคงเป็นเพราะมีคนพูดถึงตามโบราณว่าเป็นแน่ถึงได้จามแบบนี้
"จามแบบนี้คือมีคนนินทาหรอคะ" ผ้าแพรเลิกคิ้วถามน้าสาวของเธออย่างสงสัยเธอเคยได้ยินเรื่องนี้มานานแล้วแต่ก็ไม่ยักจะเชื่อเท่าไร
"ใช่น่ะสิโบราณว่าไว้" พิมพรรณย้ำคำทั้งพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
"อย่างหนูใครจะมาพูดถึงล่ะคะไม่ค่อยมีเพื่อนซะด้วย" ผ้าแพรนึกไม่ออกเลยว่าใครจะพูดถึงเธอเพราะเธอนั้นก็ค่อนข้างเพื่อนน้อยเสียด้วยหรืออีกคนที่เธอคิดอาจจะเป็นเพียงฟ้าที่บ่นถึงเธอก็เป็นได้
อาทิตย์ต่อมา
วันนี้ที่เรือนไทยหลังโตในสวนผู้คนคึกคักกันจนเต็มทั้งชาวบ้านที่พิกุลไปบอกให้มาร่วมงานรวมทั้งแขกผู้ใหญ่ของทางภูผารวมไปถึงนักข่าวหลายสำนักที่มาทำข่าวงานแต่งอันเรียบง่ายของนักธุรกิจหนุ่มที่แต่งงานกะทันหัน
"เธอสวยมากเลยรู้หรือป่าวแพร" เพียงฟ้าดูแลความเรียบร้อยแต่งตัวให้เจ้าสาวอย่างผ้าแพรอยู่กับช่างแต่งหน้าแต่งตัวอีกสองสามคนวันนี้ผ้าแพรสวยเป็นพิเศษจากหน้าที่หวานอยู่แล้วได้รับการแต่งแต้มแต่พองามด้วยช่างฝีมือเธอก็ยิ่งดูสวยน่ารักเข้าไปอีกจนเพียงฟ้าอดชมไม่ได้ยิ่งชุดไทยสไบเฉียงสีทองที่ปักลายโดยช่างฝีมือประจำตัวของสายทองยิ่งขับผิวขาวของหญิงสาวให้ผุดผ่องงานนี้เธอคิดว่าภูผาพี่ชายของเธอคงมีตะลึงกันบ้างเพราะแม้ผ้าแพรจะไม่ได้สวยอย่างนางแบบดาราที่ภูผาเคยควงแต่เธอก็มีเสน่ห์ในแบบของเธอ
"ขอบคุณนะคะคุณฟ้า" ผ้าแพรมองดุตัวเองในกระจกก็ยิ้มอ่อนก้มหน้างุดเธอยอมรับในช่างฝีมือที่แต่งตัวให้เธอจริงๆอยากจะเก็บภาพตัวเองตอนนี้ไว้สักหลายร้อยภาพ
"รับรองพี่ภูเห็นต้องตะลึง" เพียงฟ้ายกสองมือเรียวจับใบหน้าเจ้าสาวทั้งมองด้วยรอยยิ้ม
"หน้าแพรเค้ายังไม่อยากจะมองเลยค่ะ" ผ้าแพรรู้ตัวดีว่าเธอทำอย่างไรภูผาก็คงไม่อยากจะมองเธอเพราะเอเป็นต้นเหตุทำให้เขาต้องมีบ่วงผูกมัดตัวเอาไว้
"เอาน่า" เพียงฟ้าบุ้ยปากส่ายหัวเล็กน้อยเธอไม่อยากให้ผ้าแพรด่วนคิดไปเองเพราะเธอรู้ว่าแม้ภูผาจะไม่พอใจวันหน้าอาจเปลี่ยนใจก็เป็นได้แม้พี่ชายเธอจะดูเจ้าชู้แต่ก็มีความรับผิดชอบเธอเชื่อว่าความใกล้ชิดในการดุแลกันและกันของทั้งสองจะทำให้ความรู้สึกของทั้งสองค่อยๆดีขึ้นต่อกันในทุกๆวัน
ครู่ต่อมา
"คุณย่าคะคุณน้า" เพียงฟ้าจัดการดุแลเรื่องเสื้อผ้าหน้าผมให้ผ้าแพรเรียบร้อยแล้วก็เดินออกมาหาขบวนแห่ของเจ้าบ่าวที่ยังไม่ได้ตั้งเพื่อส่งข่าวให้รู้ว่าเจ้าสาวนั้นเตรียมตัวเรียบร้อยแล้วให้ทุกคนนั้นจัดตั้งขบวนขันหมากได้
"อ้าวหนูแพรมาพอดีเจ้าสาวแต่งตัวเสร็จหรือยังล่ะย่าจะได้ตั้งขบวนเลย" สายทองดูจะวุ่นกว่าคนอื่นเพราะเธอเป็นคนจัดแจงทุกอย่างรวมถึงสินสอดทองหรือเพชรนิลเงินสดทั้งหลายก็ของเธอทั้งนั้น
"เรียบร้อยแล้วค่ะ" เพียงฟ้าพยักหน้าเบาๆทั้งรีบไปช่วยถือพานสินสอดก่อนจะตั้งขบวน
"ทำหน้าให้มันดีหน่อยตาภู" โสพิศรู้ว่าลูกชายของเธอไม่ชอบงานแบบนี้นักแต่ยังไงวันนี้ก็เป็นวันแต่งงานของเจ้าตัวเจ้าบ่าวจะมาหน้านิ่งบูดบึ้งเหมือนไม่อยากมาไม่ได้
"นั่นสิแต่งงานทั้งทียิ้มหน่อยสิคะพี่ภู" เพียงฟ้าเอ่ยเสริมอีกแรง
"ดูจะร่าเริงเป็นพิเศษเลยนะเรา" ภูผาตวัดสายตามองเพียงฟ้าที่ดูจะร่าเริงเป็นพิเศษราวกับเป็นงานตัวเอง
ทางด้านผ้าแพรที่มองขบวนขันหมากผ่านหน้าต่างของห้องนอนพร้อมกับน้าสาวของเธอในใจก็แอบกังวลไม่น้อยเพราะวันนี้เธอจะต้องแต่งงานอยู่กินกับภูผาแล้วไม่รู้ว่าเธอกับเขาจะเข้ากันได้ดีหรือป่าวเขาจะรังเกียจเธอจนไม่อยากจะเข้าใกล้เลยหรือไม่ตอนนี้เธอเป็นกังวลไปหมด
"หนูมาดูสิลูกขบวนแห่กำลังจะมาถึงแล้ววันนี้หลานน้าจะได้ออกเหย้าออกเรือนซะทีนะเวลาช่างผ่านไปไวเสียจริงเหมือนหนูยังเล็กๆอยู่ไม่กี่ปีเลย" พิมพรรณทำใจล่วงหน้ามาก่อนแล้วว่าหลานจะต้องออกจากอ้อมอกแต่เมื่อพอถึงวันจริงเธอก็อดใจหายไมได้พิมพรรณพูดไปน้ำตาของเธอก็คลอไปพยายามไม่อยากให้ร้องออกมาเพราะวันนี้เป็นวันมงคลของหลานสาวที่เธอรักมากที่สุด
"ยังไงหนูก็เป็นเด็กตัวเล็กของน้าพิมเสมอนะคะ" ผ้าแพรโอบกอดน้าของเธอใช่น้าเธอคนเดียวเสียที่ไหนที่ใจหายเธอเองก็ไม่ต่างกัน
"เจ้าบ่าวจะมาแล้วเตรียมตัวให้พร้อมล่ะ" พิกุลเดินมาบอกให้หลานของเธอเตรียมตัวให้พร้อมเพราะเมื่อเจ้าบ่าวมาถึงก็จะต้องออกไปทำพิธีตักบาตรแล้วผูกข้อไม้ข้อมือ
"ค่ะยาย" ผ้าแพรผละออกจากอ้อมกอดพิมพรรณและเอ่ยเสียงตอบยายของเธอยอมรับเลยว่าตอนนี้ใจของเธอเต้นแทบจะหลุดออกมาจากอกอยู่แล้ว