๑
ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูห้องในช่วงสายของวันหยุดทำให้วงศ์เดือนต้องเดินไปเปิดประตู
“นึกว่าจะมาตอนบ่ายๆ กะว่าจะลงไปซื้อของกินมาเตรียมเอาไว้พอดี” หญิงสาวยิ้มกว้างเมื่อเพื่อนรักหอบของกินพะรุงพะรัง
“ก็นี่ไงของกิน ฉันเตรียมมาเยอะแยะแล้ว ไม่ต้องซื้อเพิ่มหรอก” บอกพลางยิ้มกว้างพอดีกับวงศ์กวีวิ่งออกมาเมื่อได้ยินเสียงคุณป้าคนสวย
“ป้าลี”
มาลียิ้มหวานพร้อมกับส่งของให้เพื่อนแล้วยอบตัวลงกอดหลานชายแสนน่ารักทันที
“ว่าไงคนเก่ง หนูทำอะไรอยู่ลูก” มาลีอุ้มเด็กชายแล้วเดินไปยังโถงหน้าทีวี ขณะที่วงศ์เดือนนำอาหารไปวางไว้บนเคาน์เตอร์ในห้องครัว
“ผลไม้ยังไม่ได้ล้างนะวุ้น” มาลีร้องบอก “วันนี้เราเล่นอะไรดีจ๊ะคนเก่ง”
“เล่นไดโนเสาร์” พ่อหนูบอกพร้อมกับลุกขึ้นจากตักเดินไปหยิบตุ๊กตาไดโนเสาร์สองตัวกลับมานั่งลงบนพื้นตรงหน้ามาลี คนเป็นแม่หันไปมองลูกชายพลางส่งยิ้มอ่อน
“ถามหาป้ากับลุงทุกวัน วันนี้ถามว่าป้าจะมาตอนไหน แล้วพี่วินล่ะ ทำโอทีเหรอถึงไม่มาด้วยกัน”
“อืม ได้สองเท่าเลยต้องเอาเงินไว้ก่อน แต่บอกว่าพรุ่งนี้จะพาหลานไปเที่ยวสวนสัตว์” มาลีขยี้ผมหลานชายอย่างรักใคร่เอ็นดู หล่อนกับวสันต์ที่แต่งงานกันมาหลายปีแล้วแต่ไม่สามารถมีลูกได้ เพราะวสันต์เป็นหมัน ทำให้ทั้งคู่รักหลานชายเหมือนกับลูกทีเดียว เคยขอวงศ์กวีไปเลี้ยงแบบลูก แต่ วงศ์เดือนไม่อาจตัดใจจากลูกน้อยได้ ทั้งหมดจึงตกลงกันว่าจะช่วยกันเลี้ยงพ่อหนูอย่างดีที่สุด
เด็กน้อยที่เกิดมาโดยไร้เงาของพ่อ จึงไม่เคยขาดความรักความอบอุ่นเลยสักนิด เขาไม่เคยถามถึงพ่อด้วยซ้ำไป บางทีอาจยังเด็กเกินไปที่จะรู้สึกว่าเขาขาดคนใดคนหนึ่ง หรือเพราะรอบกายของเขาโอบล้อมไปด้วยคนที่รักจึงไม่รู้สึกว่าขาด
“ก็ดีนะ เปลี่ยนบรรยากาศบ้างก็ดี” วงศ์เดือนตอบพลางนำผลไม้ใส่จานแล้วถือมาวางตรงหน้าสองป้าหลาน
“ฉันอิจฉาเธอรู้ไหม” มาลีเปรยขึ้นขณะมองหลานชายเล่นตุ๊กตา “ฉันอยากมีลูก แต่ก็มีไม่ได้”
วงศ์เดือนมองเพื่อน รับรู้เรื่องราวของมาลีกับพี่ชายด้วยความเห็นใจ ทั้งคู่เคยปรึกษาแพทย์และลองทำมาหลายวิธีแต่ก็ยังไม่เป็นผล เรียกว่าพอตรวจร่างกายเข้าจริงๆ ไม่ใช่เพียงวสันต์ที่เป็นหมันแต่ตัวมาลีเองก็ไม่แข็งแรงนัก ทำให้มีปัญหาการตั้งครรภ์ยาก จนวสันต์ถึงกับบอกว่าจะหย่าให้หากภรรยาต้องการ เขาโทษว่าเป็นความผิดของตนเองที่ไม่อาจมีลูกได้ ทว่ามาลีนั้นรักพี่ชายของหล่อนมากเกินกว่าจะเอาเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้าง จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมคนทั้งสองจึงรักลูกชายของหล่อนราวกับลูกแท้ๆ ของตนเอง เพราะเกือบทุกวันหยุดของทั้งคู่ มักจะมารับวงศ์กวีไปค้างที่บ้านด้วยเสมอ และลูกชายตัวน้อยก็รักลุงกับป้ามากเช่นกัน
“แล้วไปปรึกษาหมอคนใหม่หรือยัง”
มาลียิ้มพลางตอบ
“ตอนแรกพี่วินว่าจะไป แต่พอมีน้องก้องแล้วเขาก็รักมาก บอกกับฉันว่าไม่มีลูกของตัวเองก็ไม่เป็นไรเราช่วยเลี้ยงน้องก้องก็ได้ เคยเปรยว่าถ้าอนาคตเธอตัดสินใจแต่งงานกับใครสักคน เขาอยากจะขอน้องก้องมาเป็นลูกบุญธรรม”
ใช่แล้ว วงศ์เดือนรู้ดี พี่ชายเคยเปรยเอาไว้ แต่หล่อนก็พูดทีเล่นทีจริงไปว่าเอาไว้ให้ถึงตอนนั้นก่อนเถอะ บางทีพอโตขึ้นอาจจะเกเรจนพี่ชายของหล่อนเปลี่ยนใจก็ได้
“ตอนนี้เขาก็เหมือนลูกชายของเธอกับพี่วินไปแล้วนะ หายไปไม่กี่วันก็ถามหาตลอด” วงศ์เดือนเอ่ยยิ้มๆ พลางลูบศีรษะลูกชายด้วยรักใคร่สุดหัวใจ คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นยิ้มจนเห็นฟันครบทุกซี่ ก่อนจะหันกลับไปเล่นของเล่นอีกครั้ง
“แต่ถ้าเธออยากยกให้เราเร็วขึ้นก็บอกได้เลยนะ” มาลีพูดทีเล่นทีจริง แต่ในใจวาดหวังเอาไว้ว่าเพื่อนจะยอมยกลูกชายให้มาอยู่ในความดูแลของตนเช่นกัน ทำเอาฝ่ายนั้นหัวเราะเบาๆ พลางบอก
“เอาไว้ฉันเอาไม่อยู่เมื่อไรจะส่งไปให้ดูแลก็แล้วกันนะ แต่ตอนนี้ยังไหว” หญิงสาวยิ้ม พลางบีบมือเพื่อน เพราะตั้งแต่คลอดลูกชายคนที่ช่วยหล่อนดูแลราวกับแม่คนที่สองก็คือมาลี เมื่อตระหนักได้ดังนั้นจึงก้มลงถามลูกชายว่า
“ให้เรียกแม่ลีดีไหมน้า”
คนเป็นลูกเงยหน้ามองแม่อย่างไม่เข้าใจ
“ไหนลองเรียกแม่ลีสิลูก”
วงศ์กวีสบตาคุณป้ามาลีแล้วพูดตามแม่
“แม่ลี” จากนั้นก็ก้มลงเล่นของเล่น ไม่ได้คิดอะไรอีก แต่คนที่ถูกเรียกแม่ลีกลับน้ำตาซึมจนไหลออกมาทางหางตา โน้มตัวลงกอดหลานชายแล้วจูบเบาๆ ที่ขมับ
“คนเก่งของแม่ลี”
วงศ์เดือนน้ำตาคลอ ลูบไหล่เพื่อนพลางบอก
“ต่อจากนี้ก็เรียกตัวเองแบบนี้นะ น้องก้องจะได้ชิน ให้เขาเรียกพี่วินว่าพ่อวินด้วย”
มาลียิ้มปากสั่น ด้วยตื้นตันใจ ก่อนจะหันมากอดเพื่อนรักเอาไว้แน่น
“ขอบใจนะ ขอบใจมาก”
“ฉันสิต้องขอบใจเธอกับพี่วิน ถ้าไม่มีพวกเธอสองคน ฉันก็ยังไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงบ้าง เพราะฉะนั้นเธอกับพี่วินสมควรถูกเรียกว่าพ่อวินกับแม่ลีมากที่สุด”
สองเพื่อนรักสบตาอย่างเข้าอกเข้าใจกัน จากนั้นมาลีก็เรียกตนเองว่าแม่ลี จนคนตัวเล็กไร้เดียงสาเริ่มพูดตามจนคล่องปาก