“เอมก็พูดเกินไป พี่ทำตามหน้าที่ครับ” ภาวินทร์ถ่อมตน
“พ่อว่าเอมพูดถูกนะ ป้องเก่งมาก เก่งมากจริงๆ พาบริษัทของพ่อทะยานขึ้นเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ กำไรก็มากขึ้นทุกปีด้วย ไม่เสียแรงที่พ่อไว้ใจและรัก”
“ผมขอบคุณคุณพ่อเช่นกันครับที่รักและเมตตาผม ผมจึงตั้งใจทำงาน ตอบแทนคุณพ่อไงครับ”
“พ่อขอบใจมากเลย ยิ่งมองเห็นยอดขายก็ยิ่งอยากให้รางวัลคนเก่งของพ่อ เอ...ให้อะไรดีนะ” อมรทำท่าคิด ก่อนจะยิ้ม “ให้เอมเป็นรางวัลดีไหม พ่อจะจัดงานแต่งงานให้เอมกับป้อง ส่วนเรื่องสินสอดพ่อไม่เอา ขอแค่ป้องรักเอมก็พอ”
อมรมองไม่เห็นว่าใครจะเหมาะสมกับตำแหน่งลูกเขยได้เท่าภาวินทร์ ภาวินทร์เป็นหนุ่มไฟแรง มีสมองทางธุรกิจ สายตากว้างไกลไม่หยุดอยู่ในกรอบ พลิกฟื้นพีวายเคให้ตลาดเป็นที่รู้จัก นำพาความปลาบปลื้มใจให้อมรไม่น้อย ไม่แปลกที่อมรจะอยากได้ภาวินทร์เป็นลูกเขยจนตัวสั่น
ภาวินทร์ถือได้ว่า เป็นกำลังหลักของบริษัท เขาทำหน้าที่หลายอย่างในตำแหน่งเดียวกัน และทำได้ดีจนอมรที่นั่งตำแหน่งประธานบริษัทแทบไม่ต้องทำอะไรเลย นอกจากอนุมัติตามที่ภาวินทร์เสนอมา
“เพราะอย่างนั้นเราถึงต้องเพิ่มการผลิตขึ้นครับ จากออเดอร์ที่สั่งจองล่วงหน้ามาก็เกือบสองแสนแล้ว ผมคิดว่าลอตนี้น่าจะทำเผื่อไปเป็นห้าแสนตลับนะครับ ยิ่งผลิตมากต้นทุนเราก็น้อยลงด้วย” ภาวินทร์พูดเรื่องงานก่อน “ส่วนเรื่องแต่งงาน ผมแต่งแน่ครับ หัวใจผมเป็นของเอมคนเดียว ผมไม่มีวันแต่งงานกับคนอื่นแน่นอน แต่อย่างที่ผมเคยบอกคุณพ่อคุณแม่ว่า ไม่อยากให้ใครคิดว่าผมเป็นหนูตกถังข้าวสาร ผมอยากให้คุณพ่อคุณแม่และเอมภูมิใจในตัวผม เงินเก็บที่ผมตั้งใจไว้ว่าจะให้เป็นค่าสินสอดและซื้อแหวนให้เอมใกล้แล้วครับ ขอเวลาอีกสักระยะนะครับ ผมจะพาผู้ใหญ่ไปสู่ขอเอมกับคุณพ่อครับ”
“เอมรอได้ค่ะคุณพ่อ เอมเข้าใจพี่ป้องค่ะ”
เอมิการู้เรื่องนี้ดี เขาบอกหล่อนหลายครั้ง ซึ่งหล่อนเข้าใจและรอคอยเขาได้ มีความมั่นใจเกินร้อยว่า ภาวินทร์ไม่มีทางปันใจให้หญิงอื่น เขารักหล่อนคนเดียว
“ถ้าเป็นความต้องการของป้อง พ่อจะรอจนกว่าป้องพร้อม” อมรยิ้มให้ว่าที่ลูกเขยที่ยิ้มตอบกลับ ก่อนจะเข้าเรื่องสำคัญอีกเรื่องที่ภาวินทร์ตระเตรียมมา
“คุณพ่อช่วยเซ็นเอกสารด่วนให้ผมด้วยครับ อันที่จริงต้องเซ็นตั้งแต่เมื่อวานนี้ แต่คุณพ่อไปเพชรบุรี ผมเลยให้ทางฝ่ายจัดจำหน่ายหยุดการส่งออกก่อน เพราะถ้าไม่มีคำสั่งอนุมัติจากคุณพ่อ ของก็ส่งออกไม่ได้” ภาวินทร์พูด ขณะกางแฟ้มตรงหน้าที่อมรต้องเซ็นอนุมัติ “นี่ครับเอกสารที่คุณพ่อต้องเซ็น”
“เอาอย่างนี้ดีกว่า พ่อจะเซ็นมอบอำนาจให้ป้อง ถ้าพ่อไม่อยู่แล้วมีเอกสารด่วนที่ต้องเซ็นหรือมีเรื่องตัดสินใจ ป้องจะได้จัดการแทนพ่อไปเลย” ความไว้ใจ เชื่อใจที่มีต่อภาวินทร์ ส่งผลให้อมรตัดสินใจมอบอำนาจให้ภาวินทร์เป็นคนดูแล
“ผมว่าอย่าดีกว่าครับ ตอนนี้ผมเป็นคนนอกอยู่ หากคุณพ่อทำอย่างนั้นคนอื่นอาจมองผมในแง่ไม่ดีได้” ภาวินทร์ปฏิเสธ ก่อนจะเสนอแนะ “ผมคิดว่า คุณพ่อเซ็นมอบอำนาจให้เอมดีกว่าครับ เพราะเอมอยู่กับผมตลอด มีงานด่วนจะได้ให้เอมเซ็น”
“เอาอย่างนั้นก็ได้” อมรไม่มีปัญหา ภาวินทร์ว่าไงเขาว่าตาม
ภาวินทร์มองวินาทีที่อมรเซ็นชื่อลงในเอกสาร ที่อมรไม่ได้อ่านสักนิดเลยว่าเป็นเอกสารใด ราวกับว่าอมรมีหน้าที่เซ็นก็เซ็นอย่างเดียว เมื่อลงชื่อเสร็จ อมรก็ส่งแฟ้มคืนให้คนรักของบุตรสาว
“ผมขอตัวก่อนนะครับ มีงานต้องเคลียร์”
ภาวินทร์ลุกขึ้นยืนเดินออกไปจากห้องประธานบริษัท เพื่อไปทำงานของตน
“เรานี่เอาเปรียบป้องนะ เป็นลูกเจ้าของบริษัทแท้ๆ แต่ไม่ทำอะไรเลย ลอยไปลอยมาอยู่ได้ เมื่อไหร่จะเข้ามาดูงานบ้าง” อมรบ่นไม่จริงจัง
“เอมไม่ชอบ มีแต่ตัวเลขทั้งนั้นอะไรก็ไม่รู้ ดูแล้วปวดหัว อยู่เฉยๆ ดีกว่าค่ะ อยู่เฉยๆ ก็มีเงินใช้ ไม่เห็นต้องเหนื่อย” ความที่ถูกตามใจมาตั้งแต่เด็ก อีกทั้งถูกประคบประหงมมาโดยตลอด ส่งผลให้หล่อนกลายเป็นคุณหนูอย่างแท้จริง รักสบาย ไม่ชอบทำงาน “เอมไปก่อนดีกว่าคะ กะว่าจะไปเม้าท์กับจิ๊บซะหน่อย ไม่ได้เม้าท์มาตั้งหลายวันแล้ว”
“ทีเรื่องชาวบ้านนี่เก่งนักนะ ถ้าเอาเวลาไปยุ่งเรื่องคนอื่นมาดูแลบริษัท พ่อว่าไม่ดีกว่าเหรอ”
“คุณพ่อไม่รู้อะไร เรื่องของชาวบ้านคืองานของเอมไงคะ การที่เรารู้เรื่องของคนในบริษัท ก็เท่ากับว่าเราคอยตามดูพฤติกรรมของพนักงานคน ๆ นั้นไปด้วย ไม่แน่ว่าอาจะได้ข้อมูลอะไรดีๆ ก็ได้ เอมไปก่อนนะคะ”
อมรส่ายหัวกับการแถจนสีข้างถลอกของบุตรสาว เขาไม่คิดว่า เอมิกาจะชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้านได้มากขนาดนี้ เป็นนิสัยที่แก้ไม่หายเช่นเดียวกับความขี้เกียจทำงาน อมรคงหวังพึ่งเอมิกาไม่ได้ จะมีเพียงภาวินทร์คนเดียวเท่านั้นที่จะสานต่อกิจการทั้งหมดของตน