19.00 น.
“เห้อ...ปวดกบาลเว้ย” อ้ายอันนั่งมองบัญชีลูกหนี้ต่างๆ ที่เธอรับผิดชอบดูแล
ตัวเลขสีแดงที่อยากกด Delete ทิ้งแต่ก็ทำไม่ได้ ได้แต่หวังว่าฝ่ายขายจะรีบตามเงินได้ในเวลาอันรวดเร็ว
ก่อนหมดวาระผู้จัดการคนเก่า งานของเธอต้องสมบูรณ์พร้อมและไร้ปัญหาใดๆ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“คะ?”
“ยังไม่กลับอีกเหรอครับคุณอัน”
“กำลังจะกลับเลยค่ะคุณไท่”
บนชั้นสามสิบในขณะที่ส่วนของสำนักงานออฟฟิศปิดไฟมืดกันหมดแล้วแต่ก็ยังมีบางส่วนยังฃสว่างไสว
ผู้จัดการสาขาประเทศไทยมิสเตอร์ไท่เดินมาทักทายรองผู้จัดการฝ่ายบัญชี เขารู้ดีว่าเธอต้องยังไม่กลับแน่ๆ
ภาพจำของบัญชีสุดเซอร์อ้ายอัน หรือ อัญชิสา คือหนึ่งในพนักงานที่มักมาก่อนกลับทีหลังเป็นประจำ
วันๆ เธอจะนั่งเคาะนิ้วกับโต๊ะเป็นจังหวะด้วยสีหน้าเคร่งเครียดกับตัวเลขที่ไม่ลงตัวสักที
“คุณอันกับคุณเอลี่เคลียร์ใจกันรึยังครับ”
“ไม่มีอะไรต้องเคลียร์กันขนาดนั้นหรอกค่ะคุณไท่”
“จริงอยู่ว่าคุณเอลี่อาจจะให้เครดิตลูกค้ามากไป แต่คุณอันก็พูดแรงไปนะครับ ผมไม่อยากให้พวกคุณทะเลาะกันเลย”
“ค่ะ”
เธอรับคำอย่างว่าง่ายพร้อมค้อมศีรษะลงเพื่อเป็นการกล่าวลา
ใบหน้านิ่งเรียบ น้ำเสียงเย็นชามาพร้อมกับกางเกงยีนขาดวิ่งและผ้าใบสีมอมเป็นอะไรที่คนมองเผลอยิ้มอย่างไรเหตุผลซะทุกที
“คุณไท่ไม่ต้องกังวลเรื่องอันกับอรินะคะ พวกเรารู้จักกันมานานค่ะ อาจจะพลั้งปากเสียใส่กันบ้างแต่เดี๋ยวก็ดีกันเอง”
“What”
หนุ่มใหญ่สัญชาติมาเลเซียฟังแล้วก็ไม่เข้าใจ ในห้องประชุมวันนี้พวกเธอโกงคอต่อว่ากันอย่างไม่มีใครยอมใครแล้วจะมาเข้าใจกันได้เองยังไงกัน
ผู้จัดการไท่ได้ยินมาว่ารองผู้จัดการรายนี้ตรงยิ่งกว่าไม้บรรทัด พูดจาขวานผ่าซาก หน้านิ่ง แต่งตัวเซอร์ไม่มีความเป็นผู้หญิงจะสนิทสนมเข้ากับเออีฝ่ายขายผู้ยิ้มเก่ง ร่าเริง สวยสะพรั่งและมีความสามารถรอบด้านราวกับพี่น้องแท้ๆ
หรือจะดูจากชื่อเล่นที่อ้ายอันมักจะเรียกเอลี่ว่าอริ ซึ่งนั้นดูเหมือนว่าข่าวนี้จะจริงตามที่ใครๆ เขาว่า
“ครับ! เจอกันพรุ่งนี้”
“สวัสดีค่ะ”
ผู้จัดการหนุ่มตรงไปลานจอดรถอีกด้าน ส่วนบัญชีสาวตรงไปยังสถานีรถไฟฟ้าใกล้ๆ
ทั้งออฟฟิศและที่พักล้วนแล้วแต่อยู่ใจกลางเมืองที่สามารถเดินได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ต้องทนติดอยู่บนท้องถนนแสนติดขัดด้วยการจราจร
“ให้พี่ส่งมั้ยจ๊ะน้องสาว”
“เจออีกแหละ น่ารำคาญจริงๆ”
สองขาก้าวย่างช้าๆ บนทางเดินฟุตบาท อ้ายอันไม่เคยปล่อยเรื่องหนักๆ ในหัวสมองลงได้
ไหนจะมีคนคอยกวนประสาทและชอบทำให้อับอายต่อหน้าสาธารณชนคนเยอะแยะ
“รีบไปไกลๆ เลยนะ”
“แหม! เล่นตัวเหลือเกินนะ อายุมากแล้วนะเรา คนคุยสักคนยังไม่มีด้วยซ้ำ ระวังจะขึ้นคานนะจ๊ะน้อง” น้ำเสียงหยอกล้อปนหัวเราะคิกคักทำหัวฟังหัวเสีย อ้ายอันตวัดตาดุราวกับจะขย้ำคนแซวตรงหน้า
“หาของตัวเองให้ได้ก่อนนะ”
“อีอัน”
“เสียงดังลั่นถนนเลยนะอริ ไม่ต้องทักกูทุกทีที่เจอก็ได้” คนที่หยอกล้อเล่นหัวได้อย่างสบายใจไม่ใช่ใคร นั้นคือเออีสาวเพื่อนร่วมงานที่ออฟฟิศ
ไม่ใช่แค่ที่ทำงานเท่านั้นที่ทั้งคู่ต้องเจอหน้ากัน แต่รวมไปถึงที่พักอาศัยด้วย
“ขึ้นมา เดี๋ยวไปส่ง”
“พูดดี อยู่ตึกเดียวกันชั้นเดียวกัน เอาอะไรไปส่งกู”
“พูดแบบนี้เดี๋ยวพี่ส่งถึงขอบเตียงเลยดีมั้ย”
ฮา ๆ ๆ
แม้เรื่องงานจะจริงจังเข้าขั้นไม่มีใครยอมใคร แต่ต่างคนต่างรักและรู้นิสัยกันดีเพราะเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่อายุสิบปีจนถึงปัจจุบัน
ไม่ว่าจะโรงเรียนมัธยมหรือรั้วมหาวิทยาลัย ทั้งอ้ายอันและเอลี่ต่างก็ใช้ชีวิตแบบตัวติดกันเสมอมา
จะว่าไปแล้ว เมื่อจบการศึกษาทั้งคู่ก็ยังคงทำงานในบริษัทเดียวกัน ซื้อคอนโดหรูใจกลางเมืองที่เดียวและชั้นเดียวกันตามเคย
“ทำไมกลับบ้านดึกจังวะ”
“จะกลับกี่โมงก็ยังบังเอิญเจอมึงทุกครั้ง ถามจริง! ดักรอกูอยู่ใช่ไหม”
“เออ! หิวมากเลยเนี้ยมีไรกินมั้ง” สองเพื่อนรักก้าวออกจากลิฟต์โดยสาร
ประตูห้องหมายเลข 2204 ของอ้ายอันคือจุดหมายที่เอลี่มักต้องไปอยู่ในนั้นจนอิ่มท้องซะก่อนจะกลับห้องตัวเอง
“อริ! กลับไปนอนห้องมึงสิ อีนี่ อิ่มเป็นหลับขยับเป็นแดกทุกทีเลยนะ” บนโต๊ะกระจกใสที่ห้องรับแขก
เพื่อนรักเพื่อนสนิทกินอิ่มก็นอนฟุบไปกับโต๊ะ
เอลี่ติดใจรสมืออ้ายอันเพราะเพื่อนทำให้กินตั้งแต่เด็กจนกลายเป็นนิสัย
ทุกเย็นสองเพื่อนรักต้องมานั่งทานข้าวร่วมโต๊ะด้วยกันตามด้วยเครื่องดื่มรสเลิศ
“มึง! ยังไม่ถึงครึ่งขวดเลยนะ”
“คออ่อนก็กลับบ้านไปนอนนะ ตรงนี้ผู้ใหญ่เขาจะนั่งดื่มกันยาวๆ” คนคอแข็งกว่าโบกมือไล่เอลี่กลายๆ
สายแข็งอย่างอ้ายอันดื่มจนเป็นนิสัย หากคืนไหนไม่ได้ดื่มก็นอนไม่หลับเช่นกัน