บทที่ 03
เพื่อน เจ้านาย เจ้าหนี้ [1]
“ได้ของที่ฝากเอามาไหมยัยทิพย์เพื่อนรัก”
ตุ้บ!
“ฉันไม่กล้าลืมของแกหรอกย่ะ เดี๋ยวแกกรี๊ดใส่หน้า” หยาดทิพย์แกล้งว่าหลังจากที่กองทรัพย์สมบัติของพลอยกะรัตลงที่โซฟาด้านข้าง มีทั้งกระเป๋ากล้องสีดำ กระเป๋าโน้ตบุ๊กรวมถึงกระเป๋าเป้อีกใบที่ด้านในเป็นเสื้อผ้าของพลอยกะรัต
“ไม่ฟาดหน้าเลยล่ะ”
“ได้เหรอ”
“ก็ไม่ได้น่ะสิ แกนี่ ขอบใจมากเลยนะ ถ้าไม่ได้แก ฉันก็ไม่รู้จะพึ่งใครแล้วเหมือนกัน” พลอยกะรัตบอกด้วยความซาบซึ้งใจ เพราะในยามคับขันแบบนี้ เธอมองไม่เห็นใครอื่นแล้วจริงๆ นอกจากหยาดทิพย์
“ถ้าอย่างนั้นแกก็ควรจะสำนึกบุญคุณฉันเอาไว้นะยัยพลอย บอกมาเดี๋ยวนี้ว่า...”
“เรื่องนั้นฉันยังเล่าไม่ได้น่ะ” พลอยกะรัตตัดบท เรียกเสียงถอนหายใจจากหยาดทิพย์ได้หนึ่งเฮือก
“ขอโทษนะยัยทิพย์ แต่ไม่ใช่ว่าฉันไม่ไว้ใจแกหรือว่าอะไรทั้งนั้น แกห้ามคิดแบบนั้นเด็ดขาด แกเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดที่ฉันมีเลยนะ ยิ่งในเวลาที่ฉันไม่เหลืออะไรแบบนี้แกก็ยังไม่ทิ้งฉันไปไหน ฉันซึ้งจนน้ำตาจะไหลแล้วจริงๆ”
“พอๆๆ แกไม่ต้องมาชักแม่น้ำทั้งห้า ฉันเข้าใจนะว่ามันอาจมีผลต่อรูปคดี เพราะยังไงเสียฉันเองก็ไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดว่าคุณลุงเพชรจะทำแบบที่คนอื่นเขาพูดกัน” หยาดทิพย์ถือโอกาสบอกเพราะไม่ต้องการทำให้พลอยกะรัตรู้สึกแย่ไปกว่าเดิม
พลอยกะรัตเองก็ทำใจเอาไว้อยู่แล้วว่าจะต้องมีคนพูดถึงพ่อของเธอรวมถึงตัวเธอในทางไม่ดี เพราะวันนั้นตอนที่พ่อของเธอถูกตำรวจจับ เรื่องก็เกิดขึ้นท่ามกลางสายตาของคนอื่นๆ ยังไงก็ไม่มีทางเลี่ยงการถูกนินทาไปได้
“ขอบใจนะที่แกเชื่อ”
“ขอบใจทำบ้าอะไรล่ะ แกเป็นเพื่อนฉันนะ ยังไงฉันก็ต้องเชื่อแกอยู่แล้ว แต่ถามจริงๆ เถอะนะยัยพลอย เจอแบบนี้แกจะทำยังไงต่อวะ งานก็ไม่มีทำ บ้านก็ไม่มีอยู่ ฉันเตือนแกแล้วใช่ไหมว่าของทุกอย่างหัดทำให้มันเป็นชื่อของตัวเองอย่างถูกต้องเสียบ้าง ไม่ใช่คิดแต่ว่าเป็นลูกคนเดียว ทุกอย่างที่เป็นของพ่อจะต้องเป็นของแกไปทั้งหมดโดยไม่มีคนมาแย่ง เป็นไงล่ะ โดนยึดไปหมดแบบนี้จะทำยังไงต่อ”
พลอยกะรัตกลอกตาเซ็ง ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าหยาดทิพย์ผู้เรียบร้อยของเธอที่ปกติแล้วจะทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดีจะสวมบทนักเทศน์มาเทศนาเธอเสียยืดยาว
“รู้แล้วๆ จำขึ้นใจแล้วจ้าแม่ แต่รอให้ผ่านเรื่องนี้ไปได้ก่อนก็แล้วกัน ส่วนเรื่องทรัพย์สมบัติอะไรนั่นมันก็ยังไม่หายไปไหนหรอก เพราะยังไงเสียถ้าฉันกับพ่อพิสูจน์ตัวเองได้ว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทุจริต ทุกอย่างก็ต้องกลับคืนมาเป็นของพ่อฉันซึ่งก็คือของฉันอยู่ดี”
“ยังอีก”
“เออ เดี๋ยวได้คืนมาแล้วควงพ่อไปโอนเป็นชื่อฉันให้หมดเลย แกพอใจหรือยัง”
“เฮ้อ คุยกับแกนี่มันเหนื่อยจริงๆ” หยาดทิพย์ถอนหายใจทิ้งอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะเปิดกระเป๋าแล้วหยิบเงินออกมาจำนวนหนึ่งยื่นให้กับพลอยกะรัต
“อะ”
“อะไร”
“เงินน่ะสิ แกเห็นเป็นบิลค่าไฟหรือไง” ประชดไปหนึ่งกรุบ แต่ยื่นไปจนจะทิ่มตาพลอยกะรัตอยู่แล้วแต่เจ้าตัวก็ยังไม่ยอมรับมันไปสักที
“ให้ยืม เดี๋ยวทุกอย่างเรียบร้อยแล้วแกค่อยเอามาคืน แกบอกเองไม่ใช่เหรอว่าไม่มีเงินติดตัวน่ะ เข้าใจนะว่าแกน่าจะยังทำธุรกรรมออนไลน์ได้บ้าง แต่ทางที่ดีก็อย่าเคลื่อนไหวอะไรมากจะดีที่สุดไม่ใช่หรือไง”
“ฉัน...”
“รับไปเถอะ ใจหนึ่งก็สมน้ำหน้าแกอยู่หรอกนะ เงินสดไม่ค่อยจะชอบพกติดตัว เอะอะโอนๆ เฮ้อ เป็นไงล่ะ ตอนนี้มีกี่บัญชีก็รอตรวจสอบหมดล่ะสิ”
“ยัยทิพย์”
“อย่าซึ้ง เอาไป ถ้าเกรงใจก็บวกดอกเบี้ยตอนคืนมาให้แล้วกัน”
หยาดทิพย์พูดเร็วปร๋อเพราะไม่ต้องการให้พลอยกะรัตมีโอกาสได้เถียง และเธอเองก็ไม่ได้อยากจะให้เรื่องมันกลายเป็นแบบนี้สักเท่าไร เธอเป็นเพียงพนักงานที่กินเงินเดือนแบบมนุษย์เงินเดือนทั่วๆ ไป เทียบกับพลอยกะรัตแล้ว เธอไม่คิดเลยจริงๆ ว่าวันหนึ่งเธอจะได้กลายเป็นเจ้าหนี้ของคุณหนูพลอยกะรัตผู้คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดคนนี้
“ผู้ใหญ่ให้ของยังไม่รีบรับอีก แกอย่ามางอแง ใช่เวลามาร้องไห้ไหมยัยพลอย”
“ซึ้งอะ” พลอยกะรัตน้ำตาคลอ ก่อนจะโผเข้ากอดหยาดทิพย์เอาไว้แล้วสะอื้นไม่หยุดจนหยาดทิพย์ต้องยกมือขึ้นลูบหลังปลอบประโลม
“แกยังมีฉันนะยัยพลอย มีอะไรให้ช่วยบอกได้เลย เรื่องไหนแกอยากให้ฉันเก็บเป็นความลับฉันจะเหยียบให้มิดแล้วให้มันตายไปพร้อมกับฉันแน่นอน” หยาดทิพย์ให้สัญญา
พลอยกะรัตผละตัวออกก่อนจะส่งยิ้มทั้งน้ำตาให้กับเพื่อนสนิทที่เธอเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะใจดีกับเธอมากขนาดนี้
“ขอบใจแกจริงๆ นะ แต่แกเก็บเงินนี่ไปเถอะ ฉันยังไหว” พลอยกะรัตจับมือของหยาดทิพย์ให้กำเงินก้อนนั้นเอาไว้ ซึ่งแม้จำนวนเงินจะไม่มาก แต่สำหรับหยาดทิพย์และพลอยกะรัตในเวลานี้ มันกลับมีค่ามากเหลือเกิน
“นี่ยัยพลอย...”
“ก่อนหน้านี้ฉันมีโอกาสได้คุยกับพี่ปราชญ์น่ะ เขาจ้างฉันถ่ายรูปโพรดักส์ให้เขา ฉันถึงให้แกเอากล้องมาให้นี่ไงล่ะ” พลอยกะรัตบอกยิ้มๆ
แม้เธอจะมีตำแหน่งหน้าที่การงานที่ดี แต่มีงานอดิเรกเป็นช่างภาพ รับถ่ายภาพทั่วไปให้กับเพื่อนๆ หรือคนรู้จัก นอกจากนั้นแล้วก็ยังรวมไปถึงภาพสินค้าหรือโพรดักส์ต่างๆ ที่ส่วนมากคนที่มาจ้างเธอก็มักจะเป็นเพื่อนๆ หรือคนรู้จักอีกเหมือนกัน
“แล้วมันจะพอหรือไง ไหนแกบอกว่าต้องหาเงินมาใช้หนี้บริษัทด้วย”
“ฉันว่าน่าจะพอซื้อเวลาระหว่างที่ฉันกับพ่อกำลังช่วยกันรวบรวมหลักฐานได้ว่ะ” พลอยกะรัตบอกแบบแบ่งรับแบ่งสู้
“แน่ใจนะ”
“อืม แกเก็บไว้เถอะ เอาเป็นว่าถ้าฉันไม่ไหวจริงๆ ฉันจะรีบบอกแกก็แล้วกัน” พลอยกะรัตพยายามรักษาน้ำใจ เธอรู้สึกตื้นตันมากจริงๆ กับความช่วยเหลือของหยาดทิพย์ในวันนี้ และตั้งใจเอาไว้แล้วว่าหากมีโอกาส เธอจะตอบแทนเพื่อนคนนี้ในทันที
“เออ มีอะไรให้ช่วยก็บอกแล้วกัน”
“ช่วยจ่ายค่ากาแฟวันนี้ให้หน่อย” พลอยกะรัตบอกแล้วฉีกยิ้มกว้าง หยาดทิพย์จิปากใส่แต่ก็ยินดีที่จะเลี้ยงอย่างไม่มีเงื่อนไข
ทั้งสองคนพูดคุยกันต่ออีกนิดหน่อยจึงแยกย้ายกันกลับ ก่อนหน้านี้พลอยกะรัตขออนุญาตภูมิพัฒน์แล้ว รวมถึงรายงานเขาแล้วด้วยว่าเธอจะขอออกมาพบกับหยาดทิพย์ที่ร้านกาแฟไม่ไกลจากคอนโดมากนัก แล้วจะรีบกลับ แต่ไม่ได้บอกกับหยาดทิพย์ว่าเธอพักอยู่ที่คอนโดของภูมิพัฒน์ เพราะนั่นคือเงื่อนไขที่เธอตกลงกับภูมิพัฒน์เอาไว้ว่าไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าเขาเป็นคนช่วยเหลือเธอ หรือแม้แต่รายละเอียดอื่นๆ ที่ทำให้เขายอมช่วยเหลือเธอก็ไม่ได้บอกด้วยเหมือนกัน
“ขอบใจนะยัยทิพย์”
“เออ มีอะไรโทรมาเลยนะ ส่วนเรื่องที่บอกก็ไม่ต้องห่วง มีอะไรคืบหน้าจะโทรบอกเหมือนกัน”
“อืม ไปละ บาย”
โบกมือลากันที่หน้าร้านก่อนที่จะแยกย้ายกันทันทีเพราะพลอยกะรัตเองก็ไม่ได้ต้องการให้ใครสังเกตเห็น
หยาดทิพย์เดินกลับไปที่รถแล้วขับกลับคอนโดของตัวเอง ส่วนพลอยกะรัตทำทีเป็นเดินมาเรื่อยๆ เพราะไม่อยากให้หยาดทิพย์สังเกตเห็นว่าเธอเดินกลับคอนโดของภูมิพัฒน์