“เธอจะลีลาอีกนานไหม บอกให้ลงก็ลงสิ”
“แล้วคุณพาฉันมาที่ไหนเล่า”
“มีตาไหมพิมพ์ชนก ที่นี่ร้านเสื้อผ้า ฉันคงพาเธอมานั่งกินข้าวชมวิวหรอกมั้ง!” ความหงุดหงิดที่สะสมมาตั้งแต่ตอนคุยกับออสตินยังไม่ทันจาง แม่กวางน้อยยังมาขัดใจอีก
“ลงมา!” ไม่รออีกต่อไป ลูเซียโน่ดึงข้อมือพิมพ์ชนกให้เดินตามตนเข้าไปในร้านสุดหรู
“สวัสดีค่ะท่าน” พนักงานต้อนรับรีบยกมือไหว้ด้วยท่าทีสุภาพ ฉีกยิ้มกว้างเต็มที่ ระดับแขกวีไอพีมาเยือนทั้งทีก็ต้องพิถีพิถันกันหน่อย
“วันนี้ท่านต้องการสูทแบรนด์ไหนเป็นพิเศษคะ?” ปกติเขามักจะมาหาซื้อเสื้อสูทสำหรับใส่ออกงานที่ร้านแห่งนี้เป็นประจำ
“ไม่ครับ วันนี้ผมพาแฟนมาเลือกซื้อเสื้อผ้า”
พิมพ์ชนกตวัดตามองคนพูดทันที แฟนงั้นหรือ? เขากล้าใช้คำ ๆ นี้ต่อหน้าคนอื่นได้ยังไงกัน ทำแบบนี้เธอเสียหายนะ
“แฟน… หรือคะ?” พนักงานสาวมองหน้ากันอย่างงุนงง ปกติไม่เคยเห็นควงใครเป็นพิเศษ แล้วทำไมถึงมีแฟนได้ ตามข่าวแวดวงนักธุรกิจก็ไม่มีหลุดเรื่องความรักของเจ้าพ่อกาสิโนคนนี้แม้แต่น้อย
“ครับ” ลูเซียโน่ตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“เชิญค่ะคุณผู้หญิง ทางร้านเรามีเสื้อผ้าหลากหลายแบรนด์ดังที่นำเข้าจากต่างประเทศ ชอบแบบไหนเลือกได้ตามสบายเลยนะคะ หรือถ้าอยากจะลองชุดก่อนก็เชิญที่ห้องลองได้เลยค่ะ” พนักงานสาวสามสี่คนกรูเข้ามาหาพิมพ์ชนก เธอหันไปสบตาผู้ชายด้านหลัง
“เลือกเอาตามที่อยากได้” เขาบอกเพียงแค่นั้น
“แต่ว่า…”
คำพูดถูกกลืนหายลงลำคอ สายตาที่เขาทอดมองนั้นพร้อมหาเรื่องทุกเวลา ซึ่งเธอไม่ควรเสี่ยง พิมพ์ชนกจึงเดินตามพนักงานไปอย่างเงียบ ๆ ภายในร้านกว้างใหญ่อบอวลไปด้วยเสื้อผ้าและเครื่องประดับหรูหรา เธอแอบดูราคาชุดเดรสสีแดงเพลิงตัวหนึ่งแล้วแทบช็อค
“สองแสนแปดหมื่น!” ดวงตากลมโตเบิกกว้าง
“มีอะไรหรือเปล่าคะ?” พนักงานสาวคนหนึ่งเอ่ยถาม
“ปะ เปล่าค่ะ” พิมพ์ชนกส่ายหน้ายิ้มบางเบา “ขอตัวสักครู่นะคะ”
เธอรีบจ้ำเท้าเดินออกมาหาชายหนุ่มที่นั่งไขว่ห้างดูมือถืออยู่ตรงโซฟามุมรับรองลูกค้าวีไอพี ลูเซียโน่เก็บเครื่องมือสื่อสารใส่กระเป๋ากางเกงทันใด ดวงตาคมคายหรี่มองสาวน้อยที่วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหา
“มีอะไร?”
“นี่คุณจะบ้าเหรอ พาฉันมาซื้อเสื้อผ้าอะไรไม่ทราบ รู้ไหมว่าราคาตัวต่อตัวเป็นแสน ๆ เชียวนะ” หล่อนกระซิบกระซาบให้ได้ยินกันแค่สองคน ลูเซียโน่แทบหลุดขำ ดีที่เขาไหวตัวทันจึงแสดงสีหน้าเรียบเฉยแทน
“รู้ แล้วยังไง?”
“มันแพงมากนะคุณ” พิมพ์ชนกอยากจะบ้าตาย รู้ว่ารวยแต่ไม่จำเป็นต้องใช้เงินฟุ่มเฟือยขนาดนี้ไหม
“แล้วเธอจะซีเรียสไปทำไม ฉันเป็นคนออกเงิน ไม่ใช่เธอ”
“แต่ฉันไม่ชอบ มันแพงเกินไป ฉันไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณใคร คุณพาฉันกลับเถอะ” อารมณ์สุขสันต์หายวับไปกับตา ประโยคที่ว่าไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณใครมันหมายความว่ายังไง เธอเป็นคนของเขานะ เขาก็แค่อยากให้เธอแต่งตัวดี ๆ จะได้ไม่มีใครกล้าดูถูก
“มานี่เลย” เขากระชากข้อมือเล็กให้เดินตาม “เอาตัวนี้ ตัวนี้ ตัวนี้ แล้วก็ตัวนี้ด้วย”
“ค่ะท่าน” พนักงานสาวสามสี่คนรีบกุลีกุจอจัดแจงทุกอย่าง
“คุณพอได้แล้ว” พิมพ์ชนกร้องบอก
“ยังไม่พอ” เขาเดินไปอีกฝั่งหนึ่งของร้าน
“เอาทั้งหมดนี่เลยแล้วกัน” เมื่อเลือกไม่ได้เขาจึงใช้วิธีเหมาทุกชุดที่แขวนอยู่บนราวไม้มีระดับ พิมพ์ชนกเบิกตากว้าง มองการกระทำเอาแต่ใจแล้วอยากกรีดร้องเหลือเกิน
“เรื่องมากนักเดี๋ยวฉันเลือกให้เอง!” เขาพูดลอดไรฟัน
“คุณทำบ้าอะไรเนี่ย มัน…” เธอยังพูดไม่ทันจบก็ถูกขัดขึ้นเสียก่อน
“นี่ครับ แล้วช่วยส่งทั้งหมดไปตามที่อยู่เดิมด้วย” ลูเซียโน่ยื่นบัตรสีทองอันมีมูลค่าไม่จำกัดวงเงินให้กับพนักงานสาว
“ได้ค่ะท่าน รบกวนท่านเซ็นชื่อตรงด้านนี้ด้วยนะคะ”
มือขวาที่ว่างอยู่จรดปลายปากกาลงลายมือชื่อโดยไม่คิดลังเลถึงมูลค่าที่ต้องจ่าย ทั้ง ๆ ที่เสื้อผ้าที่กว้านซื้อนั้นมีราคาเทียบเท่ากับบ้านหลังโตสี่ห้าหลังรวมกัน
“เรียบร้อยแล้วค่ะ” พนักงานสาวกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ขอบคุณครับ”
พูดจบชายหนุ่มก็โอบเอวร่างบางออกไปจากร้านทันที บรรดาพนักงานสาวรีบวิ่งมาจับกลุ่มเมาท์มอยกันอย่างสนุกสนาน
“น่าอิจฉาเนอะ ได้เป็นแฟนกับคนหล่อแถมเปย์หนักอีก โอ๊ย! ทำบุญด้วยอะไรเนี่ย”
“นั่นสิ แต่ฉันสงสัยนะว่าไปแอบมีแฟนตอนไหน ปกติก็ไม่เห็นคุณเขาจะจริงจังกับใครเลยสักคน มีแต่ซื้อกินไปวัน ๆ”
คนพูดว่าไปตามข่าวที่ได้ฟังมาอีกที
“ผู้หญิงยังดูเด็กอยู่เลยเนอะ ไม่น่าเชื่อว่าคุณลูเซียโน่จะมีรสนิยมชอบกินเด็กใสแบ๋วแบบนี้ด้วย ไหนใครว่าสเปกของเขาต้องเซ็กซี่อกโตเท่านั้นไง” ต่างคนต่างหลากหลายความคิดเห็น แต่สุดท้ายทุกคนก็ลงมติเป็นเอกฉันท์ว่าหญิงสาวปริศนาที่ชายหนุ่มเพิ่งประกาศกร้าวว่าเป็นแฟนออกนอกหน้านั้นช่างน่าอิจฉาจริง ๆ
“ปล่อยได้แล้ว ฉันเดินเองได้ ปล่อยสิ” พิมพ์ชนกโวยวายตลอดทางที่ถูกคนเอาแต่ใจกุมมือไม่ยอมปล่อย
“พี่ไม่ควรทำรุนแรงกับสุภาพสตรีนะครับ” น้ำเสียงที่ไม่อยากได้ยิน ใบหน้ายียวนส่งยิ้มทักทายทั้งคู่
“ยังไม่กลับอีกเหรอ” ลูเซียโน่ตวัดมองค้อน
“ว่าจะค้างที่นี่สักสามวัน” เขาพูดโดยไม่ละสายตาจากร่างบาง
ระหว่างที่ลูเซียโน่พาพิมพ์ชนกออกไปข้างนอกนั้น ออสตินถือโอกาสถามความเป็นมาของหญิงสาวเอเชียร่างเล็กกับเจมส์และพุดซ้อนทันที ได้ความว่าหล่อนถูกป้าที่เป็นผีพนันหลอกขายใช้หนี้ มีภูมิหลังน่าสงสารพอสมควร เจมส์เป็นคนสนิทของลูเซียโน่ แต่ก็ยังถือว่าเป็นลูกน้องของเขาด้วยเช่นกัน ข้อมูลที่ได้แม้ยังไม่ลงลึกรายละเอียด หากก็มากพอที่จะทำให้เขาหายแคลงใจได้
“ห้องนายยังไม่ได้ทำความสะอาด”
“ไม่เป็นไรครับ ผมไปนอนที่ห้องรับรองแขกก่อนได้”
ออสตินรู้ดีว่าอีกฝ่ายต้องการกีดกันเขา
“งั้นก็ตามใจ” เมื่อเห็นว่าคนกวนประสาทไม่ยอมลดราวาศอก ลูเซียโน่จึงปล่อยวาง หันไปเล่นงานหญิงสาวแทน
“ไป!” เขาออกแรงกระชากอีกครา แต่คราวนี้ออสตินกลับไม่ปล่อยให้เจ้าหล่อนถูกรังแกต่อหน้าต่อตา เขาคว้าแขนเรียวไว้ข้างหนึ่ง พิมพ์ชนกตกใจไม่คิดว่าชายหนุ่มมาดกวนจะกล้าแตะเนื้อต้องตัวเธอ
“คุณ” หล่อนมองเขาสลับกับมองลูเซียโน่ เห็นประกายไฟลุกโชนในแววตาคมกล้า
“ปล่อย!” คนมีอำนาจสูงสุดของบ้านกล่าวเสียงเย็น พยายามสะกดกลั้นความไม่พอใจเอาไว้
“ดูเธอไม่อยากไปกับพี่นะครับ ทำไมต้องบังคับกันด้วยล่ะ”
นอกจากไม่ยอมทำตามยังยอกย้อน คนที่เริ่มหมดความอดทนสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ
“อย่ามายุ่งออสติน ปล่อย!”
ฝ่ายน้องชายไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวใบหน้าถมึงทึง ตรงกันข้ามกลับยิ่งรู้สึกสนุกและสะใจอยู่ลึก ๆ ที่ตนทำให้คนเลือดเย็นโกรธเป็นฟืนเป็นไฟได้
“คุณพิมพ์ชนกอยากไปกับพี่ชายผมหรือเปล่าครับ” จู่ ๆ เขาก็เบนเข็มทิศมาที่เธอ
“คะ?” ทำไมต้องถามเธอด้วยล่ะ ทำไมถึงโยนระเบิดมาทางนี้ ดูไม่ออกหรือว่าจอมมารกำลังขุ่นเคืองเพียงใด
“คือฉัน” พิมพ์ชนกพูดไม่ออก รู้สึกเหมือนอยู่ท่ามกลางสมรภูมิรบ หญิงสาวพยายามสลัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุมของทั้งสองหนุ่ม
“พิมพ์ชนก” ลูเซียโน่เป็นฝ่ายปล่อยแขน เขามองกดดันจนออสตินยอมปล่อยตาม “ขึ้นห้องไปซะ”
ไม่รอให้เขาพูดซ้ำ เธอรีบวิ่งขึ้นชั้นสองทันที
“ฉันรู้นะว่านายกำลังคิดอะไรอยู่”
แม้ไม่ได้คลานตามกันออกมา แต่ความเป็นลูกพี่ลูกน้องที่คลุกคลีกันมาตั้งแต่เด็กทำให้รู้ความคิดของอีกฝ่ายดี
“ผมคิดอะไร?” ออสตินแสร้งถาม ยักคิ้วกวนอารมณ์
“อย่ายุ่งกับเธอ!”
แววตาเสือร้ายดุดัน เขาย้ำชัดว่าอย่า อยู่ที่ว่าคนฟังจะเชื่อหรือไม่?
“ก็บอกแล้วไงว่าของแบบนี้ต้องขึ้นอยู่ที่ผู้หญิง เขาเลือกใครก็คือคนนั้น” ถ้าเป็นคนอื่นโดนเจ้าพ่อกาสิโนตัวร้ายอย่างลูเซียโน่ขู่คงกลัวหัวหด แต่นี่คือเขา… ออสตินไม่ใช่พวกขี้ขลาดหรือหวาดกลัวอะไรง่าย ๆ
โดยเฉพาะกับคนที่เขามีอดีตฝังใจอยู่ลึก ๆ
“แต่กับผู้หญิงคนนี้ไม่ได้!” ลูเซียโน่ขึ้นเสียง
พุดซ้อนและเหล่าบอดี้การ์ดคนอื่น ๆ ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองสงครามอารมณ์ระหว่างสองพี่น้อง เพราะพวกเขารู้ดี เวลาทั้งคู่ปะทะกันทีไรย่อมดุเดือดเสมอ
และครั้งนี้ก็เช่นกัน…
“แล้วถ้าผมจะยุ่งล่ะ” แววตาของออสตินเปลี่ยนไป จากความยียวนถูกแทนที่ด้วยความลองดี
“พิมพ์ชนกไม่ใช่คนที่นายควรยุ่ง ฉันเตือนนายแล้วนะออสติน”
“…”
“ว่าอย่ายุ่งกับเธอ!”
ลูเซียโน่ชี้หน้าประกาศกร้าว!