ุบทที่ 6 : ล่า!

2195 คำ
เจ้านางละอองดาวเดินจากคุ้มเจ้าพระยานาสมมาก็หลายชั่วยามแล้ว ได้ยินเสียงไก่ขันเป็นระยะๆ จึงคิดว่าน่าจะใกล้รุ่งแล้ว สามคนนายบ่าว จำต้องเร่งฝีเท้าให้ถึงหมู่บ้าน เพื่อหลบซ่อนตัวกึ่งเดินกึ่งวิ่ง “เจ้านางน้อยไหวหรือไม่ขอรับ” คำแสนทักถามขึ้นเมื่อเห็นอาการอ่อนล้าของผู้เป็นนาย ที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งมาทั้งคืน “เฮาไหว อ้ายคำแสน ขอบใจเน้อ เออ อ้ายคำแสน คำปู้จู้” “ขอรับ/เจ้า เจ้านางน้อย” “จากนี้ไปให้เรียกเฮาว่าละอองดาวเถิดหนา อย่าได้เรียกเฮาว่าเจ้านางน้อยเป็นอันขาด เพื่อไม่ให้เป็นที่สงสัยของใครหลาย ๆ คน บางทีเจ้าพี่กับเจ้าพ่ออาจจะส่งคนตามมาแล้วก็เป็นได้หนา” “ขอรับเจ้านางน้อย/เจ้า เจ้านางน้อย” สามนายบ่าวเดินทางมาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ในแคว้นหลิ่งกุญชรชื่อว่าหมู่บ้านบ่อทองคำ มาถึงก็สายมากแล้ว มาเจอแหล่งชุมชนและเป็นตลาด คนพลุกพล่านเป็นอย่างมาก มีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เด็ก ๆ วิ่งเล่นวิ่งไล่กันบ้าง บ้างก็เล่นไม้เขย่ง บ้างก็เล่นงูกินหาง บ้างก็เล่นรีรีข่าวสาร บ้างก็เล่นลูกข่าง เสียงดังจ้อกแจ้ก เจ้านางละอองดาวรีบเอาผ้าคลุมผมปิดหน้า เดินผ่านเด็ก ๆ ที่เล่นรี ๆ ข้าวสาร "พี่สาว ๆ มาเล่นรีรีข้าวสารด้วยกันไหมเจ้า" เด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มเอ่ยทักเจ้านางละอองดาวขึ้น "ไม่ดีกว่า เฮารีบ ขอสูมาเต๊อะเน้อ(ขอโทษนะ)" แล้วรีบสาวเท้าเดินจากไปอย่างรวดเร็ว คำปู้จู้รีบซื้อข้าวซื้อปลาให้เจ้านางละอองดาวและคำแสนเพื่อเตรียมกินระหว่างพัก การเดินเท้ามาทั้งคืน ทำให้เจ้านางละอองดาวเหนื่อยและง่วงนอนมาก ด้วยไม่เคยลำบากตรากตรำเช่นนี้มาก่อน ทำให้เจ้านางเหนื่อยแทบขาดใจ "อ้ายคำแสน เฮาเหนื่อยขนาดเลยหนา(เหนื่อยมาก) หาที่พักเถิด เฮาไม่ไหวแล้วทั้งเหนื่อยทั้งหิว" "แข็งใจอีกนิดนะขอรับจ้าว... ละอองดาว เฮาใกล้จักถึงที่พักกันแล้วหนา" เกือบจะลืมคำสั่งที่เจ้านางละอองดาวสั่งว่าห้ามเรียกเจ้านาง "อืม" เจ้านางรับคำสั้น ๆ เพราะเหนื่อยล้าเหลือทน "เจ้านาง บะใช่(ไม่ใช่สิ) ละอองดาว เฮาซื้อข้าวซื้อปลามาหื้อนี้ละหนา อดเอาเน้อประเดี๋ยวก็ถึงแล้วหนา" คำปู้จู้รีบเข้ามาประคองเจ้านางพูดจาให้เป็นภาษาชาวบ้านมากที่สุด "อืม เฮาอยากพักขนาด คำปู้จู้" สามนายบ่าวเข้าไปในเฮือนล้านนา(โรงแรม) มีเถ้าแก่ที่มีลักษณะเหมือนคนจีนยืนรับแขกอยู่ คำแสนคิดว่าเฮือนล้านนานี้ มีหลายห้องนัก หากพระยานาสมหรือพระยาศรีพิพัฒน์มาตามหาเจ้านางจักได้หลบได้ทัน และอีกอย่างเจ้านางน้อยคงมิอาจทน ตกระกำลำบากได้ จึงให้เจ้านางมาพักที่สบาย ๆ เสียหน่อยจักได้นอนหลับสนิท "เถ้าแก่ เฮาเอาห้องพักห้องใหญ่หนึ่งห้องหนา" คำแสนเอ่ยปากพร้อมวางอัฐไว้บนโต๊ะสำหรับจ่ายเงิน "ไอ้ยา มาสามคงเป็งชายหญิง เหตุใดรับห้องเดียวเล่า หรือพวกเจ้าสามคงเปงผัวเมียกัง" "ใช่ พวกเราเป็นผัวเมียกัน เซ้าซี้จริง จักเอาหรือไม่อัฐนี่" คำแสนทำหน้าตาขึงขังเสียงดังใส่ "เอาๆ ใจร้องจริงๆ มาสิ ตามอั๊วมา ห้องใหญ่อยู่ชั้งบงโน่ง" "ขอบใจเถ้าแก่" คำแสนไม่ลืมกล่าวคำขอบใจ สามนายบ่าวเข้ามาในห้องที่ไม่ใหญ่มากตามคำบอกเล่าของเถ้าแก่ที่บอกว่าห้องนี้ใหญ่ที่สุดในเฮือนล้านนา แต่ก็ยังดีกว่าต้องให้เจ้านางไปนอนข้างทาง ตามป่าตามเขา คำปู้จู้จึงจัดแจงพานายสาวลงไปอาบน้ำที่ท่าน้ำตั้งขันโตกมื้อเช้าอย่างง่าย ๆ ให้ ส่วนคำแสนก็เฝ้าที่ประตูไม่ยอมไปไหน "อ้ายคำแสน อ้ายคำแสน" เจ้านางละอองดาวเรียกคำแสนที่เฝ้าประตูไม่ยอมห่าง "ขอรับเจ้านางน้อย" "มากินข้าวก่อนเถิดหนา เฮากินเสร็จแล้ว จักนอนเสียหน่อยหนา" "นอนเถิดเจ้านาง พลบค่ำค่อยเดินทางต่อหนา กระผมจักไปอาบน้ำ เสร็จแล้วจักมานอนอยู่ตรงนี้ขอรับ" "นอนที่ประตูนั่นน่ะรือ" เจ้านางถามอย่างสงสัย "ขอรับ นอนที่ประตูนี่แลขอรับ หากมีอันใดเกิดขึ้นจักได้ไหวตัวทันขอรับ" "เยี่ยงนั้นก็ย่อมได้ อย่าลืมกินข้าวกินปลาเสียหนาทั้งสองคน เฮาจักเอนกายก่อนหนา เหนื่อยเหลือเกินแล้วหนา" "นอนเถิดหนาเจ้านางน้อยของข้าเจ้า ข้าเจ้าจักรออ้ายคำแสนก่อนหนา ค่อยทานข้าวแล้วนอน เจ้านางมิต้องกังวลดอกหนาเจ้า" คำปู้จู้ปลอบประโลมนายสาว ก่อนที่จะพัดวีให้เจ้านางของตน "อืม" เจ้านางละอองดาวหลับไหลเพียงแค่หัวหนุนหมอนก็มิได้ฝันอันได้เลย คุ้มพระยาสม เมื่อรู้ว่าลูกสาวคนเล็กหนีไป เจ้าพระยานามสมก็ร้อนใจยิ่งนักหวั่นจะเกิดภัยอันตรายขึ้นกับลูกสาวคนเล็กของตน สั่งให้บ่าวไพร่ช่วยกันออกตามหา ผิดกับเจ้านางแสงดาวผู้เป็นมารดาที่ทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน เสมือนไม่มีอันใดเกิดขึ้นนั่งร้อยมาลัยกับบ่าวไพร่อย่างหน้าตาเฉย "จ้าวแสงดาว มิได้เดือดเนื้อร้อนใจอันใดเลยรึ ลูกหนีออกจากคุ้มไปเยี่ยงนี้ ยังจักใจเย็นนั่งร้อยมาลัยอยู่ได้รือ" "ข้าเจ้ามิมีอันใดให้ร้อนใจ ข้าเจ้าว่าลูกทำถูกแล้ว ที่หนีไปเยี่ยงนี้ข้าเจ้าเห็นด้วยเจ้า" "เวลาเยี่ยงนี้ ยังจักต้องมาเล่นแง่กันรึจ้าวแสงดาว ลูกหายไปทั้งคนหนาเจ้ามิเป็นห่วงลูกรือ" "เหตุใดข้าเจ้าต้องห่วงให้แต่งงานไปเป็นอนุของพระยาศรีพิพัฒน์โน่นสิ ข้าเจ้าถึงจักห่วงเป็นนักเป็นหนา คนอันใดเป็นถึงชายชาติทหารแต่มิกล้าจะยืดอกรับให้ละอองดาวเป็นเมียเอก ครั้นละอองดาวมิต้องการแล้วหนา เหตุใดยังด้านหน้าจักเอาไปเป็นอนุให้ได้ ข้าเจ้ามิได้ยินดีที่จักให้ลูกแต่งงานกับพระยาศรีพิพัฒน์อยู่แล้วหนา ลูกหนีไป ข้าเจ้ากลับห่วงน้อยกว่า ลูกจักได้แต่งไปเป็นอนุของพระยาศรีพิพัฒน์เสียมากกว่าหนาเจ้าพี่" "เพราะเหตุใดจึงต้องหนีด้วยหนา เฮาจักปฏิเสธก็ย่อมได้" พระยานาสมเอ่ยขึ้นครุ่นคิด "เจ้าพี่คิดว่าเราจักปฏิเสธได้รือเจ้า เจ้าพี่ พระยาศรีพิพัฒน์นิสัยเป็นเยี่ยงไร เจ้าพี่มิรู้รือเจ้าคะ ด้วยเป็นคนมุทะลุดุดัน ต้องการสิ่งใดจักต้องได้สิ่งนั้น เจ้าพี่ไม่รู้เลยรือเจ้า ดูจากตำแหน่งเจ้าพระยาที่ได้รับตั้งแต่อายุยังน้อยแล้วนั้นไซร้ เจ้าพี่คิดว่า เฮาจักปฏิเสธได้จริงรือเจ้า" "อืม ที่เจ้านางแสงดาวพูดมาก็มีเหตุและผล" "อีกอย่าง เจ้าพี่พระยาศรีพงษ์ศา เคยมีบุญคุณกับหมู่เฮาคุ้มนาสมมากเพียงใด เจ้าพี่ลืมไปแล้วรือเจ้า น้องคิดว่าลูกละอองดาวของเฮาจักต้องรู้จักพระยาศรีพิพัฒน์ดีเป็นแน่แท้เจ้า มิฉะนั้นจักหนีไปเยี่ยงนี้ได้อย่างไรเล่า ใช่ไหมเจ้า เจ้าพี่ สองคนนี้เติบใหญ่มาด้วยกันเหตุใดเรื่องแค่นี้ เจ้าพี่ของข้าเจ้าถึงมิรู้อันใดเลยเจ้า" เจ้าแสงดาวกล่าวเสร็จพระยาศรีพิพัฒน์ก็ขึ้นมาบนเรือนพอดี "มีเรื่องอันใดกันรือขอรับเจ้าพ่อเจ้าแม่ เห็นบ่าวไพร่วิ่งกันวุ่นวายไปหมด" "มันก็มีอยู่นิดหน่อยแลลูก พระยาศรีพิพัฒน์ เจ้านางละอองดาวหนีไปแล้วหนา" เจ้าพระยานาสมพูดขึ้นอย่างใจเย็น "เช่นนั้นรือขอรับเจ้าพ่อ แล้วรู้หรือไม่ว่าน้องนางละอองดาวไปเมื่อใดและที่ใด" "ยังมิทราบอันใดเลยลูกพระยาศรีพิพัฒน์" เจ้าแสงดาวเอ่ยสำทับขึ้น ถามหาความได้สักประเดี๋ยวบ่าวผู้ชายชื่อไอ้แก้วก็มารายงานความ "เจ้าพ่อขอรับ เจ้านางน้อยละอองดาวหนีไปกับนางคำปู้จู้และไอ้คำแสนบ่าวที่พึ่งมาอยู่ในคุ้มไม่กี่เดือน เมื่อคืนนี้ตอนทุติยยาม)ขอรับ" (ยามสองช่วงเวลา 22.00-02.00น.) "เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด" พระยาศรีพิพัฒน์อุทานขึ้นด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยเมื่อได้ฟังความจากไอ้แก้วบ่าวผู้ภักดีที่อาศัยอยู่ในคุ้มพระยานาสมมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย "หนีไปกับไอ้คำแสนรึ เหตุใดเป็นเช่นนี้ไปได้เล่า ไอ้คำแสนดูเป็นคนพูดน้อยไม่มีพิษภัย ไม่คิดเลยว่าจักกล้าพาลูกละอองดาวของเฮาหนีไปเช่นนี้" เจ้าพระยานาสมเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง เนื่องจากลูกสาวหากจักหนีไปกับคำปู้จู้ก็ไม่มีอันใดจะต้องเป็นห่วงมากนัก แต่นี่หนีไปกับบ่าวที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าด้วยซ้ำว่าเป็นผู้ใดมาจากไหน จึงโกรธจนหน้าแดงตัวสั่น ฝั่งเจ้าแสงดาวที่นั่งร้อยมาลัยอยู่ ได้ฟังดังนั้นก็ตกใจคิดเหมือนกันกับเจ้าพระยานาสมเช่นกัน ว่าหากละอองดาวลูกสาวของตนได้หนีไปเพียงลำพังกับคำปู้จู้ไปอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่งใกล้ ๆ ก็มิเป็นอันใด แต่เนื่องด้วยลูกได้หนีไปกับบ่าวที่เป็นผู้ชายเพียงคนเดียว ซ้ำไม่รู้หัวนอนปลายเท้าดังสามีตนกล่าวมา หากรู้ที่ไหนอายถึงนั่นแน่นอน เจ้าแสงดาวจำต้องวางพวงมาลัยที่กำลังร้อยอยู่ในมือ จิตใจจึงไม่สงบอีกต่อไป "ลูกจักไปตามหาน้องนางละอองดาวเองขอรับเจ้าพ่อเจ้าแม่" พระยาศรีพิพัฒน์อาสาไปตามหาเจ้าละอองดาวด้วยตัวเองเนื่องด้วยมีบ่าวและไพร่พลจำนวนมาก เจ้าพระยาศรีพิพัฒน์จึงใช้อำนาจทางราชการขอกำลังพล ให้ไปช่วยตามหาเจ้านางละอองดาวและบ่าวทั้งสองคนถึงสามล้อเกวียนอีกด้วย "เยี่ยงนั้นพ่อจักไปด้วยหนา" พระยานาสมขอตามไปอย่างร้อนใจ "ย่อมได้ขอรับเจ้าพ่อ แต่หากเจอน้องนางละอองดาวแล้วไซร้ ลูกขอเป็นคนจัดการแต่เพียงผู้เดียวเถิดหนาขอรับเจ้าพ่อ" "เยี่ยงนั้นก็ย่อมได้ มิมีปัญหาอันใดดอกลูก ไปกันเถอะ" "ขอรับเจ้าพ่อ ประเดี๋ยวล้อเกวียนจากทางการก็จักมาถึงแล้วหนา ไอ้แก้วแลสู(มึง)อยู่ทางนี้ให้นำล้อเกวียนตามเฮาไปได้เลยหนา เฮาจักล่วงหน้าไปก่อนประเดี๋ยวนี้" "ขอรับท่านเจ้าพระยาศรีพิพัฒน์" ไอ้แก้วค้อมตัวรับคำสั่งจากเจ้าพระยาศรีพิพัฒน์แล้วรีบลงเรือนไป พระยาศรีพิพัฒน์และพระยานาสมก็ลงเรือนไปขึ้นเกวียนของพระยาศรีพิพัฒน์เช่นกัน จากนั้นนำบ่าวไพร่ไปด้วยถึงหกคนเพื่อตามหาเจ้านางละอองดาว และบ่าวทั้งสองคน "ขึ้นเกวียนไปกับเฮา แล้วช่วยกันค้นหาเจ้านางละอองดาวของสูให้พบ" หันไปกำชับบ่าวทั้งหกคนด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน "ขอรับ ท่านเจ้าพระยาศรีพิพัฒน์" ใช้เวลาถึงสามชั่วยามทั้งหมดก็มาถึงหมู่บ้านบ่อทองคำที่เจ้านางละอองดาวและบ่าวทั้งสองได้หลบลี้หนีอยู่ "สู(มึง)ไปถามให้ทั่วหมู่บ้าน เฮาจักไปทางนี้ ล่าตัวสามคนนั้นมาให้ได้ เฮาจักตอบแทนน้ำใจของสู(มึง)อย่างงาม" พระยาศรีพิพัฒน์ตะเบ็งเสียงดัง ออกคำสั่งกับบ่าวที่ตามมาด้วย ให้ช่วยกันตามหาคนทั้งสามคน สืบไปเรื่อยกับชาวบ้าน หลายคนก็ชี้ไปหลายทิศทาง เมื่อบอกเล่าลักษณะ ท่าทางของเจ้านางละอองดาว เด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มที่ชวนเจ้านางละอองดาวเล่นรีรีข้าวสารได้ยินที่พระยาศรีพิพัฒน์สอบถามกับมารดาของตนก็จำลักษณะท่าทางของ เจ้านางละอองดาวได้ จึงเดินเข้าไปบอกพระยาศรีพิพัฒน์ว่าเห็นมุ่งหน้าไปทางเฮือนล้านนาที่อยู่ตรงนอกหมู่บ้าน พระยาศรีพิพัฒน์ยิ้มดีใจ มอบอัฐถุงใหญ่ให้จำนวนหนึ่ง แล้วให้เด็กสาวและมารดานำทางไป ไม่นานสามล้อเกวียนจากราชการก็ตามมาสมทบกับพระยาศรีพิพัฒน์ที่หมู่บ้านบ่อทองคำ พระยาศรีพิพัฒน์กระจายคำสั่งว่าเจ้านางละอองดาวถูกทาสผู้ต่ำต้อย ชื่อว่า "คำแสน" ที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าลักพาตัว ให้กำลังพลทั้งหมด "ล่า" ตัวไอ้คำแสนให้เจอ ไพร่พลทั้งหมดรับคำสั่ง และมุ่งหน้าไปที่เฮือนล้านนากับเจ้าพระยาศรีพิพัฒน์ในทันที .......... สู = คุณ,มึง,ท่าน,เอง,เจ้า,เธอ รือ = ฤา ไรท์ เขียน รือ เพื่อให้รี๊ด อ่านง่ายมากขึ้นค่ะ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม