๗ คาใจ

1338 คำ
๗ คาใจ ประกายดาวตื่นแต่เช้า แต่ภารดากลับยังนอนหลับ หญิงสาวมองเพื่อนพร้อมส่ายหน้า จากนั้นจึงเดินไปนั่งที่โซฟาก่อนจะเลื่อนดูเบอร์โทรศัพท์ คิดถึงคืนที่ผ่านมา อารัญขับรถตามส่งหล่อนกับภารดาจนถึงห้องพักไม่พอ ยังตามขึ้นมาส่งถึงห้อง จากนั้นก็จากไปเงียบๆ แต่ก่อนกลับหล่อนได้รู้ว่าเขากับมารดาพักผ่อนอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ ซึ่งเป็นบ้านพักตากอากาศของครอบครัว หล่อนเองเคยมาสองสามหนกับคุณอัญชันตั้งแต่สมัยยังเป็นสะใภ้ หญิงสาวมองเพื่อนหลังจากลองเขย่าสองสามครั้ง เมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมตื่นจึงได้แต่ถอนหายใจ สั่งเครื่องดื่มแก้แฮงก์มาสองกระป๋องใส่ตู้เย็นเอาไว้ พร้อมกับเขียนข้อความแปะเอาไว้ที่หน้าตู้เย็นก่อนออกจากห้อง ประกายดาวขับรถมาถึงหน้าบ้านพักของคุณอัญชัน ไม่นานนักสาวใช้ก็เดินมาเมียงมองอย่างประหลาดใจเพราะไม่คิดว่าจะมีใครมา แต่เมื่อเปิดรั้วให้รถยนต์เข้ามาจอดที่หน้าบ้าน จนกระทั่งใครบางคนก้าวออกมา ฝ่ายนั้นจึงยิ้มกว้างอย่างดีใจ “คุณหนูดาว” ประกายดาวไหว้สาวใช้ที่มีอายุมากกว่าตนพร้อมรอยยิ้มอ่อนหวานดังเดิม ฝ่ายนั้นก้าวเข้ามาหาอย่างรวดเร็วทั้งยังจับมือหญิงสาวเอาไว้ด้วยความยินดี “โธ่เอ๊ย พี่นึกว่าใคร ที่แท้คุณหนูดาวนี่เอง เชิญค่ะเชิญ คุณแม่อยู่ในบ้านค่ะ คุณอาร์มก็อยู่นะคะ” พลางกระซิบกระซาบ โดยไม่รู้ว่าหญิงสาวตรงหน้ารับรู้มาก่อนแล้ว แต่ก็ยิ้มตอบไปโดยไม่เอ่ยอะไรเกี่ยวกับชายหนุ่ม ขณะที่คุณอัญชันกำลังนั่งดูอะไรสักอย่างหันมาตามเสียงก้าวเดิน เมื่อเห็นว่าเป็นใครท่านก็เปิดยิ้มกว้างพร้อมร้องทักด้วยความดีใจ “หนูดาว” เจ้าของร่างระหงไหว้อีกฝ่ายพร้อมกับยิ้มหวานขณะเดินเข้าไปหาท่าน คนที่นอนเหยียดยาวและหลับตานิ่งบนโซฟาลืมตาขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงมารดาเอ่ยออกมาเช่นนั้น “สวัสดีค่ะพี่อาร์ม” หญิงสาวหันไปทักเมื่อชายหนุ่มลุกขึ้นนั่งและมองหล่อนนิ่ง “หนูรู้ได้ไงว่าแม่อยู่ที่นี่” หญิงสาวเหลือบตามองชายหนุ่มแวบหนึ่ง ก่อนจะตอบออกมาตามตรง “หนูดาวเจอพี่อาร์มข้างนอกค่ะ ก็เลยรู้ว่าพี่อาร์มพาคุณแม่มาพักผ่อน จึงถือโอกาสมาหาค่ะ” คำตอบของหญิงสาวทำให้คุณอัญชันหันไปมองลูกชายอย่างนึกแปลกใจ “ไปเจอกันได้ยังไงล่ะ” “เมื่อคืนตอนแม่หลับ ผมออกไปเจอเพื่อนครับ ก็เลยได้เจอดาว” คุณอัญชันทำเสียงรับรู้ในลำคอก่อนจะหันมายิ้มให้หญิงสาว “แล้วหนูมากับใครจ๊ะ” “หนูดาวมากับเพื่อนค่ะ” “แล้วพักที่ไหนจ๊ะ มาพักด้วยกันสิลูก ที่บ้านเรามีห้องว่างตั้งหลายห้อง” หญิงสาวยิ้มให้อดีตแม่สามี พลางปรายตามองไปยังอารัญที่ก็กำลังมองมาทางหล่อนเช่นกัน คุณอัญชันหันไปมองลูกชายก่อนจะหันกลับมายังประกายดาวอีกครั้ง “ไม่ต้องกลัวใครว่าหรอก แม่อนุญาต” หญิงสาวส่ายหน้าเบาๆ “ขอบคุณค่ะคุณแม่ หนูดาวไม่ได้กลัวใครว่าหรอกค่ะ แต่หนูดาวมากับเพื่อน เพื่อนหนูดาวคงไม่สะดวก” “น่าเสียดายนะ ถ้ามีหนูดาวอยู่ด้วยคงจะดี” “อยู่กินข้าวเที่ยงด้วยกันก่อนสิ” คนที่นั่งเงียบมานานเอ่ยขึ้น ทำให้สองแม่ลูกหันไปมองเขาเป็นตาเดียว แล้วคุณอัญชันก็ยิ้มกว้างอย่างเห็นด้วยกับลูกชาย “ใช่ อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนค่อยกลับนะ” หญิงสาวยิ้มให้ท่านอย่างอึดอัด เพราะทิ้งเพื่อนรักเอาไว้คนเดียว ไม่รู้ป่านนี้จะตื่นหรือยัง “แต่ว่า” “ไม่งั้นแม่ไม่ยอมให้กลับ” ท่านเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง ทำให้หญิงสาวจำต้องตอบตกลง แต่หลังจากนั้นหญิงสาวจึงเอ่ยขอตัวโทรศัพท์ เวลาเดียวกันภารดาเองก็เพิ่งออกมาจากห้องน้ำ หล่อนเห็นข้อความของเพื่อนและหยิบเครื่องดื่มแก้แฮงก์ขึ้นมาดื่มหมดไปหนึ่งขวด “ว่าไงหนูดาว” “ขอโทษที่ทิ้งให้นอนคนเดียวนะ พราวตื่นนานหรือยัง” “เพิ่งตื่น ว่าแต่หนูดาวจะกลับตอนไหนอะ” “คุณป้าชวนให้กินข้าวเที่ยงด้วยกันน่ะสิ พราวเป็นไงบ้าง ยังเมาค้างอยู่หรือเปล่า เห็นเครื่องดื่มที่หนูดาวใส่ไว้ในตู้เย็นไหม” “อืม” ตอบพลางยกมือขึ้นคลึงขมับไปด้วย “ขอบใจมากนะ พราวกินไปแล้วแหละ แต่ยังมึนๆ อยู่ เมื่อคืนหนักไปหน่อย ไม่น่าดื่มเยอะขนาดนั้นเลย ขอโทษหนูดาวด้วยนะ เลยผิดแผนไปหมด” “ไม่เป็นไร ถ้าไม่ไหวก็นอนพักไปก่อนเลย ว่าแต่หาอะไรกินหรือยัง” “สักพักว่าจะสั่งขึ้นมากิน หนูดาวไม่ต้องห่วงนะ อยู่กินข้าวกับคุณป้าเถอะ” “โอเค งั้นเจอกันเย็นนี้นะ” “เค” เมื่อวางสายจากภารดา หญิงสาวก็หมุนตัวจะเข้าบ้าน แต่ต้องชะงักเมื่อเจอกับร่างสูงของอารัญที่เดินออกมาหยุดอยู่ข้างๆ เสียก่อน “เมื่อคืนนึกยังไงถึงได้ออกไปเที่ยวที่แบบนั้นแค่สองคน รู้ไหมว่ามันอันตราย” สายตาที่มองมาเจือแววตำหนิ ทำให้คนตัวเล็กเหลือบตามองค้อนเขานิดหนึ่ง และอีกฝ่ายก็เห็นเต็มตา เขาขมวดคิ้วแต่ไม่กล่าวอะไร “ดาวรู้จักกับเจ้าของค่ะ” “แล้วก็รู้จักกับไอ้สองตัวที่นั่งอยู่ด้วยใช่ไหม” คำพูดแรงๆ ของเขาทำให้หญิงสาวเม้มปาก ก่อนจะหันไปมองเขาเต็มตา “ทีหลังจะคบหาใครดูดีๆ เที่ยวกลางคืนถ้าไม่ระวังอาจจะเสียใจได้” หญิงสาวอึ้งไปเมื่ออีกฝ่ายพูดราวกับรู้ว่าอะไรเป็นอะไร แน่ล่ะ แค่เจอกับเขาที่นั่นก็แปลกใจมากพอแล้ว ยิ่งเขาทำท่าว่ารู้ดีแบบนี้อีกก็ยิ่งแปลกใจ คนตัวโตที่มองเห็นสายตางุนงงของหญิงสาวยกยิ้มออกมาเล็กน้อย หล่อนคงแปลกใจว่าเขารู้ได้อย่างไร “มองแวบเดียวก็รู้” “รู้ว่าไงคะ” หญิงสาวเลิกคิ้วถาม ราวจะยั่ว ชายหนุ่มกระตุกยิ้มดวงตาสีเข้มหลุบมองเรียวปากอิ่ม แล้วคิดไปไกล “รู้ว่ามีคนจ้องจะงาบ” ไม่พูดเปล่าแต่สายตาของเขามองปราดตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ทำให้คนถูกมองด้วยสายตาเช่นนั้นร้อนซู่ไปทั้งร่าง ก่อนปรับสีหน้าที่ร้อนเห่อเป็นยิ้มอ่อน “งั้นก็แสดงว่าดาวก็พอจะมีเสน่ห์กับเขาเหมือนกันนะคะ” คนตัวโตมองคนปากกล้านิ่ง หญิงสาวเห็นแววตาที่มองมาแล้วรู้สึกไม่ปลอดภัยจึงขยับตัวเดินหนี แต่ถูกอีกฝ่ายจับแขนเอาไว้ “มีเสน่ห์แต่กับพวกเสือผู้หญิงเท่านั้นน่ะสิ คิดอยากจะหาแฟน หาในที่ที่ดีกว่านี้หน่อย นายชนาธิปอะไรนั่นยังจะดีเสียกว่า” คำพูดของเขาทำเอาเลือดขึ้นหน้าคนฟัง หญิงสาวสะบัดแขนออกจากการจับของชายหนุ่ม ดวงตาคู่สวยวาววับ เป็นครั้งแรกที่รู้สึกโกรธเขาจนอยากตบหน้าหล่อๆ ให้หันไปอีกด้านจริงๆ “อ๋อ แน่ล่ะค่ะ ขอบคุณที่แนะนำนะคะ เอาไว้ดาวจะเก็บไปพิจารณา” พูดจบหญิงสาวก็สะบัดหน้าเดินหนีเขาเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว โดยมีสายตาคมกริบของอารัญมองตามตาไม่กะพริบแม้หญิงสาวจะเข้าไปในบ้านและนั่งลงข้างๆ มารดาของเขาแล้ว แต่ชายหนุ่มยังคงมองหล่อนด้วยความรู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่านอย่างบอกไม่ถูก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม