ตอนที่ 16 ห้องต้องห้าม...กับดวงตาที่มืดมน

1758 คำ
หลังจากที่หลงอวิ๋นพาฉันไปยังห้องลับกลางสวนหิมะ ไม่ทันได้ซักไซ้ต่อ เขาก็ถูกเรียกตัวไปโดยด่วนจากใครบางคนในระดับ “ราชวงศ์” ที่ดูเคร่งขรึมกว่าอุณหภูมินอกวังอีก ผลลัพธ์ก็คือ... ฉันถูกปล่อยให้อยู่คนเดียวในวังที่มีประตูเยอะกว่าพรม เยอะพอจะทำให้ฉันรู้สึกเหมือนอยู่ในเกมเขาวงกตเวทมนตร์แบบไม่ตั้งใจ และใช่ค่ะ — ฉันก็ยังคงเป็นฉัน เอลาเรีย เวลเลนไฮม์ ผู้มีคติประจำใจว่า “ความอยากรู้ไม่เคยฆ่าแมว...แต่ฆ่าฉันมาหลายรอบแล้ว” ฉันเดินสำรวจโซนฝั่งใต้ของวัง ที่ดูเงียบกว่าปกติราวกับถูกลืม ผนังห้องที่นี่ไม่มีคริสตัลประดับ ไม่มีลายมังกร ไม่มีแม้แต่เสียงวิญญาณรับใช้ที่ปกติจะลอยไปลอยมาเหมือนนกฮัมมิ่งเบา ๆ และนั่นแหละ... สิ่งที่สะดุดตาฉันคือ ‘ประตูน้ำแข็งขุ่น ๆ’ ที่ดูผิดฝาผิดฝั่งอย่างแรง มันตั้งโดดเดี่ยวอยู่ท้ายโถงทางเดิน บานประตูทำจากน้ำแข็งขุ่นปนเงา ไม่มีด้ามจับ ไม่มีวงเวทเรืองแสง ไม่มีแม้แต่แสงจันทร์สาดผ่าน นอกจากนั้น...มันมีเพียงตราประทับเวทกลมจาง ๆ ล้อมรอบตัวอักษรโบราณ ซึ่งเวทของหลงอวิ๋นที่ยังฝังอยู่ในหัว ทำให้ฉัน อ่านมันออก “ห้ามเปิด — ด้วยเหตุผลที่เกินกว่าจะอธิบาย” “...หา?” ฉันขมวดคิ้ว หัวเอียงนิด ๆ แบบไม่ตั้งใจ (แต่ถ้ามีใครเห็นก็คงคิดว่าตั้งใจแหละ) “เขียนมาขนาดนี้…ยิ่งอยากรู้น่ะสิ” คำว่า “ห้าม” กับ “เหตุผลเกินอธิบาย” สำหรับคนทั่วไป ประโยคว่า “ห้ามเข้า” คือสัญญาณแดงแจ๋ที่แปลว่า ‘อย่าเสือก’ แต่สำหรับ เอลาเรีย...? มันคือป้ายบอกว่า ‘เชิญสิค้า~ ก็เห็นอยู่เต็มสองลูกกะตา!’ ฉันก้าวเข้าไปใกล้ช้า ๆ ลมหายใจกลายเป็นไอขาวราวกับประตูนั้นปล่อยไอเย็นออกมาต้อนรับ พื้นน้ำแข็งใต้เท้าดูเปราะบางกว่าปกติ — บางเหมือนกระจกเงาที่อาจพาใครล่วงลงไปยัง ‘อะไรบางอย่าง’ ฉันยกมือขึ้น แต่ยังไม่กล้าแตะประตูตรง ๆ เพราะแม้ความอยากรู้จนฉุดไม่อยู่...แต่ในอกกลับมีเสียงหนึ่งแผ่วเบา เสียงของเขา — หลงอวิ๋น ที่เคยเตือนฉันด้วยสายตาเสมอว่า “บางสิ่งในวังนี้...ไม่ใช่ทุกคนควรได้เห็น” ฉันลังเล แต่...เสียง ‘ตึก...ตึก...’ ของหัวใจที่เต้นแรง ดึงฉันกลับมาสู่ความอยากรู้อันเป็นนิรันดร์อีกครั้ง “...แค่ดูใกล้ ๆ เองมั้ง ไม่ได้จะเปิดซะหน่อย” ฉันพึมพำกับตัวเองเบา ๆ พร้อมยื่นมือเข้าไปช้า ๆ นิ้วของฉันแตะแสงเวทตรงขอบประตูเบา ๆ พรึ่บ— วงเวทสั่นไหวแผ่ว ๆ ราวกับมัน รับรู้ “เฮ้ย!? ไม่ต้องตอบรับก็ได้มะ!!” ฉันผงะถอย แต่ประตูยังคงปิดเงียบเหมือนเดิม — ไม่มีเสียงเปิด ไม่มีคำร่ายเวท แค่...วงแหวนเวทจางลงไปนิดหนึ่ง และในเสี้ยววินาทีนั้น ฉันคิดว่าฉันได้ยินเสียงบางอย่าง เสียงสะท้อนเบา ๆ จากด้านหลังประตู เหมือน...เสียง “ลมหายใจ” แผ่ว...แต่น่าหวาดหวั่น และไม่ใช่ของมนุษย์ ฉันเบิกตากว้าง...ขนลุกซู่ ตั้งแต่ต้นคอจรดส้นเท้า …เอ๊ะ หรือฉันควรถอยกลับไปก่อน? แต่ก่อนที่ฉันจะได้ก้าวถอย เสียงฝีเท้าดังขึ้นจากปลายทางเดินด้านหลัง ฉันหันขวับ— และพบว่า…หลงอวิ๋นยืนอยู่ตรงนั้น เงาของเขายาวทาบบนพื้นน้ำแข็ง ดวงตาสีฟ้าของเขา...วันนี้ไม่ได้เป็นน้ำแข็งใสบริสุทธิ์เหมือนเคย มันมืดครึ้มและลึกเหมือนทะเลที่ไม่มีพื้น ฉันก็รู้ว่า...งานเข้าแล้ว... “เจ้าทำอะไรอยู่?” เสียงเขาทุ้มต่ำ ฉันชะงัก รีบชักมือกลับ “ขะ...ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันแค่เห็นประตูมันดูแปลก...” “ประตูนี้...ไม่ใช่แค่แปลก” เขาเอ่ยเสียงเบา แต่เด็ดขาด “แต่มัน ต้องห้าม” เขาก้าวมาขวางระหว่างฉันกับประตู ลมหายใจของเขาดูหนักกว่าปกติเล็กน้อย “อย่าเข้าใกล้ที่นี่อีก...” “โดยเฉพาะตอนที่ข้าไม่อยู่” “...ในนั้นมีอะไรเหรอคะ?” ฉันถามเบา ๆ หลงอวิ๋นเงียบไปนาน ก่อนตอบเพียงว่า “บางสิ่ง...ที่ไม่ควรถูกปลุกขึ้นมา” “แม้แต่ข้า...ยังไม่กล้าเปิดมัน” เขาหันหลังกลับให้ประตู สายตาจับจ้องมาที่ฉันนิ่ง ๆ ใบหน้าเรียบเฉยเหมือนเคย แต่ แววตานั้นสั่นไหว ราวกับเขากำลังซ่อนความทรงจำบางอย่างที่หนักอึ้ง “เอลาเรีย” เขาเรียกชื่อฉันเบา ๆ “ถ้าเจ้าคิดจะอยู่ในวังนี้ต่อไป...จงจำไว้อย่างหนึ่ง” “อย่าเชื่อทุกอย่างที่เห็น” “และอย่าคิดว่า ‘ข้า’ ...ไม่มีด้านที่เจ้าควรกลัว” คำพูดของเขาทำให้ใจฉันสะดุด ไม่ใช่เพราะความกลัว แต่เพราะ...ในดวงตาสีฟ้าที่มืดลงนั้น ฉันเห็นอะไรบางอย่างที่คล้าย ความเจ็บปวดลึก ๆ มากกว่าความโกรธ แล้วเขาก็หมุนตัวกลับ ร่ายวงเวทผนึกขึ้นอีกชั้นที่ซับซ้อนยิ่งกว่าครั้งแรก ก่อนจะพาฉันเดินจากจุดนั้นมาโดยไม่พูดอะไรอีก... แต่หัวใจของฉัน...ยังคงย้อนกลับไปที่ประตูบานนั้น และดวงตาของเขา...ที่วันนี้ไม่ใช่แค่เย็นชา แต่เต็มไปด้วย ความกลัว ที่ถูกปิดซ่อนไว้หลังหิมะพันปี ⋆꙳•❅*°⋆❆.ೃ࿔*:・*❆ ₊⋆ หลงอวิ๋นเดินนำฉันออกจากโซนด้านในอย่างเงียบเชียบ เสียงฝีเท้าของเรากระทบพื้นผลึกน้ำแข็งแผ่วเบา แต่ชัดเจนในความเงียบของวัง เมื่อผ่านประตูคู่ใหญ่เข้าสู่โถงนอกวัง อากาศพลันเย็นจัดขึ้นทันที — หนาวเย็นแบบที่แทรกซึมเข้าไปถึงกระดูก ฉันกอดตัวเองแน่น สะบัดไหล่เล็กน้อยโดยไม่ทันได้พูดอะไร แต่แล้วจู่ ๆ หลงอวิ๋นก็หยุด เขาขยับตัวเล็กน้อย ถอดเสื้อคลุมตัวยาวสีขาวเงินของเขาออกอย่างนุ่มนวล ก่อนจะคลุมลงบนบ่าของฉัน... เบาและระมัดระวัง ราวกับกลัวว่าฉันจะละลายไปกับสายลม “แม้ตอนนี้ ที่นี่จะเป็นฤดูร้อน... แต่ด้านนอกวัง อากาศยังคงหนาวเย็นเสมอ” “ข้าไม่อยากให้เจ้าหนาว” มือของเขาเย็น แต่เนื้อผ้าของเสื้อคลุมนั้นอุ่นผิดคาด มีกลิ่นไอเย็นหอมสะอาดของหิมะ และกลิ่นซีดาร์อ่อน ๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา หลงอวิ๋นยื่นแขนให้ฉัน...ด้วยกิริยาสง่างามในแบบของราชวงศ์โบราณ และแน่นอน...ฉันจับแขนนั้นไว้ แม้หัวใจจะเต้นแรงกว่าอุณหภูมิภายนอกมากก็ตาม “วังเทียนหลงสร้างขึ้นจากน้ำแข็งโบราณที่ไม่มีวันละลาย” “และหินผลึกจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ทุกส่วนของวัง...มีตำนานและความหมายเฉพาะตัว” เสียงของเขาทุ้มนุ่ม...คล้ายกำลังเล่าเรื่องราวจากยุคที่ฉันไม่มีวันเข้าใจ แต่ฉันกลับรู้สึกว่า...เขากำลังเปิดโลกของเขาให้ฉันทีละน้อย ก่อนที่เราจะเดินต่อ เขาหยุดกะทันหัน แล้วหันกลับมามองฉันด้วยสายตาจริงจัง “เอลาเรีย...” “วังนี้มีทั้งมิตรและศัตรู” “ข้า...ไม่อาจอยู่เคียงเจ้าได้ทุกนาที” “จงระวังคำพูด การกระทำ และจงสวมสิ่งนี้ไว้เสมอ” เขาหยิบกำไลสีเงินวาวออกมา มีจี้รูปเกล็ดหิมะแกะสลักละเอียดประณีต ห้อยแกว่งเบา ๆ ตามแรงลม เขาสวมมันให้ฉันด้วยมือนิ่งเยือกเย็น ปลายนิ้วสัมผัสข้อมือของฉันเบา ๆ จนหัวใจฉันพลันเต้นผิดจังหวะ ทันทีที่กำไลแตะผิวหนัง — เกล็ดหิมะจิ๋วบนจี้ก็เรืองแสงฟ้าอ่อนขึ้นมา “หากเจ้าตกอยู่ในอันตราย...เพียงแตะมัน” “ไม่ว่าอยู่ที่ใด ข้าจะรู้...และจะมา” “นี่คือ...?” ฉันมองกำไลในมือ “ตราประทับขององค์ชายที่สาม” เขาตอบเรียบ ๆ “มันแสดงว่าเจ้าคือผู้ที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของข้า ใครที่กล้าทำร้ายเจ้า...จะต้องเผชิญกับราชันมังกรโดยตรง” ฉันนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเขา “ขอบคุณค่ะ” เขาไม่ตอบ แต่แค่พยักหน้าเล็กน้อย...อย่างที่เขามักทำเสมอ เวลารู้สึกมากกว่าที่เขายอมแสดงออก เราเดินต่อไป ผ่านแนวพุ่มน้ำแข็งที่สูงตระหง่านจนแสงแดดแทบลอดผ่านไม่ได้ จนกระทั่ง... ทัศนียภาพตรงหน้าก็เผยออก ฉันตะลึงจนต้องหยุดเท้า “...นี่มัน...” “สวนน้ำแข็งบริสุทธิ์” ดินแดนอีกโลกที่งดงามเหนือจินตนาการ ต้นไม้น้ำแข็งสูงใหญ่กิ่งก้านโปร่งแสง ทอแสงระยิบระยับราวผลึกดาว ดอกไม้น้ำแข็งหลากสี บานสะพรั่งอยู่สองข้างทางเดิน ลมเย็นหอบเอากลิ่นหอมอ่อน ๆ คล้ายไวโอเล็ตและมินต์มาปะทะปลายจมูก ตรงกลางสวนคือ สระน้ำแข็งใสสะท้อนแสงฟ้า มีปลาสีทองว่ายวนอยู่ข้างใต้ผิวน้ำ น้ำพุน้ำแข็งพุ่งสูงเป็นเกลียว ก่อนแข็งตัวกลางอากาศ กลายเป็นประติมากรรมธรรมชาติที่ไม่มีใครปั้นได้ เราหยุดยืนใต้ซุ้มดอกไม้โค้งที่ปลายทางเดิน หลงอวิ๋นเด็ดดอกไม้สีฟ้าอ่อนดอกหนึ่ง — ดอกไม้นั้นไม่ละลายแม้เขาจะถือมันไว้ในมือ “ดอกไม้นี้ชื่อ... ‘หยกหิมะ’ ” “มีเฉพาะในสวนนี้เท่านั้น มันบานปีละครั้ง...ในคืนเดือนเพ็ญหยางหิมะ” “กลิ่นของมันสามารถรักษาโรคร้าย และฟื้นฟูพลังชีวิตได้” เขาค่อย ๆ สอดดอกไม้นั้นไว้ที่ผมของฉัน นิ้วของเขาแตะข้างหูฉันอย่างเบา ๆ ราวกับฉันคือสิ่งเปราะบาง “...ดอกไม้นี้ เข้ากับเจ้ามาก” ฉันนิ่งไป หัวใจเต้นโครมครามจนแทบกลบเสียงหิมะตก ความเย็นที่เคยว่างเปล่าในอากาศ…เปลี่ยนไป กลายเป็นบางอย่างที่อ่อนโยน นุ่มนวล และอุ่นในแบบที่น้ำแข็งไม่ควรมี เขาพาฉันเดินต่อจนถึงศาลาริมสระน้ำ สร้างจากหินอ่อนสีขาว ผสมแก้วผลึกและน้ำแข็งใส มีม้านั่งยาววางอยู่ข้างใน รายล้อมด้วยแสงสะท้อนจากผิวน้ำ “ที่นี่สวยมากเลยค่ะ…” “ข้ามักมาใช้เวลาที่นี่ตอนวิกาล ฝึกควบคุมเวทหิมะ” “ไม่มีใครเคยเข้ามาที่นี่...นอกจากข้า” “เจ้า...คือคนแรก” ฉันหันไปมองเขาช้า ๆ ละอองน้ำแข็งบาง ๆ ลอยวนรอบตัวเราทั้งคู่ กระทบกับแสงแดดบ่ายจนกลายเป็นประกายคล้ายเกล็ดดาวระยิบระยับ ฉันไม่พูดอะไร เพราะรู้ดีว่า...แค่นี้ ก็เกินกว่าคำพูดจะอธิบายได้แล้ว ⋆꙳•❅*°⋆❆.ೃ࿔*:・*❆ ₊⋆
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม