ตอนที่ 4 เมื่อผู้ส่งอาหารกลายเป็นผู้บุกรุก

1389 คำ
ชายหนุ่มผมสีน้ำเงินเข้มยังคงจ้องฉันนิ่ง ๆ ไม่ไหวติง สายตาของเขาเย็นเยียบ ปราศจากอารมณ์เหมือนผืนน้ำแข็งโบราณที่ไม่เคยละลายตลอดกาล ฉันยืนเกร็งอยู่ท่ามกลางลมหิมะที่กระหน่ำใส่ราวกับจะพัดฉันปลิวได้ทุกเมื่อ กอดกล่องราเมนแนบอกไว้แน่นจนแทบจะฝังเข้าไปในร่าง ราวกับมันคือโล่ป้องกันตัวสุดท้ายที่ฉันมีในโลกใบนี้ 'ยิ้มเข้าไว้เอลาเรีย...อย่างน้อยก็ตายอย่างมีมารยาท...' ฉันพยายามยิ้มแหย ๆ แต่ริมฝีปากสั่นระริกจนแทบเก็บไม่อยู่ ก่อนที่ฉันจะตัดสินใจได้ว่าจะหนีหรือสู้... เสียงฝีเท้าหนัก ๆ หลายคู่ก็ดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียงจากด้านหลังวังน้ำแข็ง กึก กึก กึก กึก! ชายในชุดเกราะสีเงินวาววับวิ่งกรูออกมา เสียงเกราะกระทบกันดังแกรก ๆ ลั่นสะท้อนในอากาศเย็นจัด พวกเขาล้อมฉันไว้ในพริบตา ท่าทางแข็งกร้าวเหมือนหินน้ำแข็งที่ไม่มีวันแตก "บุกรุกพื้นที่หวงห้าม!" เสียงหนึ่งตะโกนกร้าว "จับตัวไว้!" อีกเสียงตะโกนซ้ำ ขณะที่มือข้างหนึ่งหยิบเชือกเวทย์ที่เรืองแสงสีฟ้าอ่อนออกมา "หาาาา?! เดี๋ยว ๆ ฉันแค่ส่งราเมนนะ!" ฉันโบกไม้โบกมือรัว ๆ จนกล่องราเมนแทบหลุดจากมือ พยายามถอยหลังหนีโดยไม่คิดชีวิต แต่พื้นหิมะลื่นอย่างร้ายกาจ เท้าที่จมหายอยู่ในหิมะทำให้ฉันเกือบหงายหลังล้มกองอยู่ตรงนั้น ทหารคนหนึ่งพุ่งเข้ามาเร็วราวพายุ ข้อมือของฉันถูกรวบอย่างรวดเร็ว และเชือกเวทย์เริ่มพาดพันรอบแขนอย่างแน่นหนา 'ไม่นะ! ฉันยังไม่ได้ทำประกันชีวิตข้ามมิติเลยนะเว้ยยย!' ฉันหลับตาปี๋ กัดฟันแน่นในขณะที่คิดว่าชีวิตในโลกใบนี้น่าจะจบลงด้วยข้อหาบุกรุกเพราะราเมนชามเดียว... แต่แล้ว— พรึ่บ! สายลมเย็นเฉียบแผ่กระจายออกจากจุดหนึ่งกลางลานหิมะมันไม่ใช่แค่ลมธรรมดา แต่เป็นกระแสพลังที่เย็นจนทำให้อากาศรอบตัวเหมือนจะจับตัวเป็นน้ำแข็งทันที ทุกอย่างเงียบกริบในเสี้ยววินาที แม้แต่เสียงลมหิมะที่พัดกระหน่ำเมื่อครู่ ก็เหมือนหยุดนิ่งไปพร้อมกับกาลเวลา ฉันลืมตาขึ้นอย่างระแวง ภาพที่เห็นทำให้แทบหยุดหายใจ — ทหารทุกคนหยุดนิ่งกลางอากาศ ราวกับถูกแช่แข็งโดยพลังลึกลับ แม้แต่เศษเกล็ดหิมะที่ปลิวอยู่กลางอากาศก็ชะงักค้าง ราวกับโลกหยุดหมุน แล้ว... เสียงหนึ่งดังขึ้น — หนักแน่น เย็นชา และทรงอำนาจจนแม้แต่หิมะรอบตัวก็เหมือนสั่นไหวตาม "ปล่อยตัวนาง" เสียงนั้นราบเรียบไร้อารมณ์ แต่ก้องสะท้อนเข้าไปถึงกระดูกสันหลังฉัน ฉันหันขวับไปยังต้นเสียง — เป็นเขา...ชายหนุ่มผมสีน้ำเงินเข้ม เขายังคงยืนอยู่ที่เดิม ราวกับไม่เคลื่อนไหวแม้แต่น้อย เส้นผมยาวปลิวเบา ๆ ตามแรงลมอันน้อยนิดที่ยังเหลืออยู่ ดวงตาสีฟ้าเข้มเป็นประกายจาง ๆ ใต้แสงหิมะ จ้องตรงมาที่ฉันอย่างแน่วแน่ ไม่ใช่สายตาอ่อนโยน ไม่ใช่สายตาเมตตา แต่เป็นสายตาที่...เหมือนกับ "ยอมให้ผ่าน" อย่างไม่เต็มใจนัก ราวกับว่าฉันเป็นสิ่งผิดพลาดที่เขาต้องยอมรับเพราะเหตุผลบางอย่าง “แต่...” “ข้าสั่งให้ปล่อย!” ทหารทุกคนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อย ๆ คลายเชือกเวทย์ออกจากแขนฉัน แล้วถอยห่างออกไปอย่างไม่เต็มใจนัก ฉันยืนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ กำกล่องราเมนแน่นจนเส้นเลือดปูด '...เขาช่วยฉันเหรอ?' หัวใจที่เกือบหยุดเต้นไปแล้วเริ่มกลับมาเต้นระรัวอย่างระส่ำอีกครั้ง ไม่ใช่ด้วยความกลัวเพียงอย่างเดียว...แต่ยังมีความสงสัยและสับสนเจือปนอยู่ในนั้นด้วย ชายหนุ่มก้าวเข้ามาใกล้อีกก้าว ระยะห่างระหว่างเราสองคนสั้นลงจนฉันสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่มองไม่เห็น — แต่ครั้งนี้ มันไม่ใช่แรงกดดันรุนแรงเหมือนก่อนหน้านี้ เป็นความเย็นสงบนิ่งที่อบอวลรอบตัวเขา...เย็นจัด แต่ไม่ก้าวร้าว ฉันได้แต่กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ขยับมือที่สั่นนิด ๆ จนกล่องราเมนกระเพื่อมเบา ๆ "ราเมน" เขาพูดสั้น ๆ — น้ำเสียงราบเรียบเหมือนคนกำลังประกาศข้อเท็จจริงที่ไม่ต้องมีอารมณ์ร่วม "อ๋อ!" ฉันรีบตอบรับ เสียงสูงขึ้นกว่าปกติโดยไม่ตั้งใจ รีบยื่นกล่องราเมนออกไปสองมือ ยิ้มเกร็ง ๆ อย่างกับจะร้องไห้ได้ทุกเมื่อ "ราเมนเพลิงจันทร์ลาวาค่ะ...ของคุณ..." เขาไม่ได้เอื้อมมือมารับในทันที เพียงแค่ยืนนิ่ง จ้องกล่องราเมนในมือฉันด้วยสายตาคมกริบ ดวงตาสีฟ้าเข้มของเขาฉายแววสงสัยปนระวังอย่างชัดเจน ราวกับว่ากล่องอาหารอุ่น ๆ ธรรมดาใบนี้อาจกลายร่างเป็นอาวุธทำลายล้างโลกได้ทุกเมื่อ 'ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้มั้ง...แค่ราเมนเองนะ...' ฉันตะโกนในใจ พยายามฝืนยิ้มต่อไปแม้ว่ากรามจะเริ่มแข็งเพราะหนาวจัด เวลาผ่านไปอึดใจหนึ่งที่ยาวนานอย่างน่าทรมาน ในที่สุด... เขาก็เอื้อมมือออกมา มือเรียวยาว ขาวซีดราวหิมะเก่าแก่ที่ไม่เคยละลาย นิ้วมือเรียวสวย เคลื่อนไหวอย่างสงบนิ่งขณะที่เอื้อมเข้ามาแตะกล่องราเมนในมือฉัน เขาไม่ได้ใส่ถุงมือ ปลายนิ้วเย็นเยียบของเขาแตะลงบนกล่องโลหะอุ่น ๆ อย่างแผ่วเบา ฟู่— ทันใดนั้น ไอน้ำอุ่นจากกล่องพวยพุ่งขึ้นมาปะทะกับผิวเย็นเฉียบของเขา เกิดเป็นม่านหมอกจาง ๆ ลอยขึ้นระหว่างเรา ชั่วขณะหนึ่ง ดวงตาสีฟ้าน้ำแข็งของเขาไหววูบ — ราวกับสะท้อนความรู้สึกบางอย่างที่ลึกเกินกว่าจะเข้าใจได้ในพริบตาเดียว เศษเสี้ยวของความอบอุ่น? เศษเสี้ยวของความคิดถึง? หรือเพียงความตกตะลึงจากสัมผัสที่ไม่คาดคิด? ...ฉันเองก็บอกไม่ได้ แต่เพียงแค่ชั่ววินาทีเดียว ทุกอย่างก็จางหายไป เขากลับมาเป็นคนเยือกเย็นเช่นเดิม ใบหน้าเรียบนิ่ง ราวกับม่านหมอกแห่งอารมณ์ที่เพิ่งเผยออกมานั้นเป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น "เจ้า...ชื่ออะไร" เสียงของเขาดังขึ้นกลางความเงียบที่หนาวเหน็บ น้ำเสียงราบเรียบ...แต่ทรงพลังจนเหมือนสะท้อนก้องอยู่ในโพรงหิมะที่ล้อมรอบเราไว้ ฉันสะดุ้งเล็กน้อย รีบกะพริบตา ตั้งสติที่กระจัดกระจายเก็บกลับมาให้ได้มากที่สุด ก่อนตอบเสียงสั่น ๆ "เอลาเรีย...ค่ะ" เสียงของตัวเองแผ่วเบาแทบกลืนหายไปกับสายลม แต่ดวงตาสีฟ้าเข้มคู่นั้นจับจ้องมาที่ฉันอย่างแน่วแน่ เขาเงียบไปครู่หนึ่ง เหมือนกำลังจดจำชื่อฉันไว้ในห้วงลึกสุดของความคิด ราวกับไม่ใช่แค่การรับรู้ธรรมดา แต่เป็นการจารึก ความเงียบยาวนาทีนั้น ทำให้หัวใจฉันเต้นโครมครามจนเจ็บหน้าอก แล้วเขาก็เอ่ยเบา ๆ — เสียงนั้นแผ่วเบา...แต่ทรงอำนาจมากพอจะกวาดหิมะรอบตัวให้สงบนิ่งได้ "ตามข้ามา" พูดเพียงแค่นั้น — ไม่มีคำอธิบายเพิ่มเติม ไม่มีคำชี้แจงใด ๆ เขาหมุนตัวอย่างสง่างาม ผ้าคลุมสีเทาเงินปลิวสะบัดตามแรงลมอย่างงดงาม จากนั้น...เขาก็เริ่มก้าวเดินนำเข้าไปในวังน้ำแข็ง อย่างไม่แม้แต่หันกลับมาดูว่า ฉันจะตามไปหรือไม่ ฉันยืนตะลึงอยู่อีกไม่กี่วินาที มือกำสายกระเป๋าส่งอาหารแน่นจนเห็นเส้นเลือดที่ปูดขึ้นมาเล็กน้อย หัวใจเต้นระส่ำเหมือนกลองศึก ‘นี่ฉัน...กำลังถูกพาไปไหนกันแน่นะ?’ สายตาเหลือบลงมามองเจ้าก้อนหิมะน้อยในอกเสื้อที่สั่นงึก ๆ อย่างน่าสงสาร ดูเหมือนมันจะสัมผัสได้ถึงความไม่แน่นอนในอากาศนี้เช่นเดียวกับฉัน ฉันสูดหายใจเข้าลึก ข่มใจที่อยากจะวิ่งหนีกลับไปหาประตูที่ปิดหายไปแล้วนั่นให้จงได้ แล้วก้าวเท้าตามแผ่นหลังสง่างามของชายหนุ่มผมสีน้ำเงินเข้มเข้าไปในวังน้ำแข็งอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ทุกก้าวที่ย่างเข้าไป... เหมือนกำลังเดินลึกเข้าไปในโลกอีกใบที่เย็นเยียบ ลึกลับ และเต็มไปด้วยความลับที่ไม่มีวันหวนกลับได้อีก ❄️❄️❄️❄️❄️❄️
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม