พอหน้าเซ็ตเริ่มกลับมาทำงานอีกครั้งศิลาก็เลยตัดสินใจเดินออกจากบริเวณหน้ามอนิเตอร์ เพราะไม่อยากจะอยู่รบกวนการทำงานของอาโปและเตชินท์ แต่อีกสาเหตุหนึ่งก็คือไม่อยากจะมาอารมณ์เสียจากพฤติกรรมของนาโนด้วย ถึงแม้ว่าเขาจะเอ็นดูนาโนไม่น้อยไปกว่าเอ็ม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการที่นาโนทำตัวไม่มีมารยาทแบบนี้มันสร้างความอคติน้อยๆ ขึ้นมาในใจอยู่เหมือนกัน ซึ่งมันมีส่วนกระตุ้นให้เขาเกิดอารมณ์ไม่ดีขึ้นมาได้ไม่น้อย
ศิลาเดินเลี่ยงเงียบๆ ออกมายังห้องแต่งตัว ผู้คนมากมายเดินกันขวักไขว่อยู่บริเวณด้านหน้าห้อง ประตูถูกเปิดปิดด้วยคนที่เดินเข้าเดินออกอยู่ไม่ขาดสาย คนน้องเอื้อมมือไปจับลูกบิดทันทีเมื่อก้าวเดินไปถึงหน้าห้องแต่งตัวก่อนจะออกแรงบิดแล้วเปิดประตู จากนั้นจึงเดินเข้าไปด้านใน
“เอ้า! ไอ้ศิลา มาตั้งแต่เมื่อไหร่” กานต์ร้องทักเมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินเข้ามาในห้อง
“เพิ่งมาถึงไม่นานอะพี่”
“อ่อ นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว เห็นเมื่อเช้าพี่อาโปมากองคนเดียว”
“ตื่นไม่ไหวอะ ผมเลยออกมาสายหน่อย”
“แน่ะ! ทำไมตื่นไม่ไหว ทำไรเมื่อคืน” กานต์เอ่ยถามพร้อมเหล่ตามองมายังรุ่นน้องด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
“ไม่ได้ทำไรทั้งนั้นแหละพี่ ก็ช่วยพี่โปดูงานวันนี้อะแหละ”
“อย่าให้รู้น้า...” กานต์แซวต่อก่อนจะต้องกระโดดหลบ เมื่อศิลาทำท่าแกล้งจะต่อยเข้าที่ต้นแขนของเขา ทั้งคู่แซวเล่นกันอยู่ครู่ใหญ่โดยมีพี่ๆ ช่างหน้าช่างผมรวมไปถึงทีมคอสตูมคอยเป็นลูกคู่อยู่ตลอดเวลา เสียงเฮฮาดังอยู่เป็นระยะจนกระทั่งเสียงประตูเปิดขึ้นแล้วปรากฏใบหน้าของชายหนุ่มที่ศิลาคุ้นตาเดินเข้ามาด้านใน
“สวัสดีคร้าบบบ” เอ็มเข้ามาพร้อมเสียงทักทายสดใสอันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของเขา
“มาทำไรวะ” กานต์เอ่ยถาม
“พี่อาโปบอกให้มาครับ” เอ็มตอบก่อนจะเดินมาทิ้งตัวลงที่โซฟาข้างๆ ศิลาที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว
“ใช่พี่ พี่โปอยากให้น้องแวะมาหน่อย เผื่อถ่ายรงถ่ายรูปลงโซเชียลของสตูฯ ว่ามาให้กำลังใจนู่นนี่ เพราะเอ็มมันก็พอมีคนจะเริ่มรู้จักบ้างแล้ว จะได้ให้คนได้เห็นหน้าค่าตาของนาโนบ้างก่อนเอ็มวีจะปล่อยอะครับ” ศิลาร่ายพูดเสียยืดยาว เพราะเป็นสิ่งที่เขาได้คุยกับอาโปเมื่อคืน พอคนพี่เห็นด้วยกับไอเดียนี้ก็เลยรีบบอกให้เอ็มมาในวันนี้ด้วย จึงไม่แปลกที่กานต์เองก็ยังดูงงๆ เพราะไม่เคยรับรู้เรื่องนี้มาก่อนทั้งๆ ที่ก็เข้าประชุมทุกครั้ง
“กูก็ว่าตอนประชุม ไม่เคยได้ยินพี่อาโปพูดถึงเรื่องนี้เลย ที่แท้ก็ฝีมือมึงนี่เอง”
“ใช่พี่ ผมเก่งอะดิ๊” ศิลาเอ่ยพูดพร้อมทำหน้าเหนือ
“กูไม่ได้อะไรหรอกนะ แต่มารอดูเหอะว่าจะมีคนตีกันหรือเปล่า ปกติอยู่ห้องซ้อมก็ไม่ค่อยจะลงรอยกันสักเท่าไหร่อยู่ละ”
“เอาน่าพี่ เด็กๆ มันก็น่าจะรู้กาลเทศะอยู่หรอก” ศิลาหันไปหาเอ็ม “จริงมั้ยไอ้เอ็ม”
“ผมไม่เคยเริ่มก่อนนะพี่ มีแต่ไอ้นาโนนั่นแหละ” เอ็มพูดถึงนาโนพร้อมแค่นหัวเราะในลำคอเบาๆ พูดถึงเรื่องทะเลาะกันทีไร ภาพจำในหัวก็มีแต่นาโนก่อเรื่องหรือเป็นฝ่ายเริ่มอยู่เสมอ เขาจึงไม่ค่อยกังวลเรื่องตีกันเท่าไหร่ เพราะเขาไม่เคยเริ่ม คนที่ศิลาต้องระวังควรจะเป็นนาโนเสียมากกว่า เพราะนิสัยแบบนั้นดีแต่จะสร้างปัญหาให้สตูฯ มากกว่าประโยชน์
การถ่ายทำกินเวลายาวนานไปถึงช่วงเย็น แต่ละคนต่างก็แยกย้ายกันไปทำงานในส่วนที่ตัวเองต้องรับผิดชอบ ในขณะที่ศิลาเองที่ปกติทำแต่งานในสตูฯ พอต้องมาออกกองก็เลยคอยเป็นลูกมือฝ่ายนู้นฝ่ายนี้บ้างตามประสาที่ตัวเองพอจะช่วยได้ เดี๋ยวก็ไปช่วยคอสตูม เดี๋ยวก็ไปช่วยสวัสดิการ วิ่งวุ่นไปทั่วกองแต่เขาก็สนุกดีเพราะอย่างน้อยก็ได้ช่วยเหลืองานของอาโปสุดที่รักของเขา
ถึงแม้ว่าความจริงอาโปจะอยากให้ศิลาอยู่เฉยๆ สบายๆ แบบไม่ต้องทำอะไรก็ตาม...
เสียงเท้าเดินปึงปังดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ก่อนที่ประตูห้องแต่งตัวจะถูกเปิดออกด้วยความรุนแรง นาโนเดินหน้าบึ้งเข้ามาด้วยรังสีของความหงุดหงิด เขาชักสีหน้าเมื่อยังเห็นว่าเอ็มยังคงนั่งอยู่ในห้องแต่งตัว
“ยังอยู่อีกเหรอ” น้ำเสียงห้วนพูดขึ้นก่อนที่เจ้าตัวจะเดินไปนั่งเก้าอี้ตัวที่ว่างอยู่ด้วยท่าทีขึงขัง
“อือ” เอ็มตอบห้วนโดยที่ตัวเองก็ไม่ได้สนใจกับคำพูดและคนที่เดินมานั่งลงด้านข้างเท่าไหร่นัก เขาเลือกที่จะโฟกัสกับมือถือของตนเองเสียมากกว่า
“จะมาทำไมก็ไม่รู้ ไม่ได้เกี่ยวข้องซะหน่อย”
สิ้นคำของนาโนเอ็มก็ถอนหายใจแรงแล้วชักสีหน้าพอประมาณจนคนที่อยู่ในห้องแต่งตัวเริ่มเลิ่กลั่กมองกันไปมา บรรยากาศมาคุแต่เอ็มเองก็ยังควบคุมอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ได้อยู่ “อยากรู้ก็ถามพี่อาโปเอาละกันนะ”
“มาเด็กๆ ระหว่างรอเปลี่ยนเซ็ตเดี๋ยวพี่ขอให้เอ็มถ่ายรูปกับคลิปคู่นาโนหน่อยนะครับ” อาโปเดินเข้ามาพร้อมกับศิลาด้วยท่าทีสบายๆ แต่ดูน่าเกรงขาม จนนาโนที่ถึงแม้จะไม่พอใจและไม่ได้อยากจะถ่ายกับเอ็มก็ยังต้องยอมทำตามแบบที่ตัวเองก็ไม่กล้าปฏิเสธ ทำได้เพียงแค่ตั้งคำถามเท่านั้น
“ถ่ายไปทำไมเหรอครับ เขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับเอ็มวีผมซะหน่อย” นาโนเอ่ยถามเสียงแข็ง
“ก็เผื่อไว้ให้เอ็มช่วยลงไอจีโปรโมทให้ไง เพราะเขามีคนพอจะรู้จักบ้างแล้ว จะได้ช่วยให้คนอื่นๆ ได้มองเห็นนาโนด้วย” กานต์เอ่ยตอบแทรกขึ้นมา เพราะไม่อยากจะให้อาโปต้องมาต่อปากต่อคำกับเด็กน้อยคนนี้
นาโนชักสีหน้าเล็กน้อยแต่ก็ยอมทำตามเมื่อเอ็มเดินมาประกบข้าง กานต์รีบคว้ามือถือของตัวเองขึ้นมาถ่ายรูปเก็บไว้ทันที
“ยิ้มน้าเด็กๆ” กานต์เอ่ยเสริมแล้วรอจังหวะที่เอ็มและนาโนยิ้มก่อนจะกดถ่ายรัวๆ
“เสร็จแล้วใช่มั้ยครับ” นาโนถามเสียงนิ่ง
“เดี๋ยวพี่ขอวิดีโออีกอันนะ” กานต์พูดพลางใช้มือเลื่อนเปลี่ยนโหมดในมือถือจากการถ่ายภาพนิ่งเป็นวิดีโอ “เอ็มก็พูดให้กำลังใจเฉยๆ แหละ ไม่ต้องมีไรมาก”
“โอเคครับ” เอ็มรับคำในขณะที่นาโนกรอกตามองบนไม่สบอารมณ์
“อาเค 1 2 3 มา” กานต์กดปุ่มเริ่มอัดวิดีโอแล้วพยักหน้าเพื่อส่งสัญญาณให้เอ็มและนาโนเริ่มพูดได้ทันที
ทันทีที่ถ่ายคลิปเพื่อลงไอจีเสร็จนาโนก็ปลีกตัวออกไปเปลี่ยนชุดทันทีโดยไม่รอกานต์เช็กว่าคลิปใช่ได้หรือไม่ได้ เขาเดินตรงไปที่พี่คอสตูมแล้วขอเปลี่ยนชุดเพื่อถ่ายเซ็ตสุดท้ายทันที ปล่อยให้เอ็ม กานต์และอาโปยืนมองหน้ากันไปมาแบบงงๆ แต่ก็ต้องปล่อยเลยตามเลยเพราะไม่มีใครอยากจะเสียเวลามีปัญหากับเด็กอย่างนาโน
พอเสร็จภารกิจตามที่อาโปได้สั่งเอาไว้ กานต์ก็จัดการเรียกรถแท็กซี่แล้วส่งเอ็มกลับบ้านทันที ถึงแม้ว่าเอ็มจะบอกว่าอยากอยู่ต่ออีกนิดเพราะกลับบ้านไปก็อยู่คนเดียวไม่มีอะไรทำอยู่ดี แต่กานต์ก็ต้องจำใจส่งเอ็มกลับเพราะใกล้จะเลิกกองแล้ว ถ้าแม่ของนาโนมาเห็นว่าเอ็มอยู่กองด้วยเดี๋ยวจะมีปัญหาเสียเปล่าๆ
ถึงแม้ว่าสุดท้ายนาโนอาจจะฟ้องแม่อยู่ดีว่าเอ็มมากองก็เถอะ...
เสียงเพลงและเสียงโหวกเหวกโวยวายตะโกนสั่งงานของเตชินท์ดังเป็นระยะตลอดทั้งวันตั้งแต่เริ่มจนจบการถ่ายทำ เมื่อเสียงสั่งคัทครั้งสุดท้ายจบลงแล้วตามด้วยคำสั่งเลิกกอง เสียงเฮดังขึ้นชั่วครู่ก่อนที่ทุกคนจะหันไปรีบขะมักเขม้นเก็บข้าวของในส่วนของตัวเอง เพื่อจะได้กลับบ้านกลับช่องไปพักผ่อนกันสักทีหลังจากที่ทำงานกันมาทั้งวัน
“เหนื่อยมั้ยพี่โป” ศิลาเอ่ยถามหลังจากที่ทุกอย่างเรียบร้อย
“ก็นิดนึง ดีที่นาโนไม่แผลงฤทธิ์มากเท่าไหร่”
“เห้ออออ นี่ขนาดไม่เท่าไหร่นะเนี่ย”
“เอาน่า อย่างน้อยงานเสร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีนี่” อาโปพูดพลางหันมาส่งยิ้มหวานให้อีกฝ่าย
“เออ ว่าแต่วันนี้พี่โปได้สังเกตมั้ยตอนที่เอ็มกับนาโนถ่ายรูปคู่กัน”
“หืม ทำไมหรอ”
“ผมว่าออร่าความเป็นศิลปินของเอ็มกับนาโนมันต่างกันอยู่เหมือนกันนะครับ”
“ก็จริง แต่อาจจะเพราะเอ็มมันผ่านงานมาบ้างแล้วหรือเปล่า โดนกล้องโดนไฟมาแล้ว เลยดูมีราศีไรงี้”
“คงงั้นมั้งครับ แค่เป็นห่วงนาโนว่าถ้าไม่พัฒนาตัวเองกว่านี้ อาจจะไปต่อได้ไม่ไกลครับ” ศิลาพูดด้วยน้ำเสียงกังวล
“ก็ต้องลองดูสักตั้ง เรื่องพวกนี้สตูฯ ก็ต้องมีส่วนในการช่วยพัฒนาน้องด้วย”
“นั่นแหละพี่ ผมกลัวพี่โปเหนื่อย” ศิลาตอบพลางทำหน้าอ้อน
“ไม่เป็นไรหรอก จะได้พิสูจน์ฝีมือของสตูฯ เราด้วย พี่ไม่เหนื่อยหรอกครับ” อาโปเอ่ยตอบพลางยกมือขึ้นลูบหัวอีกฝ่ายเบาๆ
“แต่ตอนนี้พี่โปดูเหนื่อยมากเลยรู้ตัวมั้ยครับ” ศิลาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง
“ขนาดนั้นเลยเหรอ” อาโปพยายามเบิ่งตาโตเพื่อให้อีกฝ่ายเห็นว่าตัวเองยังสดใสไร้อาการเหนื่อย แต่ก็อย่างว่าของแบบนี้ใช่ว่าจะปิดกันได้มิดซะที่ไหน
ศิลาเอื้อมมือมาบีบแก้มทั้งสองข้างของอาโปแล้วยิ้มเอ็นดู “ไม่ไหวก็อย่าฝืนเลยครับ เหนื่อยก็บอกว่าเหนื่อยได้นะพี่โป แววตามันฟ้อง ไม่ต้องเก่งตลอดเวลาก็ได้ครับ”
“งั้นขอกอดแก้เหนื่อยหน่อยได้มั้ยครับ” อาโปเข้ามาสวมกอดแน่น คนน้องเลยกอดตอบ
“ดีขึ้นมั้ยครับ ถ้ายังผมมีรางวัลสำหรับคนเก่งให้พี่โปอีกอย่างหนึ่งด้วยนะ”
อาโปผละออกจากอ้อมกอดแล้วจ้องหน้าศิลาด้วยความประหลาดใจ “หนูเตรียมอะไรไว้ให้พี่ด้วยหรอ”
“ช่าย” คนน้องพยักหน้ารัวๆ
“อะไรอะ”
จุ๊บ~!
ศิลายื่นหน้าไปหอมแก้มคนพี่อย่างรวดเร็วเพราะกลัวว่าจะมีใครผ่านมาเห็น ก่อนจะผละออกมาแล้วพบว่าอาโปยืนยิ้มเขินหน้าแดงหูแดงไปหมด รอยยิ้มกว้างของคนตัวโตกว่าแสดงออกชัดว่าพึงพอใจมากขนาดไหน
“เราเนี่ยน้า...” อาโปเอ่ยพูดออกมาเพื่อแก้เขิน
“เดี๋ยววันนี้ผมขับรถกลับบ้านให้ละกัน พี่โปจะได้พักด้วย”
“น่ารักที่สุดเลยครับ”
“ขอกุญแจด้วยครับ” ศิลาแบมือแล้วยื่นออกมารอรับกุญแจที่คนพี่กำลังจะยื่นให้ พอได้กุญแจมาแล้วเขาก็รีบเดินนำไปที่รถทันที
อาโปอมยิ้มบางๆ ที่มุมปาก สายตาฉายแววความคิดอะไรบางอย่างอยู่ภายในหัวก่อนจะก้าวขาเดินตามคนน้องไปจนทันแล้วยกแขนขึ้นโอบไหล่ของอีกฝ่าย จากนั้นจึงยื่นหน้าไปกระซิบที่ข้างใบหูจนทำให้คนน้องที่ได้ยินถึงกับรู้สึกร้อนวูบจนหูแดง
“น่ารักขนาดนี้ เดี๋ยวถึงบ้านแล้วพี่มีรางวัลชุดใหญ่ให้นะครับ...”