“จะนั่งอีกนานไหม ลงมาสิ”
อชิระเดินมาเปิดประตูให้ตาหวานที่ยังนั่งนิ่งอยู่กับที่ ตาหวานเงยหน้ามองเขาอย่างตกใจและประหลาดใจที่เขาพาเธอมาที่นี่
“พี่พาตาหวานมาที่นี่ทำไมคะ” ตาหวานถามด้วยความไม่เข้าใจว่าอชิระพาเธอมาที่นี่ทำไม ในเมื่อที่นี่เป็นพื้นที่ส่วนตัวของเขากับพี่คิณที่เธอไม่สมควรจะได้มา ค่ำคืนแรกของพวกเขาเกิดขึ้นในโรงแรมและจบลงไปแล้ว อชิระและอคิณก็เป็นคนพูดเองว่าจะไม่มีการสานต่อ
“ลงมาเถอะ อย่าถามมาก” อชิระปลดล็อกเข็มขัดนิรภัยของตาหวานด้วยความรวดเร็วอย่างไม่คิดจะตอบคำถามของอีกฝ่าย เขารั้งร่างเล็กให้ลงจากรถ และก้าวตามเขาไปทางลิฟต์ส่วนตัวที่ขึ้นไปยังห้องนอนของเขากับอคิณที่อยู่ชั้นบนสุดโดยตรง
“พี่ชิระคะ” ตาหวานเรียกอชิระเสียงอ่อน ก่อนจะทำหน้าตื่นขึ้นมาอีกครั้งตอนที่คิดไปไกลว่าเขาอาจจะพาเธอมา...เอ่อ...
“ทำหน้าแบบนี้กำลังคิดอะไรอยู่” มุมปากของอชิระกระตุก เขาแกล้งยื่นหน้าเข้าไปหาตาหวานทำให้ตาหวานต้องเอนตัวหนี
ติ๊ง
สัญญาณที่แสดงว่าลิฟต์ไปถึงที่หมายดังขึ้น ประตูลิฟต์เปิดออก ตาหวานและอชิระจึงมองเห็นอคิณที่ยืนอยู่หน้าลิฟต์พอดี
“พี่คิณ” ตาหวานเรียกอคิณด้วยความประหม่า ใบหน้านวลขึ้นสีแดงจางๆ ใจของเธอเต้นรัวโดยอัตโนมัติเหมือนกับตอนที่เธอแอบมองอคิณไกลๆ
อชิระเห็นท่าทางของตาหวานก็หน้าตึงขึ้นมา ส่วนอคิณมองคนทั้งสองสลับไปมาอย่างครุ่นคิด
“เข้าห้องก่อนสิ” อคิณที่ตอนแรกจะออกไปข้างนอกเปลี่ยนใจหันไปเปิดประตูห้องพักที่อยู่เยื้องกับลิฟต์แทน อชิระรั้งตัวตาหวานให้เดินตามเขาเข้าไปในเพนท์เฮาส์ขนาดใหญ่ และพาเธอไปนั่งตรงโซฟาตัวนุ่มสีเทาเข้ม
“กูไปเจอเด็กนี่ทำงานที่บาร์ กำลังจะโดนปล้ำเลยหิ้วมา” อชิระบอกกับอคิณที่นั่งตรงโซฟาตัวเดี่ยว ส่วนเขาทิ้งตัวนั่งข้างๆ ตาหวาน
“มึงจัดการแล้วใช่ไหม” อคิณถามเสียงขรึม ใบหน้าของเขาเคร่งเครียดขึ้นมา แม้จะยังคงมีความสงบนิ่งไม่ได้ดูฉุนเฉียวเหมือนกับอชิระ แต่ดวงตาภายใต้กรอบแว่นตาของเขาก็คล้ายกับมีเปลวเพลิงขึ้นมาทันที
“มึงคิดว่าไงล่ะ” อชิระย้อนถามคู่แฝด อคิณเลยมีสีหน้าพอใจเพราะเชื่อว่าคนอย่างอชิระไม่มีทางปล่อยผ่านเรื่องนี้และต้องจัดการได้อย่างดีด้วย
“ดื่มอะไรหน่อยไหม” อคิณเลยหันไปถามตาหวานที่เพิ่งผ่านเรื่องร้ายมาแทน ตาหวานที่นั่งตัวเกร็งส่ายหน้า
“ม่ะ...ไม่เป็นไรค่ะ” ตาหวานเสียงสั่นนิดๆ เพราะยังตื่นเต้นที่ได้คุยกับชายตรงหน้า ทั้งๆ ที่เธอและเขาเคยก้าวข้ามขั้นไปไกลมากกว่าการพูดคุยกันแล้ว แต่ตาหวานก็ยังควบคุมอารมณ์ให้นิ่งเฉยไม่ได้
เธอแอบชอบอคิณมาตั้งสองปีกว่าแล้ว จะให้ทำใจเหมือนกับว่าไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาเลยภายในระยะเวลาอันรวดเร็วก็ดูจะยากเกินไป
อชิระมองท่าทางของตาหวาน เขาเดาะลิ้นในปากแล้วลุกขึ้นยืนก้าวหายไป ตาหวานที่ต้องอยู่กับอคิณเพียงลำพังเลยยิ่งตัวหดเล็ก ก่อนจะหายใจคล่องขึ้นตอนที่อชิระกลับมาอีกครั้ง
“เอาไป” อชิระยื่นเสื้อผ้ามาตรงหน้าตาหวาน หญิงสาวเงยหน้ามองเขางงๆ แต่ก็รับของที่เขาให้มาถือไว้
“นั่น ห้องนอนแขก มีของใช้เตรียมเอาไว้ให้พร้อม ไปอาบน้ำแล้วนอนในห้องนั้นซะ” อชิระชี้นิ้วไปทางประตูบานหนึ่งที่ถูกเปิดแง้มจนเห็นเตียงนอนข้างใน ตาหวานเบิกตากว้าง รีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที
“ไม่เป็นไรค่ะ ตาหวานไม่รบกวนดีกว่า” ตาหวานพูดพร้อมกับยื่นเสื้อผ้าคืน “เดี๋ยวตาหวานขอกลับ…”
“คืนนี้ดึกแล้ว นอนที่นี่เถอะ” อคิณพูดขัดขึ้นมา “ไม่ต้องเกรงใจพวกพี่หรอก นอนพักที่นี่แหละ”
อคิณพูดเสียงนุ่มทั้งยังส่งยิ้มอบอุ่นใจดีให้ตาหวาน ตาหวานที่ตกหลุมรักอคิณเพราะภาพลักษณ์ที่แสนอ่อนโยนของเขาเลยเหมือนกันถูกมนต์สะกดไปทันที
“เชื่อพี่นะตาหวาน คืนนี้นอนพักที่นี่เถอะ” อคิณกล่อมอีกรอบ และคราวนี้ตาหวานก็หมดแรงต้าน
“ก็ได้ค่ะ” ตาหวานพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนมองไปทางอชิระสลับกับมองอคิณ “ขอบคุณนะคะ”
ตาหวานก้าวไปทางห้องนอนที่อชิระบอก ปิดประตูห้องให้เรียบร้อยแล้วมองเสื้อผ้าในมือที่เป็นเสื้อเชิ้ตสีดำตัวยาวกับกางเกงขาสั้น
เอาเถอะ คิดซะว่าคืนนี้เป็นการต่อเวลาที่จะได้อยู่ใกล้กับชายในฝันของเธออีกสักครั้ง พอพ้นจากคืนนี้ไป เธอก็คงไม่ได้ใกล้ชิดเขาอีกแล้ว
แม้จะเป็นการนอนแปลกที่แต่ตาหวานก็นอนหลับสนิทจนถึงเช้าเพราะเตียงที่นุ่มสบายและแอร์ที่เย็นฉ่ำ ตาหวานลุกขึ้นมาล้างหน้าแปรงฟัน ก่อนจะออกจากห้องที่เธอใช้เป็นห้องนอนมาทั้งคืน เธอไม่พบใครในห้องนั่งเล่น จึงเดินไปตามเสียงพูดคุยและกลิ่นของอาหารที่ลอยออกมาจากทางห้องครัว
แล้วตาหวานก็ได้เจอกับภาพที่เธอคาดไม่ถึง นั่นคือ ภาพของอชิระที่กำลังยืนอยู่หน้าเตาและทำอาหารด้วยท่าทางคล่องแคล่ว
“ไง ตื่นแล้วเหรอ” อชิระทักทายตาหวานที่ยืนมองเขาตาแป๋ว ตาหวานเลยเดินเข้าไปในห้องครัวและเห็นว่าเขากำลังทำข้าวผัดอเมริกันอยู่
“มีอะไรให้ตาหวานช่วยไหมคะ” ตาหวานที่หายจากความประหลาดใจเสนอตัวช่วย
“ไม่ต้อง จะเสร็จแล้ว ไปนั่งรอเถอะ” อชิระบุ้ยใบ้ไปทางโต๊ะกินข้าว ตาหวานทำตามที่เขาบอกอย่างว่าง่าย และเพียงไม่นานอาหารหน้าตาน่ากินก็มาถูกนำมาวางบนโต๊ะ
“ลองชิมสิ กินได้ไหม”
ตาหวานหยิบช้อนมาตักข้าวกินตามที่อชิระบอก แล้วหญิงสาวก็ทำตาโตอย่างชอบใจ
“หืม อร่อยมากเลยค่ะ พี่ชิระทำอาหารอร่อยจัง” ตาหวานฉีกยิ้มกว้างให้อชิระพร้อมกับชมเขาอย่างจริงใจ เธอตักข้าวผัดที่หอมนุ่ม รสชาติคลุกเคล้ากับซอสกำลังดีเข้าปากอีกครั้งและทำสีหน้ามีความสุขสุดๆ
อชิระจับจ้องท่าทางของตาหวานไม่วางตา เขาเห็นเม็ดข้าวติดอยู่ที่มุมปากของตาหวานเลยใช้ทิชชูช่วยเช็ดให้พร้อมกับบ่นเบาๆ
“มูมมาม” อชิระพูดเหมือนกับต่อว่า แต่ดวงตาของเขากลับมีประกายบางอย่างพาดผ่าน ตาหวานส่งยิ้มแก้มตุ่ยให้เขา ดวงตาของอชิระเข้มจัดขึ้นมาเพราะภาพที่เห็นกระตุ้นความต้องการบางอย่างที่สุมอยู่ในกายของเขาอย่างรุนแรง
“ทนไม่ไหวแล้วว่ะ” อชิระสบถออกมา ก่อนที่เขาจะใช้สองมือตรึงใบหน้าของตาหวานไว้แล้วนาบริมฝีปากของตนลงบนริมฝีปากเล็ก
ตาหวานทำตาโตที่อยู่ๆ ก็ถูกอชิระจูบอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่เธอกลับไม่รู้สึกรังเกียจรสจูบของเขา ทั้งยังรู้สึกเคลิบเคลิ้มล่องลอยขึ้นมา
ร่างของตาหวานอ่อนระทวยเอนไปทางด้านหลัง เธอจึงรับรู้ได้ถึงไออุ่นของอคิณที่ก้าวเข้ามาใกล้โดยที่เธอไม่ทันรู้สึกตัว