“เจนิส แกเป็นยังไงบ้าง”
ฮารุ เกี่ยวก้อย รีน่า และคิตตี้ เพื่อนร่วมวงวิ่งถลาเข้ามากอดคนบนเตียงที่วันนี้มีสีหน้าสดใสขึ้น
“ไหนดูซิ มันทำอะไรแกบ้าง”
ฮารุจับแขนทั้งสองข้างของคนป่วยให้กางออก แล้วมองสำรวจจนทั่วตัวก็ไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายสักนิดจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ฉันไม่เป็นไรแล้ว ขอบใจพวกแกมากนะที่อุตส่าห์มาเยี่ยม กำลังจะไปเชียงใหม่กันเหรอ”
“อืม กำลังจะไปเชียงใหม่ แต่แกไม่ต้องห่วงนะ พวกฉันเอาอยู่ เดี๋ยวเอากำลังใจจากแฟน ๆ มาฝาก”
“พวกแกต้องมาเหนื่อยเพราะฉัน”
“เพราะไอ้เลวนั่นต่างหาก เอาเรื่องให้ถึงที่สุดเลยนะ ไม่ต้องไปกลัวมัน คนพวกนี้จะได้ไม่มีใครกล้ากับผู้หญิงอีก”
“อืม ตอนนี้พ่อแม่กับคุณลุงคุณป้ากำลังเดินเรื่องคดีกันอยู่”
สี่สาวพร้อมทั้งผู้จัดการส่วนตัวหันมองรอบห้องก็ไม่เห็นผู้ใหญ่สักคน ยกเว้นแม่บ้านและบอดี้การ์ดที่นั่งอยู่มุมห้องเท่านั้น
“ถึงว่าพี่ไม่เจอพ่อแม่ของเจนิส”
ปุ๊กกี้เอ่ยพลางนำกระเช้าดอกกุหลาบสีขาวส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปวางไว้ให้ที่โต๊ะ พร้อมด้วยตะกร้าของเยี่ยมอีกนับสิบที่คนกำลังทยอยเอาเข้ามาวางไว้ให้ในห้อง
“เอาอะไรมาเยอะแยะคะพี่ปุ๊กกี้”
“ของจากแฟนคลับ นี่แค่ส่วนน้อยนะ พี่เลือกที่เจนิสจะได้กินได้ใช้ ที่เหลือพี่เอาไปไว้ที่คอนโดให้หมดแล้ว ถ่ายรูปมาแล้วด้วย เดี๋ยวส่งให้ จะได้ไปขอบคุณแฟนคลับถูก”
“ขอบคุณมากค่ะ”
“ไม่เป็นไร พี่ขอโทษด้วยนะ คืนนั้นน่าจะขึ้นไปส่งเจนิสถึงที่ห้อง ถ้าพี่ขึ้นไปด้วย มันคงเข้ามาทำร้ายเจนิสไม่ได้”
ผู้จัดการส่วนตัวตรงเข้าสวมกอดนักร้องสาว แม้จะไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่ก็เสียขวัญจนช็อกไปเป็นวัน
“อย่าโทษตัวเองสิคะ พี่ปุ๊กกี้ดูแลพวกเราห้าคนอยู่คนเดียว ไม่ใช่แค่พวกเราที่เหนื่อย พี่เหนื่อยกว่าพวกเราอีก”
“แล้วนี่แกจะเอายังไงต่อไป ย้ายคอนโดไหม หรือจะไปอยู่คอนโดฉันก่อน”
เกี่ยวก้อยเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เพราะลูกสาวนักธุรกิจอย่างเธออยู่อาศัยในคอนโดมิเนียมสุดหรูที่มีห้องนอนถึงสองห้อง แถมระบบรักษาความปลอดภัยยังดีเยี่ยมกว่าที่ไหน ๆ
“ไม่เป็นไรหรอกก้อย ฉันต้องย้ายออกจากคอนโดฯ ไปอยู่กับเพื่อนของพ่อแม่แทน”
ทั้งห้าสาวเลิกคิ้วแทนคำถาม เจณิสตาจึงต้องเล่าความจริงทั้งหมดให้ฟัง
“ตอนแรกพ่อจะให้ฉันลาออกจากวงทันที จะให้กลับสวิตฯ พร้อมพ่อกับแม่เลย แต่ฉันขออยู่ต่อเพราะเรากำลังจะได้เซ็นสัญญาเพิ่ม แต่พ่อก็ไม่ยอม ป้าพั้นช์ เพื่อนของพ่อกับแม่เลยช่วยพูดให้ ท่านจะเอาฉันไปดูแลแทน สุดท้ายพ่อก็ยอม แต่ก็ได้แค่หนึ่งปี หมดสัญญาฉันต้องกลับสวิตฯ”
“นี่เรื่องจริงเหรอเนี่ย แค่ปีเดียวเอง ถ้าแกกลับสวิตฯ ไปแล้วพวกฉันล่ะ” ฮารุครางรับ ดวงตาเบิกโพลงตกใจ
“ฉันจะไม่ยอมกลับเด็ดขาด”
“แล้วแกจะทำยังไง แกขัดพ่อแม่แกได้ที่ไหนล่ะเจนิส”
“ฉันจะหาทางทำให้ฉันได้อยู่ต่อไปน่ะสิ มันต้องมีสักทาง”
“โอ๊ย มันจะมีทางไหนล่ะ ขนาดจะได้เซ็นสัญญาต่อ พ่อแม่แกยังไม่ยอมเลย นอกจากว่าจะมีคนที่ไว้ใจได้มาดูแลแกต่อไป หรือไม่แกก็ต้องมีแฟน เตรียมตัวแต่งงานตั้งรกรากอยู่ที่ไทยแล้วล่ะ”
ฮารุพูดพลางทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ข้างเตียงด้วยความหดหู่ หากขาดตัวดึงดูดอย่างเจณิสตาไป มีหวังได้ถูกยุบวง หรือไม่ก็ต้องแยกย้ายกันไปเติบโตก่อนเวลาอันควร
แต่สิ่งที่ออกจากปากของฮารุทำให้คนฟังเลิกคิ้ว ก่อนดวงตาจะเปล่งประกายมีความหวัง
“มีแฟน เตรียมแต่งงานเหรอ”
“อะไร นี่อย่าบอกนะว่าแกกำลังคิดจะหาแฟนอยู่อะ”
เกี่ยวก้อยร้องถาม ดวงตาเบิกโพลงราวเห็นเป็นเรื่องประหลาดที่คนอย่างเจณิสตาที่วัน ๆ ทุ่มเทกับการเรียนและการฝึกซ้อม คิดที่จะมีแฟน
“พวกเราก็เรียนจบกันแล้วนะ ถ้าวัน ๆ เอาแต่ซ้อมร้องซ้อมเต้นและเดินสายออกงานมันก็จะดูว่างไปหน่อย”
“ยัยเจนิส”
สี่สาวร้องเรียกชื่อพร้อมกัน เพราะแม้ทางต้นสังกัดจะไม่ได้ห้ามศิลปินมีความรัก แต่วิธีนี้มันดูสิ้นคิดไปหน่อย ถึงจะเป็นหนทางเดียวที่หลงเหลือก็เถอะ
“ตกใจอะไร พวกเราโตแล้วนะ ต้นสังกัดก็ไม่ได้ห้าม คิตตี้ยังเปิดตัวแฟนได้เลย แถมแฟนคลับยังจิ้นจนแฟนคิตตี้ยังได้เข้าวงการมาด้วย เห็นไหม มันมีแต่ข้อดี”
“แล้วแกจะเป็นแฟนกับใคร ใครเข้ามาจีบก็ถีบเขากระเด็นหมด ตอนนี้เหลือด้วยเหรอ”
เจณิสตาอ้าปากเตรียมเถียงฮารุ ก็ต้องหุบปากฉับ เมื่อคิดได้ว่าผู้ชายที่เข้ามาจีบเธอ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนนักศึกษา ดารา นักร้อง นายแบบ คนนอกวงการ หรือแม้กระทั่งนักธุรกิจชื่อดัง เธอก็ปฏิเสธเขาหมด จนตอนนี้ไม่มีใครเหลือสักคน
“ฮึ่ม เดี๋ยวก็มี ตั้งหนึ่งปีเชียวนะ จะไม่มีใครเข้ามาจีบฉันอีกแล้วเลยหรือ”
“มันต้องมีอยู่แล้ว ก็แกสวยออกขนาดนี้ แถมยังดังกว่าพวกเราทุกคนในวงด้วย” รีน่าเอ่ยบ้าง ทุกคนจึงพยักหน้าเห็นด้วย
“งั้นถ้ามีใครเข้ามา ฉันจะคบด้วยเลย ดีไหม”
“ไม่ดี ไม่ใช่ว่าแกจะเป็นแฟนกับใครก็รอดนะ แฟนแกต้องเป็นคนดี มีคุณสมบัติครบถ้วน ดูแลแกได้ ไม่งั้นพ่อแกจะไว้ใจให้แกอยู่ที่นี่ต่อได้ไง เกิดไปคว้าใครมามั่ว ๆ แกได้กลับสวิตฯ ทันทีแน่”
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของฮารุ ก่อนผู้จัดการวงจะเอ่ยขึ้นแทรก
“อย่าเพิ่งคิดถึงเรื่องนี้เลย บางทีถ้าเวลาผ่านไป ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ท่านอาจยอมให้เจนิสต่อสัญญาก็ได้นะ พี่ว่าอาจจะดีกับเจนิสมากกว่าเปิดตัวแฟน”
เจณิสตานิ่งคิด ถ้าจากนิสัยส่วนตัวของพ่อ เธอไม่มั่นใจเลยว่าพ่อจะเปลี่ยนใจได้ด้วยตัวเอง
“ค่ะพี่ปุ๊กกี้ อีกตั้งหนึ่งปี เจนิสยังมีเวลาพิสูจน์ตัวเอง”
“อืม งั้นเจนิสพักผ่อนก่อน อย่าเพิ่งคิดมาก ส่วนพวกเราต้องเดินทางแล้ว เดี๋ยวตกเครื่อง”
ห้าสาวกอดลากัน ไม่นาน ห้องก็กลับเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง นักร้องสาวถอนหายใจเฮือก ก่อนจะขยับตัวลงนอนคิดวางแผนในใจว่าเธอควรจะทำอย่างไรต่อไปดี เพราะแม้เวลาหนึ่งปีจะมาก แต่ก็ไม่ได้เหลือเฟือพอให้เธอโอ้เอ้ใช้ชีวิตไปวัน ๆ ได้
“มากันแล้วค่ะ”
พริ้มพราว ลูกสาวคนรองของพาขวัญและพิรัชย์ วิ่งเข้าไปในห้องนั่งเล่นเพื่อบอกให้พ่อ พี่ชาย และน้องชายเตรียมตัวต้อนรับแขกคนสำคัญของแม่ที่ต่อไปนี้จะมาอาศัยอยู่ที่บ้านของเธออีกอย่างต่ำหนึ่งปีเต็ม
ที่น่าตื่นเต้นกว่าคือสาวสวยคนนั้นดันเป็นนักร้องสาวไอดอลที่สามารถพูดได้ว่าเธอกำลังโด่งดังที่สุดในตอนนี้ และเป็นผู้หญิงที่ชายหนุ่มทั่วโลกโหวตให้ว่าอยากเป็นแฟนด้วยมากที่สุดอีกต่างหาก
ไม่ต่างจาก พิธาน ลูกชายคนเล็ก เพราะถึงเขาจะคลุกคลีกับวงการบันเทิงด้วยการเป็นข่าวกับดารานางแบบมาตั้งแต่เริ่มแตกเนื้อหนุ่ม แต่การที่เจณิสตาผู้ซึ่งผู้ชายทุกคนหมายปองจะมาอยู่ร่วมบ้านก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ แม้ว่าแม่จะสั่งห้ามไม่ให้เขายุ่งกับเธอในทางชู้สาวก็ตาม
“ตื่นเต้นอะไรนักหนายัยพราว”
พิพัฒน์ ลูกชายคนโตผู้กุมบังเ**ยนบริหารกิจการของพิมพ์มาดาพร็อพเพอร์ตี้ปิดหน้าจอไอแพดที่กำลังเช็กกระดานหุ้นแล้วถอนหายใจ ทั้งยังส่ายหน้าระอาน้องทั้งสองที่ทำตัวราวกับคนไม่เห็นดารา ทั้งที่ทุกคนในครอบครัวอยู่ในสังคมชั้นสูงที่เจอนักธุรกิจ ไฮโซ ดารา เซเลบมากมายและมักจะได้อยู่ในหน้าสื่อเสมอ
“พี่พอร์ชคะ นั่นเจนิสเลยนะ น้องน่ารักออก”
“ก็แค่นักร้อง ในทีวีสวย ๆ บางคนเจอตัวจริงหน้าตาดูไม่ได้ก็มี อย่าไปตื่นเต้นนักเลย ยังไงก็อยู่ร่วมบ้านให้แกได้เห็นหน้าสดอีกนาน”
พี่ใหญ่พูดกลั้วหัวเราะ เพราะเขาเองก็คร่ำหวอดในวงการดาราเซเลบเช่นกัน คู่ควงคนล่าสุดนั่นก็ใช่
“อ๋อ ลืมไปนะนายพิธ ที่พี่พอร์ชเขาไม่ตื่นเต้นเพราะกำลังควงกับระดับดาราโกอินเตอร์เลยนี่นะ”
พริ้มพราวหันไปพยักพเยิดกับน้องชาย ทั้งยังเบะปากใส่คนหล่อที่เปลี่ยนคู่ควงระดับแนวหน้าเป็นว่าเล่นให้อีก แล้วขยับไปนั่งกอดคนเป็นพ่อที่ไม่เคยเจ้าชู้มากรักแบบพี่ชายและน้องชายเลย เพราะเขามีแฟนทีละคนก่อนจะจับแม่ของเธอที่เป็นเด็กในอุปการะของคุณย่ากินแทนอาหารหลักจนความแตก
“ไม่ต้องเถียงกัน ยังไงลูกทุกคนก็ต้องช่วยกันดูแลน้องจนกว่าจะครบกำหนดหนึ่งปี เข้าใจไหม”
พิรัชย์เอ่ยสำทับ แล้วก้มจูบหน้าผากมนของลูกสาวสุดที่รักเหมือนที่ทำมาตลอด
“ทราบครับพ่อ ให้ผมตามรับส่งน้องด้วยยังได้ ไม่ได้คิดอะไรเลยจริง ๆ นะครับ”
พิธานขันอาสาก่อนจะได้รับคำชื่นชมจากมารดาที่พาแขกคนสำคัญเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นชุดใหญ่
“แหม ไม่ต้องเลยเจ้าพิธ แค่อ้าปากแม่ก็เห็นไปถึงไส้ติ่ง พี่พีทก็หัดปรามลูกชายของพี่บ้างสิคะ เจ้าชู้เหลือเกิน ไม่รู้ได้มาจากใคร”
“อ้าว แม่ครับ เรื่องอะไรมาว่าผมคนเดียว ทีพี่พอร์ชทำไมแม่ไม่ว่าบ้างล่ะ ดูสิ แล้วแบบนี้เจนิสจะคิดว่าผมเป็นคนยังไง”
เจณิสตามองใบหน้าหล่อเหลาของคนร้องประท้วงแล้วอมยิ้ม ก่อนจะเหลือบไปมองผู้ชายอีกคนที่ถูกกล่าวถึง ทันทีที่สบสายตาเหมือนโลกหยุดหมุนไปชั่วขณะ ใบหน้าขาวใสราวผิวผู้หญิง คิ้วเข้มดกดำพาดอยู่บนหน้าผากกว้างกำลังพอเหมาะ ดวงตาคมกริบสีน้ำตาเข้ม จมูกโด่งจัดตามชาติพันธุ์ช่างรับกับริมฝีปากหยักได้รูปสีชมพูดูสุขภาพดี
ความหล่อเหลามีออร่าภายใต้ใบหน้าเรียบเฉยและแววตาเย็นชาคู่นั้นทำเธอสั่นไปทั้งตัว
และนั่นทำให้เธอตัดสินใจได้ในทันทีว่าควรจะทำวิธีไหนให้ได้เซ็นสัญญาฉบับที่สอง และคนที่เหมาะสมที่สุดที่พ่อของเธอจะไม่สามารถปฏิเสธได้นั้นคือใคร