เสียงฝีเท้าหนักแน่นที่คุ้นเคยดังขึ้นที่หน้าเรือนพักของตระกูลเซี่ย แม้ไม่ต้องหันไปมองเซี่ยเหยียนอวี่ก็รู้ทันทีว่าเป็นผู้ใด
"ฝ่าบาท..." เหยียนอวี่ลุกขึ้นยืนต้อนรับ ร่างกายยังคงอ่อนล้าจากการอดหลับอดนอนวางแผน แต่เขาก็ฝืนยิ้มบางๆ ให้ผู้มาเยือน "ดึกดื่นป่านนี้ พระองค์ยังเสด็จมาอีกหรือพะย่ะค่ะ?"
องค์ชายจวิ้นอี่ก้าวเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าเคร่งเครียด พระหัตถ์กำด้ามดาบที่เอวแน่น ราวกับพร้อมจะชักออกมาฟาดฟันศัตรูได้ทุกเมื่อ สายตาคมกริบกวาดมองไปรอบห้องเพื่อสำรวจความปลอดภัย ก่อนจะมาหยุดที่ใบหน้าของเหยียนอวี่
"ข้าได้ยินเรื่องนักฆ่าแล้ว" จวิ้นอี่เอ่ยเสียงต่ำ น้ำเสียงสั่นเครือด้วยความโกรธระคนห่วงใย "เจ้าปลอดภัยดีใช่ไหม? มีใครบาดเจ็บหรือไม่?"
"กระหม่อมปลอดภัยดีพะย่ะค่ะ มีเพียงจื้อเฉินที่ได้แผลเล็กน้อย แต่ท่านหมอไป๋ดูแลเขาอยู่" เหยียนอวี่ตอบเสียงเรียบ พยายามทำตัวเข้มแข็ง
จวิ้นอี่ถอนหายใจยาว เดินตรงเข้ามาคว้าไหล่บางทั้งสองข้างของเซี่ยเหยียนอวี่ บีบแน่นจนเหยียนอวี่รู้สึกเจ็บ
"เลิกทำตัวเข้มแข็งต่อหน้าข้าเสียที!" องค์ชายหนุ่มดุเสียงเบา แววตาที่มองมาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด "เจ้ารู้ไหมว่าข้าใจหายแค่ไหนตอนได้ยินข่าว... ข้ากลัว... กลัวว่าเจ้าจะเป็นอะไรไป"
ความอบอุ่นจากฝ่ามือใหญ่และความจริงใจในน้ำเสียงนั้น ทลายกำแพงน้ำแข็งในใจเหยียนอวี่ลงทีละน้อย เขาเม้มริมฝีปาก ก้มหน้าลงต่ำเพื่อซ่อนแววตาที่ไหววูบ
"กระหม่อม... ขออภัยที่ทำให้ฝ่าบาทต้องกังวล"
"ข้าไม่ได้ต้องการคำขอโทษ" จวิ้นอี่เชยคางมนขึ้น บังคับให้สบตา "ข้าต้องการให้เจ้าปลอดภัย... นับจากนี้ไป จนกว่าจะถึงงานเลี้ยงชมจันทร์ ข้าจะส่งองครักษ์เงามาคุ้มกันจวนตระกูลเซี่ย และในวันงาน... ข้าจะมารับเจ้าด้วยตัวเอง"
"แต่ฝ่าบาท..." เหยียนอวี่พยายามท้วง "หากทำเช่นนั้น จะยิ่งเป็นเป้าสายตา ฉินลี่หรงจะยิ่งระวังตัว"
"ให้มันระวังไป!" จวิ้นอี่ประกาศกร้าว "ข้าจะให้มันเห็นชัดๆ ว่าใครที่กล้าแตะต้องเจ้า มันจะต้องเจอกับข้า!"
เหยียนอวี่มองบุรุษตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก ในชาติก่อน เขาโหยหาการปกป้องเช่นนี้แทบขาดใจ แต่ไม่เคยได้รับ... มาในชาตินี้ เมื่อเขาตัดสินใจที่จะยืนหยัดด้วยตัวเอง คนผู้นี้กลับยื่นมือเข้ามาโอบอุ้มเขาไว้แน่น
"ขอบพระทัยพะย่ะค่ะ" เหยียนอวี่เอ่ยเสียงแผ่ว "แต่กระหม่อมมีแผนการ... และแผนนี้ จำเป็นต้องให้ฝ่าบาททรงร่วมแสดงด้วย"
จวิ้นอี่เลิกคิ้ว "แผนการ?"
เหยียนอวี่หันไปหยิบขวดกระเบื้องใบเล็กที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา ในนั้นบรรจุผงยาสีขาวละเอียดที่ไป๋เหวินเจี๋ยเพิ่งปรุงเสร็จ
"นี่คือผงสัจจะนิทราพะย่ะค่ะ" เหยียนอวี่อธิบาย แววตาเป็นประกายวาววับ "เมื่อผสมกับสุรา จะไร้สี ไร้กลิ่น ไร้รส... ผู้ที่ดื่มเข้าไปจะสูญเสียการควบคุมสติสัมปชัญญะชั่วคราว และจะพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาโดยไม่รู้ตัว"
จวิ้นอี่ยิ้มมุมปาก เข้าใจเจตนาของอีกฝ่ายทันที "เจ้าจะให้ข้า... มอมเหล้าฉินลี่หรง?"
"มิบังอาจพะย่ะค่ะ" เหยียนอวี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ "กระหม่อมเพียงแต่จะชวนเขาดื่มฉลอง... เพื่อสานสัมพันธ์ฉันมิตรต่างหาก"
…
…
...
ณ อุทยานหลวง งานเลี้ยงชมจันทร์
แสงโคมไฟนับพันดวงส่องสว่างไปทั่วอุทยาน แข่งกับแสงจันทร์วันเพ็ญที่ลอยเด่นอยู่กลางนภา เสียงดนตรีบรรเลงขับกล่อม เหล่าขุนนางและเชื้อพระวงศ์ต่างทยอยกันมาร่วมงานในชุดหรูหรา
บรรยากาศดูรื่นเริง แต่คลื่นใต้น้ำกำลังก่อตัว
ฉินลี่หรงนั่งอยู่ที่โต๊ะประจำตำแหน่ง จิบสุราด้วยท่าทีสบายอารมณ์ แม้แผนลอบสังหารหมอไป๋จะล้มเหลว แต่เขาก็มั่นใจว่ามันเพียงพอที่จะข่มขวัญพวกเหยียนอวี่ให้หัวหด ไม่กล้าหืออือกับเขาอีกพักใหญ่
"ดูนั่นสิ! องค์ชายจวิ้นอี่เสด็จมาแล้ว!"
เสียงฮือฮาดังขึ้น ฉินลี่หรงเงยหน้ามอง แล้วรอยยิ้มเย้ยหยันบนหน้าก็แข็งค้าง
องค์ชายจวิ้นอี่ไม่ได้มาลำพัง แต่เดินเคียงคู่มากับเซี่ยเหยียนอวี่
เหยียนอวี่วันนี้สวมชุดผ้าไหมสีน้ำเงินเข้มปักลายเมฆสีเงิน ดูสง่างามและลึกลับ ใบหน้าที่เคยซีดเซียวบัดนี้แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบางเบา ขับเน้นความงามพิลาศจนสะกดทุกสายตา
ที่สำคัญ... ทั้งคู่เดินเคียงไหล่กันมาอย่างเปิดเผย ราวกับประกาศก้องให้โลกรู้ว่าความสัมพันธ์นี้แน่นแฟ้นเพียงใด
"บัดซบ!" ฉินลี่หรงสบถเบาๆ บีบจอกสุราในมือจนร้าว "ยังกล้าโผล่หัวมาอีกหรือ..."
เหยียนอวี่กวาดสายตามองไปรอบงาน จนกระทั่งสบตาเข้ากับฉินลี่หรง เขายิ้มบางๆ ให้ศัตรู เป็นรอยยิ้มที่ดูสุภาพ แต่แฝงไว้ด้วยความท้าทาย
เมื่อพิธีการดำเนินไปสักพัก เหยียนอวี่ก็กระซิบบางอย่างกับองค์ชาย จวิ้นอี่พยักหน้า ก่อนที่ทั้งคู่จะลุกเดินตรงมายังโต๊ะของฉินลี่หรง
ฉินลี่หรงรีบลุกขึ้นปรับสีหน้า ตีหน้าซื่อเล่าความเท็จ "ถวายบังคมฝ่าบาท... นายน้อยเซี่ย ไม่เจอกันเสียนาน สบายดีหรือ?"
"ขอบคุณใต้เท้าฉินที่เป็นห่วง" เหยียนอวี่ตอบเสียงนุ่ม "ข้าสบายดี... แม้จะมีแมลงหวี่แมลงวันมารบกวนบ้าง แต่ก็จัดการตบตายไปหมดแล้ว"
คำเปรียบเปรยนั้นทำให้ฉินลี่หรงคิ้วกระตุก แต่ยังคงรักษารอยยิ้มไว้ "ฮ่าๆ นายน้อยเซี่ยช่างมีอารมณ์ขัน"
"วันนี้บรรยากาศดี ข้ากับนายน้อยเซี่ยจึงอยากมาดื่มฉลองกับเจ้าสักจอก" จวิ้นอี่เอ่ยขึ้น พลางรับกาใส่สุรามาจากขันทีคนสนิทซึ่งเป็นคนของหลิวจื้อเฉินที่ปลอมตัวมา
"เป็นเกียรติอย่างยิ่งพะย่ะค่ะ!" ฉินลี่หรงรีบยื่นจอกออกไปรับ
จวิ้นอี่รินสุราลงในจอกของฉินลี่หรง กลิ่นหอมของสุราหมักปีเก่าลอยฟุ้ง ไม่มีสิ่งใดผิดปกติ...
แต่ในจังหวะที่รินนั้น ปลายนิ้วของจวิ้นอี่ที่ซ่อนผงยาไว้ใต้เล็บ ได้ดีดผงสัจจะนิทราลงไปผสมกับสายสุราอย่างแนบเนียน รวดเร็วจนตาเปล่ามองไม่ทัน หากไม่ใช่จอมยุทธ์ตาไว ย่อมไม่มีทางสังเกตเห็น
"ดื่มแด่มิตรภาพ" เหยียนอวี่ชูจอกของตนขึ้น
"แด่มิตรภาพพะย่ะค่ะ" ฉินลี่หรงยิ้มเยาะในใจ
มิตรภาพจอมปลอมน่ะสิ
เขาไม่ระแวงสงสัย เพราะสุรานี้รินจากกาขององค์ชาย และองค์ชายคงไม่กล้าวางยาพิษใครต่อหน้าธารกำนัลนับร้อย
ฉินลี่หรงยกจอกขึ้นดื่มรวดเดียวหมด
เหยียนอวี่มองดูของเหลวนั้นไหลลงคอศัตรู แววตาฉายประกายเย็นเยียบ
ยานี้ออกฤทธิ์เร็วมาก...
เพียงแค่สิบนาที หน้ากากของเจ้าก็จะหลุดร่อนออกมาเอง
"สุรารสเลิศนัก" ฉินลี่หรงชมวางจอกลง แต่แล้วเขาก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ ศีรษะเริ่มหนักอึ้ง โลกหมุนเคว้งคว้าง ความคิดที่เคยเฉียบคมเริ่มพร่ามัว
และการควบคุมปาก... เริ่มหย่อนยาน
"ใต้เท้าฉิน..." เหยียนอวี่เริ่มเปิดฉากโจมตี "ได้ยินข่าวลือว่าหมู่นี้ท่านมีเรื่องกังวลใจ หรือจะเป็นเรื่องที่คนของท่านทำงานพลาด... ที่ตรอกหลังสำนักหมอหลวงเมื่อคืนก่อน?"
ฉินลี่หรงสะดุ้ง เขาควรจะปฏิเสธ หรือแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง แต่ปากของเขากลับขยับไปเองตามแรงกระตุ้นของยา
"พลาด... ใช่ พลาด..." ฉินลี่หรงพึมพำ ดวงตาเริ่มลอย "ไอ้พวกสวะพวกนั้น... แค่หมอคนเดียวยังฆ่าไม่ได้ เสียแรงที่ข้าจ้างด้วยทองคำ..."
เสียงของเขาไม่ได้เบาเลย ขุนนางโต๊ะข้างๆ เริ่มหันมามองด้วยความตกใจ
เหยียนอวี่ยิ้มเย็น แสร้งทำหน้าตกใจ "ฆ่าหมอ? ท่านหมายถึงใครหรือ?"
"ก็ไอ้หมอแซ่ไป๋นั่นไง!" ฉินลี่หรงตวาดเสียงดังขึ้น ความยับยั้งชั่งใจขาดผึง "มันรู้มากเกินไป... มันช่วยเจ้า... ใครที่ช่วยเจ้า ข้าต้องกำจัดให้หมด! เพื่อที่ข้า... จะได้เป็นคนเดียวที่ยืนอยู่เหนือเจ้า!"
ความเงียบเข้าปกคลุมทั่วบริเวณ ทุกสายตาจ้องมองมาที่ฉินลี่หรงเป็นตาเดียว องค์ชายจวิ้นอี่ยืนกอดอก มองดูผลงานชิ้นเอกด้วยความพึงพอใจ
"ฉินลี่หรง..." จวิ้นอี่เอ่ยเสียงเย็น "เจ้าเพิ่งสารภาพความผิดร้ายแรงออกมา รู้ตัวหรือไม่?"
ฉินลี่หรงกะพริบตาถี่ๆ พยายามเรียกสติ แต่ยาพิษในกายกลับบิดเบือนภาพตรงหน้า เขาเห็นเหยียนอวี่ยืนยิ้มเยาะเย้ยเขา รอยยิ้มของปีศาจร้ายที่กลับมาจากนรก
"เจ้า... เจ้าทำอะไรกับข้า!" ฉินลี่หรงชี้หน้าเหยียนอวี่ มือสั่นระริก
"ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย" เหยียนอวี่ตอบเสียงเรียบ "ข้าเพียงแค่... ช่วยเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของท่านออกมา ให้ทุกคนได้ประจักษ์เท่านั้นเอง"
บัดนี้ หน้ากากคนดีของฉินลี่หรงได้ถูกกระชากออกจนหมดสิ้น ท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมาเป็นพยานแห่งความจริง