ณ ยอดเขาหลิงซาน
สายลมกรรโชกแรงหอบเอาเกล็ดหิมะคมกริบพัดบาดผิวหน้า ความหนาวเหน็บของยอดเขาสูงเสียดฟ้าทางทิศเหนือไม่ได้เป็นเพียงแค่อุณหภูมิ แต่มันคืออำนาจสังหารที่พร้อมจะช่วงชิงลมหายใจของผู้บุกรุก
ร่างสูงโปร่งของหลิวจื้อเฉินในชุดคลุมขนสัตว์หนาเตอะกำลังปีนป่ายไปตามหน้าผาหินที่ลื่นและสูงชัน นิ้วมือที่สวมถุงมือหนังเกร็งแน่นจนปวดร้าว ทุกครั้งที่ขยับตัว เสียงลมหายใจหอบหนักจะกลายเป็นไอขาวฟุ้งกระจาย
"อีกนิดเดียว..." จื้อเฉินกัดฟันบอกตัวเอง สายตามองขึ้นไปบนยอดผาที่อาบไล้ด้วยแสงจันทร์เต็มดวง "รอข้าก่อนนะ นายน้อย... เหวินเจี๋ย"
เขาใช้เวลาเดินทางห้าวันเต็มโดยแทบไม่ได้หยุดพัก ม้าตัวโปรดล้มตายไประหว่างทางด้วยความเหนื่อยล้า เขาจึงต้องใช้วิชาตัวเบาวิ่งฝ่าหิมะมาจนถึงตีนเขา และปีนป่ายขึ้นมาด้วยสองมือสองเท้า
ความเหนื่อยล้ากัดกินร่างกายจนแทบหมดแรง แต่ภาพรอยยิ้มของไป๋เหวินเจี๋ยและคำสัญญาเรื่องดอกไม้ไฟ เป็นเชื้อเพลิงชั้นดีที่หล่อเลี้ยงหัวใจเขาไว้
เมื่อมือข้างหนึ่งคว้าจับชะง่อนหินสุดท้าย จื้อเฉินก็เหวี่ยงตัวขึ้นไปยืนบนยอดเขาได้สำเร็จ
ภาพเบื้องหน้าทำเอาเขาลืมความเหนื่อยไปชั่วขณะ
ท่ามกลางหิมะขาวโพลน มีโขดหินสีดำสนิทตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลาง และบนยอดโขดหินนั้น... ดอกไม้รูปร่างประหลาด ใบเรียวยาวสีเงินยวงกำลังส่องแสงเรืองรองแข่งกับแสงจันทร์ ราวกับดวงดาวที่ตกลงมาบนพื้นโลก
หญ้าเทวะ
"เจอแล้ว!" จื้อเฉินร้องด้วยความดีใจ เขารีบก้าวเท้าจะเดินเข้าไปหา
โฮก!!!
เสียงคำรามกึกก้องกัมปนาทดังสนั่นจนหิมะบนยอดเขาสั่นสะเทือน ลมพายุหมุนวนรุนแรงพัดพาร่างของจื้อเฉินจนเซถอยหลัง
จากเงามืดหลังโขดหิน ร่างมหึมาสีขาวปลอดค่อยๆ เยื้องย่างออกมา มันคือพยัคฆ์ขาว มีขนาดใหญ่กว่าเสือทั่วไปถึงสองเท่า ดวงตาสีทองอำพันจ้องมองผู้บุกรุกด้วยแววตานักล่า เขี้ยวโง้งยาววาววับสะท้อนแสงจันทร์
"สัตว์อสูรพิทักษ์..." จื้อเฉินกลืนน้ำลาย มือคว้าด้ามดาบโดยสัญชาตญาณ "ท่านหมอไป๋พูดถูกจริงๆ ด้วย"
เสือขาวย่อตัวลง เตรียมกระโจนใส่ จื้อเฉินรู้ดีว่าแรงคนธรรมดาไม่อาจต้านทานพละกำลังของสัตว์ร้ายระดับนี้ได้ เขาจึงรีบล้วงมือเข้าไปในอกเสื้อ หยิบขวดกระเบื้องที่ไป๋เหวินเจี๋ยให้ไว้ออกมา
'ยาไล่สัตว์ร้าย... หวังว่าเจ้าจะไม่ได้โม้นะ เหวินเจี๋ย'
จื้อเฉินขว้างขวดนั้นใส่หน้าเสือขาวเต็มแรง
เพล้ง!
ขวดแตกกระจาย ผงยาสีแดงฟุ้งกระจายออกมา กลิ่นฉุนรุนแรงของกำมะถันและสมุนไพรขับไล่สัตว์ฟุ้งไปทั่ว พยัคฆ์ขาวสะบัดหน้าอย่างแรง ส่งเสียงร้องด้วยความระคายเคือง มันก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว
"ได้ผล!" จื้อเฉินเห็นช่องว่าง เขารีบพุ่งตัวด้วยความเร็วสูงสุด มุ่งตรงไปที่หญ้าเทวะ
มือของเขาเอื้อมไปคว้ากอหญ้านั้นไว้ได้...
แต่ทว่า พยัคฆ์ขาวไม่ได้หนีไป มันเพียงแค่โกรธเกรี้ยวขึ้น
สัตว์ร้ายคำรามลั่น ตวัดกรงเล็บขนาดมหึมาเข้าใส่จื้อเฉินที่กำลังหันหลังให้
"ชิ!"
จื้อเฉินไหวตัวทัน เขาเบี่ยงตัวหลบ แต่ความเร็วของพยัคฆ์นั้นเหนือชั้น กรงเล็บคมกริบกรีดผ่านแผ่นหลังของเขา ฉีกกระชากทั้งเสื้อคลุมและเนื้อหนังจนเป็นแผลลึก
"อั้ก!"
จื้อเฉินกัดฟันข่มความเจ็บปวด เลือดสีแดงฉานสาดกระเซ็นลงบนหิมะขาว เขาไม่ยอมปล่อยหญ้าเทวะในมือ แต่กลับกอดมันไว้แนบอกเพื่อปกป้องยิ่งกว่าชีวิต แล้วกลิ้งตัวหลบการโจมตีระลอกสอง
พยัคฆ์ขาวกระโจนเข้าใส่อีกครั้ง หมายจะขย้ำเหยื่อให้จมเขี้ยว
จื้อเฉินรู้ว่าหนีไม่พ้น เขาตัดสินใจทิ้งดาบ คว้ามีดสั้นที่ซ่อนไว้ในรองเท้า แล้วแทงสวนเข้าไปที่จมูกของเสือขาวในจังหวะที่มันอ้าปาก
ฉึก!
พยัคฆ์ขาวร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด มันสะบัดหัวเหวี่ยงร่างของจื้อเฉินกระเด็นไปกระแทกกับโขดหิน
"อึก..." จื้อเฉินกระอักเลือดออกมา ความเจ็บร้าวไปทั่วร่างบอกให้รู้ว่าซี่โครงคงหักไปหลายซี่
เสือขาวถอยร่นไปตั้งหลัก เลือดไหลออกจากจมูก มันมองดูมนุษย์ตัวจ้อยที่กล้าทำร้ายมันด้วยสายตาอาฆาต
จื้อเฉินพยุงตัวลุกขึ้นอย่างยากลำบาก เลือดไหลอาบหลังจนชุ่ม แต่เขากลับยิ้มออกมา
มันเป็นรอยยิ้มที่เปื้อนไปด้วยเลือด
"ข้า... ไม่ตายง่ายๆ หรอก..." เขากระชับหญ้าเทวะในอกเสื้อ "ข้ายังมีคนรออยู่... ข้าต้องกลับไป!"
เขาอาศัยจังหวะที่เสือขาวยังลังเล ตัดสินใจกระโดดลงจากหน้าผาฝั่งที่ลาดชันน้อยกว่า สไลด์ตัวลงไปตามทางลาดหิมะเพื่อหนีการไล่ล่า
เสียงคำรามของพยัคฆ์ขาวดังก้องไล่หลังมา แต่จื้อเฉินไม่หันกลับไปมอง เขามุ่งหน้าเพียงทิศเดียว... ทิศใต้ สู่วังหลวง!
…
…
...
ณ ตำหนักหย่งชิง
บรรยากาศภายในห้องนอนของเซี่ยเหยียนอวี่เงียบสงัดจนได้ยินเสียงลมหายใจที่แผ่วเบาของคนป่วย
เหยียนอวี่นอนนิ่งอยู่บนเตียง ใบหน้าซีดจนเกือบโปร่งใส ริมฝีปากที่เคยมีสีเลือดบัดนี้เป็นสีม่วงคล้ำ อาการวิญญาณไม่เสถียรเข้าสู่ระยะวิกฤต ร่างกายของเขาเริ่มเย็นเฉียบราวกับศพ แม้จะมีผ้าห่มหนาคลุมอยู่หลายชั้น
จวิ้นอี่นั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงไม่ห่าง พระหัตถ์กุมมือของเหยียนอวี่ไว้แน่น พยายามถ่ายทอดไออุ่นไปให้ แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล
"ฝ่าบาท..." เหยียนอวี่เอ่ยเสียงกระซิบ เปลือกตาของเขาหนักอึ้งจนแทบลืมไม่ขึ้น "จื้อเฉิน... กลับมาหรือยัง?"
"เขากำลังกลับมา" จวิ้นอี่ตอบเสียงนุ่ม พยายามซ่อนความสั่นเครือในน้ำเสียง "เขาไม่เคยพลาด เจ้าต้องอดทนนะ"
"ข้า... พยายาม..." เหยียนอวี่หายใจรวยริน "แต่ข้าเหนื่อย... เหนื่อยเหลือเกิน..."
เขาเริ่มเห็นภาพหลอนอีกครั้ง ภาพของหมอกควันสีขาวที่กำลังโอบล้อมรอบตัวเขา และเสียงเรียกจากที่ไกลแสนไกล... เสียงที่ชวนให้เขาหลับใหลและปล่อยวางทุกอย่าง
"อย่าหลับนะ!" จวิ้นอี่บีบมือเขาแน่นขึ้น "เหยียนอวี่ มองข้า! เจ้าสัญญากับข้าแล้วว่าจะย้ายไปอยู่ด้วยกัน"
เหยียนอวี่ปรือตามองใบหน้าคมคายที่เต็มไปด้วยความทุกข์ตรม เขายกมืออีกข้างที่สั่นเทาขึ้นมาแตะแก้มสากของคนรัก
"ข้ารักท่าน... จวิ้นอี่..."
มือข้างนั้นตกลงบนเตียงอย่างไร้เรี่ยวแรง ลมหายใจของเหยียนอวี่ขาดห้วงไปชั่วขณะ
"เหยียนอวี่! ไม่!! หมอไป๋!!" จวิ้นอี่ตะโกนลั่นห้องด้วยความตื่นตระหนกสุดขีด
ไป๋เหวินเจี๋ยที่กำลังเคี่ยวยาอยู่รีบถลันเข้ามา เขากดจุดชีพจรที่คอของเหยียนอวี่ สีหน้าของหมอหนุ่มเคร่งเครียดจนน่ากลัว
"ชีพจรอ่อนมาก... วิญญาณกำลังจะหลุด!" ไป๋เหวินเจี๋ยหยิบเข็มเงินเล่มยาวที่สุดออกมา ปักลงไปที่กลางหน้าอกของเหยียนอวี่ "ข้าจะใช้เข็มสะกดวิญญาณ... แต่มันจะยื้อไว้ได้ไม่เกินหนึ่งชั่วยาม ถ้าจื้อเฉินยังไม่มา..."
หมอหนุ่มกลืนน้ำลาย ไม่กล้าพูดประโยคสุดท้ายออกมา
จวิ้นอี่กำหมัดแน่น มองออกไปทางหน้าต่างที่มืดมิด หัวใจของพระองค์ภาวนาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งปวง
จื้อเฉิน... รีบกลับมา! ได้โปรด!
…
…
...
ชานเมืองหลวง
ม้าศึกตัวใหม่ที่จื้อเฉินขโมยมาจากค่ายทหารระหว่างทาง หายใจหอบฮั่กๆ น้ำลายฟูมปาก มันวิ่งติดต่อกันมาสองวันสองคืนโดยไม่ได้พัก
บนหลังม้า จื้อเฉินอยู่ในสภาพกึ่งหมดสติ เลือดจากแผลที่หลังไหลซึมออกมาจนเสื้อคลุมแข็งกรัง ใบหน้าซีดเซียวจากการเสียเลือด แต่มือของเขายังคงกุมห่อผ้าที่ใส่หญ้าเทวะไว้แน่นแนบอก
"อีกนิดเดียว..." เขาพึมพำกับตัวเอง สายตาพร่ามัวมองเห็นแสงไฟของกำแพงเมืองอยู่รำไร "เหวินเจี๋ย... รอข้าก่อน..."
ม้าศึกส่งเสียงร้องครั้งสุดท้ายก่อนจะขาพับล้มลง จื้อเฉินกระเด็นตกลงมากลิ้งกับพื้นฝุ่น
เขาไม่มีแรงลุกขึ้นยืนแล้ว... แต่เขายังมีแรงคลาน
เขากัดฟัน ตะเกียกตะกายลุกขึ้น แล้วเริ่มวิ่ง... วิ่งด้วยขาสองข้างที่สั่นเทา มุ่งหน้าสู่ประตูวัง
"เปิดประตู! ข้าคือหลิวจื้อเฉิน! องครักษ์หลวง!"
เสียงตะโกนแหบแห้งของเขาดังก้องไปในความมืด พร้อมกับชูตราสัญลักษณ์องครักษ์ขึ้น
ประตูวังค่อยๆ เปิดออก ทหารยามรีบวิ่งเข้ามาประคองร่างที่โชกเลือด
"ท่านหลิว! เกิดอะไรขึ้น!?"
"อย่าห่วงข้า..." จื้อเฉินยัดห่อผ้าใส่มือทหาร "เอานี่... ไปให้ท่านหมอไป๋ที่ตำหนักหย่งชิง... เดี๋ยวนี้! เร็วที่สุด! บอกเขาว่า... ข้าทำสำเร็จแล้ว..."
สิ้นคำสั่ง จื้อเฉินก็หมดสติไปในอ้อมแขนของทหาร ท่ามกลางความโกลาหลที่เกิดขึ้นหน้าประตูวัง
หญ้าเทวะมาถึงแล้ว... แต่จะทันเวลาหรือไม่?