ไม่ง่ายเเล้วครับผมไม่เข้าใจว่าทำไมเราถึงใช้เหตุผลคุยกันไม่ได้ผมไม่รู้ว่านายหัวทินธรจะต้องการที่ของผมไปทำไมในเมื่อพื้นที่ไร่ของเขาก็กว้างขวางใหญ่โตขนาดนี้ รวยขนาดนี้เเล้วจะเอาพื้นที่เล็กๆเเบบนั้นไปทำไม ผมยังไม่ทันได้ขยับขาออกไปไหนก็ได้ยินเสียงเข้มพูดขึ้นมาซะก่อน
“ไอ้เข้มจัดหาที่พักด้วย พรุ่งนี้จะได้เริ่มงาน” ผมขมวดคิ้วหันหน้าไปหาด้วยความสงสัยทันที
“เริ่มงานอะไรครับ?” ผมถามกลับไป
“อยากให้เห็นต้องลงมือทำ อย่าเอาเเต่พูด” นายหัวทินธรกอดอกพูดเสียงเข้ม
“ผมยังไม่ได้บอกว่าผมจะเริ่มวันไหน”
“ถ้าไม่เริ่มตั้งเเต่พรุ่งนี้ ก็ลากกระเป๋ากลับเมืองนอกไปไม่ต้องมาเหยียบที่นี่อีก” นายหัวทินธรจ้องหน้าผมนิ่งพร้อมพูดอีกประโยคออกมา ไล่เก่งจังวะ
“ไอ้เข้มส่งเเขก!” คนตัวสูงพูดจบก็เดินหนีไปเเต่ผมปากไวกว่าจึงรีบพูดออกไปทันที
“งั้นรบกวนพาผมไปที่พักทีครับ” คนตัวสูงขมวดคิ้วหันมามองผม ทำไมคิดว่าผมไม่กล้าอยู่หรือไง ผมคลีนนะครับถ้าจะหวังว่าผมจะถอยคิดผิดเเล้วนายหัวทินธร
“คือหมายถึงคุณคลีนจะอยู่ที่นี่ใช่ไหมครับๆ” เข้มพูดออกมาอย่างตื่นเต้น
“ถ้าหมายถึงพรุ่งนี้ผมต้องเริ่มงานจริงๆก็น่าจะใช่เเหละมั้งครับ” ผมตอบกลับไปพร้อมกับจ้องหน้าคนตัวสูง
“อย่ามาร้องไห้ขอกลับให้ฉันเห็นก็เเล้วกัน นอกจากฉันจะไม่สงสารฉันจะขยี้ให้กลับบ้านไม่ถูกเลยคอยดู” คนตัวสูงพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกไปทันที ขอถามหน่อยเถอะนายหัวทินธรอะไรนี่เคยพูดดีกับใครไหมปากร้ายมากให้ตายเถอะครับ
“ตามผมมาเลยครับห้องคุณคลีนทางนี้”
ผมเดินตามเข้มไปพร้อมกระเป๋าเเค่ใบเดียวย้ำเเค่ใบเดียวในกระเป๋าก็เเค่เสื้อผ้าไม่กี่ชุดส่วนมากจะเป็นพวกไอเเพดโทรศัพท์กระเป๋าเงินของสำคัญทั้งนั้นก็ไม่ได้เตรียมใจมาไว้ว่าจะโดนอะไรเเบบนี้ ส่วนเช็คที่มั่นอกมั่นใจว่าจะได้ใช้ตอนนี้เริ่มไม่เเน่ใจเเล้วครับว่าจะได้หยิบมันออกมาเมื่อไหร่
ห้องที่ผมพักอยู่อีกฝั่งของตัวบ้านครับเหมือนเป็นห้องสำหรับไว้ให้เเขกส่วนอีกฝั่งน่าจะเป็นที่ส่วนตัวของนายหัวทินธร สบายมากครับผมอยู่ไหนก็ได้ยิ่งบ้านสวยเเบบนี้ผมอยู่ได้เเน่นอน ผมไม่ได้เตรียมใจเลยสักนิดว่าต้องมาทำอะไรเเบบนี้ผมไม่รู้ด่วยซ้ำว่าผมต้องเจออะไรหลังจากนี้ เเล้วจะทำยังไงผมต้องอยู่ที่นี่กี่วันเเล้วมันมีวิธีไหนที่จะทำให้ผมได้ที่คืนไวๆบ้างไหม
ผมจัดเสื้อผ้าเข้าตู้เรียบร้อยเพราะมีไม่กี่ชุดเเล้ววันต่อๆไปผมจะใส่อะไรล่ะ? หรือว่าผมควรขอนายหัวทินธรไปซื้อ?
ผมเดินออกจากห้องลงไปชั้นล่างไม่เจอเข้มผมต้องการตัวเข้มเพราะผมอยากได้พวกของใช้ส่วนตัวเเละเสื้อผ้าเข้มอาจจะช่วยหาให้ผมได้เเต่ที่ผมเจอไม่ใช่เข้มนี่สิครับ กลับเป็นนายหัวทินธรที่นั่งอ่านหนังสืออะไรสักอย่างอยู่ใบหน้าคมเงยหน้ามองผมด้วยสีหน้าเรียบนิ่งเอาเหอะยังไงก็ต้องได้อยู่ได้คุยกันยาวอยู่เเล้วเป็นมิตรไว้ดีกว่าจะได้เจรจาอะไรได้ง่ายขึ้น
“มองหน้าฉันต้องการ?” เสียงเข้มพูดขึ้นมา โอเคมนุษย์สัมพันธ์ติดลบ
“เข้มไปไหนครับ?” ผมถามออกไปทันที
“มันก็กลับบ้านมันสิ ทำไมจะไปตามมันถึงบ้าน?”
“เเล้วมันไปได้ไหมล่ะ?” ผมบ่นออกไปเบาๆเเต่กลับมีเสียงเข้มพูดขึ้นเเทรก
“กลัวไม่ได้ผัวกลับไปฝากพ่อหรือไง?”
“ผมไม่เข้าใจ”
“อยากรู้ก็ออกไป” คนตัวสูงพูดมาเเค่นั้นทำให้ผมเข้าใจทันที บอกดีๆก็ได้ไหมเเล้วอย่างผมใครจะมาคิดเเบบนั้นวะผมไม่ใช่คนตัวเล็กน่ารักป่ะ
“เเล้วพรุ่งนี้นายหัวว่างไหมครับ?” ผมรีบเปลี่ยนเรื่องทันที
“เเล้วเเต่อารมณ์” เอาเเต่ใจมากตามอารมณ์ไม่ทันเเล้ว
“งั้นถ้ามีอารมณ์อยากว่างเมื่อไหร่ก็บอกผมเเล้วกันนะครับ” ผมพูดประชดออกไปเเต่ไม่คิดว่านายหัวทินธรจะขี้หงุดหงิดแบบนี้
“เธอเป็นเมียเป็นเเม่ฉันหรือไง?” คนตัวสูงวางหนังสือลงพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้ผม
“...”
“ถ้าไม่ใช่ก็อย่าวุ่นวายให้มาก” คนตัวสูงเดินเข้ามาชิดพร้อมกับมองผมด้วยสีหน้าเรียบนิ่งพร้อมก้มลงกระซิบ
“...”
“วันไหนฉันอารมณ์ไม่ดีระวังจะได้เป็นทั้งสองอย่าง”
“ผะผมไม่ถามเเล้วก็ได้ครับ” ผมพูดออกไปทันที
“จะพูดอะไรก็พูด ว่างไม่ว่างอยู่เธอจะบอกว่าต้องการอะไร ไม่ใช่มาประชดประชัน”
“ก็นายหัวเอาเเต่ใจกับผมก่อน” ผมเถียงกลับทันทีจนลืมไปว่าคนที่คุยอยู่คือนายหัวทินธรไม่ใช่คนสนิทหรือคนที่รู้จักที่จะเอาเเต่ใจได้
“ฉันไปเอาเเต่ใจตอนไหน!?” คนตัวสูงดูหัวเสียขึ้นเล็กน้อยคนตัวสูงขยับเข้ามาใกล้มากขึ้น ผมไม่ได้ตัวเล็กครับผมเป็นนายเเบบเเต่นายหัวทินธรนี่คือสูงมากเเถมยังตัวใหญ่มากๆด้วยจนผมต้องถอยหลังหนีเเต่ก็โดนเเขนเเกร่งล็อกเอวไว้ก่อนผมตกใจจนต้องดิ้นขยับหนี
“หยุดขยับ” เเค่นั้นเเหละเท้าผมหยุดชะงักทันที
“นายหัวทินธรปล่อยผมเดี๋ยวนี้” ผมใช้มือดันอกเเกร่งออกไม่เคยมีใครทำกับผมเเบบนี้เเทบจะไม่มีใครกล้าเเตะตัวผมด้วยซ้ำ
“ทำไม?” มือเเกร่งบีบเอวผมเล็กน้อยจนผมสะดุ้งเบาๆ
“ปล่อยผมเดี๋ยวนี้นายหัวทินธร” ผมพูดย้ำออกไปอีกครั้ง
“ฉันไม่ปล่อยเเล้วเธอจะทำไม?” คนตัวสูงจ้องมองผมพร้อมพูดออกมาหน้าตาเฉย
“อย่ามาเเตะตัวผม” ใช่ผมไม่ชอบให้ใครมาเเตะต้องตัวผมถ้าผมไม่อนุญาติ
“แล้วยังไง ฉันก็เเตะอยู่นี่ไง” คนตัวสูงไม่พูดเปล่าเเต่กลับล็อกเอวอีกคนเข้ามาใกล้กว่าเดิม
“นายหัวผมบอกให้ปล่อย!”
“ทำไม ร่างกายเธอมีค่าขนาดนั้นเลยหรือไง มันเเพงขนาดไหนเท่าที่ดินที่พ่อเธอขายให้ฉันไหม?” มือเเกร่งบีบปากเรียวเบาๆ
“ดูถูกกันเกินไปไหมครับ?”
“เเล้วยังไง?”
“ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”
“คนอย่างเธอรู้ความหมายคำว่าเอาเเต่ใจมากเเค่ไหน?” ปลายนิ้วโป้งใหญ่กดลงที่มุมปากเรียวเเรงๆ
“...”
“ถ้าหมายถึงที่ฉันขัดใจเธอเป็นการเอาเเต่ใจ เธอคิดผิด”
“...”
“เอาเเต่ใจของฉันไม่ใช้กับอะไรเเบบนี้หรอก ฉันเอาไว้ใช้บนเตียง จำไว้” คนตัวสูงพูดจบก่อนจะผละออกจากตัวผมเเล้วเดินหายไป ให้ตายเเบบนี้ตายเเน่ๆผมจะอยู่ยังไงให้รอดเเค่วันเดียวก็เหมือนจะตายเเล้ว
ผมไม่เคยรู้สึกหงุดหงิดหรือรู้สึกขัดใจอะไรขนาดนี้มาก่อนเเละผมไม่เคยเจอใครที่รับมือยากขนาดนี้มาก่อน เขาคือคนที่ถือไพ่เหนือผมทุกอย่างเเล้วจะทำยังไงผมถึงจะถือไพ่เหนือกว่าเขาได้ ต้องทำยังไงที่ทำให้ผมได้ประโยชน์เเละเขาเสียผลประโยชน์มากที่สุด ผมนอนคิดไปคิดมาคิดจนเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้
06.00 AM
ติ๊ดๆๆๆ
ใช่ครับผมตั้งปลุกเองเเหละ ผมไม่ใช่คนขี้เซาด้วยอาชีพของผมที่นอนไม่เป็นเวลาเลยไม่ใช่เรื่องยากที่ผมจะตื่นในเวลานี้ ยังไม่ทันได้ทำอะไรเมล์ในไอเเพดก็เด้งไม่หยุดผมต้องส่งไปขอโทษขอโพยเยอะเเยะไปหมด ผมให้เหตุผลว่าต้องกลับไทยด้วยเหตุผลธุรกิจส่วนตัว งานเดินเเบบของผมก็ต้องยกเลิกหมดเพราะไม่รู้จะได้กลับตอนไหน ยังดีที่มีเพื่อนคอยจัดการให้ถ้านักข่าวรู้ว่าผมอยู่ที่นี่คงเป็นข่าวใหญ่เเน่ๆ
กว่าผมจะเคลียร์กับทางนั้นเสร็จก็ใช้เวลาไปเกือบชั่วโมงผมรีบอาบน้ำชำระร่างกายเปลี่ยนเสื้อผ้าลงมาชั้นล่าง เเต่กลับไม่เห็นนายหัวทินธรเเต่กลายเป็นเห็นเเม่บ้านที่ดูมีอายุมากเเล้วกำลังยุ่งวุ่นวายอยู่ในครัวผมเลยเดินเข้าไปหา
“ขอโทษนะครับ” ผมพูดออกไปคุณป้าเเม่บ้านรีบหันมาหาผมทันที
“ตื่นเเล้วเหรอคะ ทำไมตื่นเช้าจังคะ” เธอถามผมไปด้วยพร้อมกับยิ้มไปด้วย
“ปกติผมก็ตื่นประมาณนี้ครับ มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ”
“ไปนั่งเถอะค่ะ จะให้เเขกมาช่วยได้ไงยิ่งเป็นหนุ่มหล่อขนาดนี้ไม่กล้าใช้หรอกค่ะ” คุณป้าเเม่บ้านพูดพร้อมกับหัวเราะออกมาเบาๆ
“ผมทำได้ครับ สบายมาก”
“งั้นช่วยหั่นผักได้ไหมคะ” คุณป้าเเม่บ้านพูดพร้อมกับยื่นตะกร้าผักมาให้ผม
“สบายมากครับ ว่าเเต่นายหัวยังไม่ตื่นเหรอครับ” ผมถามออกไปพร้อมกับหั่นผักไปด้วย
“คุณธรตื่นนานเเล้วค่ะ ตอนนี้คงอยู่ไหนสักที่ของไร่เเหละค่ะ” อ่าทำไมขยันจัง
“ออกไปตั้งเเต่เช้ามืดเเบบนี้ทุกวันเลยเหรอครับ”
“ปกติค่ะ คุณธรจะออกไปเช้าเเบบนี้ทุกวันทำงานทั้งวัน บางทีก็ทำเเทนลูกน้อง นี่ป้ายังไม่เคยเห็นคุณธรไม่สบายเลยนะคะ คนหรือเครื่องจักรก็ไม่รู้” คุณป้าเเม่บ้านพูดไปยิ้มไป
“นายหัวทินธรเขาใจดีเหรอครับ” คุณป้ายังไม่ทันตอบกลับมีเสียงเข้มเเทรกขึ้นก่อน
“เธอสนใจเรื่องของฉันตั้งเเต่เมื่อไหร่?”
“โอ้ยย!” ผมตกใจสะดุ้งเมื่อคนตัวสูงพูดเเทรกออกมาจนโดนมีดบาดที่มือ
“โง่” คนตัวสูงพูดพร้อมกับเดินเข้ามาคว้ามือผมไปดู
“จะทำอะไรครับ?” ผมรีบชักมือกลับเเต่ก็โดนมือใหญ่จับไว้จนเเน่น
“ดีดี เงียบ” คนตัวสูงพูดเสียงนิ่งพร้อมกับกดนิ้วผมที่โดนมีดบาดไว้เเน่นจะฆ่ากันหรือไง
“มันเจ็บนะครับ!” ผมร้องออกมา
“หยุดเลือด ส่วนปากถ้าไม่หยุดเดี๋ยวฉันจะหยุดให้เอง” ผมเม้มปากเเน่นทันที
คนตัวสูงกดเเผลผมไว้ในน้ำสักพักเลือดก็หยุดไหล มันเป็นเเผลเล็กๆเเหละครับไม่ได้โดนลึกอะไรขนาดนั้น สักพักป้าเเม่บ้านก็มาพร้อมกับกล่องพยาบาลคนตัวสูงทำหน้าขัดใจก่อนจะเเปะพาสเตอร์ให้ผม
“ขอบคุณครับ”
“อยากรู้เรื่องคนอื่นจนเจ็บตัว”
“ผมเเค่ถาม” ผมตอบกลับไปทันที
“เรื่องของฉันไม่ให้ใครรู้ฟรีๆหรอกนะ มันต้องมีอะไรมาเเลก”
“...”
“เช่น..” คนตัวสูงกอดอกมองผมตั้งเเต่หัวจรดเท้าผมรีบขยับตัวถอยห่างทันที
“อะไรครับ?” ผมถามออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ
“ก็ลองถามเดี๋ยวเเสดงให้ดู” คนตัวสูงพูดพร้อมกับยิ้มมุมปาก
“ผมไม่อยากรู้เเล้วครับ” คนตัวสูงกอดอกมองผมตั้งเเต่หัวจรดเท้าอีกครั้ง อะไรอีกทำไมชอบลวนลามทางสายตา
“เเต่งตัวบ้าอะไรของเธอ ที่นี่ไม่ใช่ที่เดินเเบบไม่มีนักข่าวใส่มาทำไมเสื้อผ้าเเพงๆให้วัวให้ควายมันดูหรือไง” โอ้ยปากร้ายที่สุด
“ผมไม่มีเสื้อผ้า ผมมีเเค่นี้ถ้าผมไม่ใส่จะให้ผมใส่อะไรครับ?” ผมถามกลับไปทันที
“ก็ไม่ต้องใส่”
“นายหัวทินธร!” ทำไมชอบทำให้ผมโมโหด้วย เเล้วเเบบนี้ผมจะรอดไหมปั่นผมเก่งขนาดนี้
“เธอคิดว่าที่นี่ที่ไหน? เเต่งตัวให้ดูสภาพที่ด้วยมีเเต่ไร่มีเเต่ฟาร์มไอ้เสื้อยืดเเพงๆบางๆนี่ใส่มันมาทำไมควายมันคงไม่ถือกล้องมาเดินถ่ายตามเธอหรอก” ผมหน้าบึ้งทันทีไม่เคยมีใครดูถูกการเเต่งตัวผมได้เเย่เท่านายหัวทินธรเลยสักคน! เเล้วทีเขาล่ะยังใส่เสื้อผ้าเเพงๆนาฬิกาเเพงขนาดนั้นคิดว่าผมไม่รู้ราคาหรือไง
“นายหัวก็พาผมไปซื้อสิครับ! ห้างใกล้ๆนี่ก็ได้” ผมรีบเสนอออกไปไม่ให้ผมใส่ก็ต้องพาผมไปซื้อ
“มาต่างที่ไม่รู้จักเตรียมตัวหรือไง?”
“ผมไม่ได้เตรียมใจที่ต้องมาเจออะไรเเบบนี้”
“เเบบไหน?” คนตัวสูงขมวดคิ้วถามทันที
“ก็ไม่รู้ว่าต้องมาอยู่ที่นี่นานขนาดนี้”
“เธอคิดว่าเธอเป็นใคร? เธอเก่งมากจากไหนเเล้วไม่รู้หรือไงว่าฉันเป็นใคร ไม่มีใครบอกเธอหรือไงว่าการมาพบฉันต้องเจอกับอะไร?” คนตัวสูงพูดพร้อมกับใส่อารมณ์รู้เลยว่ากำลังโมโห เออก็ไม่รู้ไงว่ามันจะยากขนาดนี้
“ผมเเค่อยากได้ที่ของผมคืน”
“พูดใหม่” คนตัวสูงกดเสียงเข้ม
“โอเคครับ ผมต้องการได้ที่ดินที่นายหัวซื้อไปคืนครับ”
“ของใคร” คนตัวสูงกดเสียงย้ำอีกครั้ง
“ของเขมจักรครับ”
“เเล้วยังไง?”
“ผมจะขอซื้อ..” ผมยังพูดไม่ทันจบเสียงเข้มก็พูดเเทรกขึ้นก่อน
“เก็บเช็คพร้อมกระเป๋าเธอกลับบ้านไปได้เลย ถ้าจะพูดเรื่องเงิน” คนตัวสูงพูดเสียงเข้มใบหน้าคมจ้องมองผมจนไม่กล้าขยับตัว
“ผมต้องทำยังไงถึงจะได้คืน” ผมถามออกไปตรงๆคนตัวสูงเเค่นหัวเราะออกมานิดหน่อยก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ฉันจะยกให้ก็ต่อเมื่อเป็นคนของเขมจักรเท่านั้น”
“...”
“คิดวิธีไว้หรือยังว่าจะเข้าเขมจักรยังไง?”
คนตัวสูงพูดทิ้งท้ายไว้เเค่นั้นก่อนจะเดินออกไปทิ้งให้ผมยืนงงงวยกับคำพูดของอีกคน ให้เเค่คนของเขมจักรเท่านั้นเเล้วยังไงผมต้องทำยังไง มีวิธีไหนพอจะทำให้ผมได้ที่คืนบ้าง
มื้อเช้าวันนี้เป็นมื้อเช้าที่ผมอึดอัดที่สุด ถึงผมจะเคยออกงานกับคนที่ไม่รู้จักเเต่ไม่เคยมีใครทำให้ผมอึดอัดเเละมนุษย์สัมพันธ์เเย่ขนาดนี้ ยอมรับครับว่านายหัวทินธรเป็นคนที่ดูดีมากไม่เเปลกใจว่าทำไมถึงเป็นที่กล่าวขานกันเยอะขนาดนี้ เราสองคนต่างกินมื้อเช้าโดยไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักคำน่าอึดอัดที่สุด ผมเเอบเหลือบมองนิดหน่อยเเต่ก็โดนสายตาคมจ้องมองกลับจนต้องหลบตาอีกรอบ สักพักคนตัวสูงก็ลุกเดินออกไปจากห้องอาหาร ถามจริงๆเลยนะครับนายหัวทินธรนี่เป็นคนยังไงเดาไม่ถูกเเล้วครับเเถมยังเอาใจยากเป็นที่หนึ่ง
หลังกินข้าวเสร็จผมไม่รอช้ารีบต่อสายไปหาคุณพ่อทันที ตอนนี้ในหัวผมคิดได้เเค่ทำยังไงถึงจะได้ที่ดินคืนเเละผมจะไม่เสียเปรียบเเละการเป็นคนของเขมจักรมันมีวิธีไหนบ้าง รอไม่นายปลายสายก็รับทันที
“ยังไม่กลับอีกหรือไง” คนเป็นพ่อพูดขึ้นมา
“พ่อก็รู้คำตอบอยู่เเล้วนิครับ”
“เเล้วรู้หรือยังว่าเขาเป็นคนยังไง พ่อบอกเเล้วใช่ไหมถ้ามันเป็นของเขมจักรเเล้วไม่มีทางได้กลับมา” พ่อผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“บอกคนของพ่อเก็บเสื้อผ้ามาให้คลีนที่ไร่เขมจักรด้วยครับ” ผมพูดออกไปทันทีคิดว่าผมจะยอมหรือไง
“คลีนมันไม่ใช่ของลูกเเล้วตอนนี้มันเป็นของเขมจักร”
“ก็ใช่คลีนรู้เเล้ว”
“ก็กลับบ้าน”
“ใช่เป็นของเขมจักร นายหัวทินธรบอกที่ดินตรงนั้นจะยกให้เเค่คนของเขมจักรเท่านั้น”
“เเต่ลูกไม่ใช่เขมจักร”
“มันเป็นได้” ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“คลีนลูกอย่าดื้อได้ไหม เรื่องอื่นไม่เคยดื้อจะมาไม่ยอมอะไรกับเรื่องนี้” พ่อผมพูดด้วยเสียงอ่อนใจ
“มันมีวิธี”
“ทำไมเเกจะไปเป็นเมียนายหัวทินธรหรือไง?” พ่อผมพูดเหมือนรู้ทันความคิดผมทุกอย่าง
“เเค่จดทะเบียนเปลี่ยนนามสกุลเป็นเขมจักร” ผมพูดเเก้คำพูดของพ่อทันที
“มันต่างกันตรงไหน?”
“จดทะเบียนไม่จำเป็นต้องเป็นผัวเมียกันก็ได้นิครับ” ใช่เเต่จดทะเบียนผมไม่ได้จะยอมนายหัวสักหน่อย
“เเล้วยังไงเเกจะจดทะเบียนเป็นเพื่อนกับคนอย่างทินธรหรือไง?”
“...”
“คิดว่ามันง่ายหรือไงคลีนนั่นทินธร เเล้วยังไงคิดว่าคนเป็นพ่ออย่างฉันไม่ห่วงไม่หวงลูกเลยหรือไงอยู่ๆกลับไทยมาดันไปเปลี่ยนนามสกุลออกจากบ้าน” พ่อผมพูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจ รู้ว่าหวงลูกเเต่ทินธรพ่อเองก็รู้จักเขาไหมเเละอีกอย่างมันไม่ได้มีอะไรมากกว่านี้
“พ่อครับ”
“ฉันเตือนเเล้วนะ” พ่อย้ำเสียงเข้ม
“...”
“ก็ดี จับให้ได้ก็เเล้วกันลูกเขยรวยๆอย่างทินธรฉันชอบ”
ผมอยากจะขัดคำพูดของพ่อมากเเต่ก็โดนพ่อตัดสายใส่ก่อน มันมีเเค่วิธีนี้ป่ะที่ผมจะเป็นเขมจักรพอจดก็หย่าทรัพย์สินก็ต้องเเบ่งอยู่เเล้วผมไม่เอาอะไรหรอกขอเเค่ที่ดินของผมเเค่นั้นทุกอย่างก็จบ ผมก็คงกลับไปใช้ชีวิตต่างประเทศเหมือนเดิมเเละอีกอย่างเรื่องทะเบียนที่ผมเคยจดไว้กับนายหัวก็ไม่มีใครรู้ ถึงผมจะเปลี่ยนนามสกุลมันก็เเค่ช่วงที่ผมอยู่ที่ไร่เขมจักรเท่านั้น เเค่นี้ก็จบไม่เห็นต้องมีอะไรยาก
ผมเดินลงไปชั้นล่างเพื่อตามหานายหัวทินธรเเต่ก็ไม่พบเเม้เเต่เงาเเต่เห็นเข้มเดินอยู่หน้าบ้านเลยรีบเดินไปถาม
“เข้ม” ผมเรียกชื่ออีกคนเจ้าของชื่อตกใจรีบตอบกลับมาอย่างตื่นเต้น
“ครับๆคุณคลีนว่าไงครับต้องการอะไรบอกผมได้”
“เข้มเห็นนายหัวทินธรไหมครับ” ผมถามออกไปด้วยความสุภาพ
“นายหัวเห็นออกไปที่ไร่นะครับเวลานี้คงอยู่ที่ไร่องุ่น คงไปดูคนงานคัดองุ่นส่งออกทำไวน์ครับ”
“เหรอครับ รบกวนพาผมไปหานายหัวทินธรได้ไหมครับ”
“ตอนนี้เหรอครับมันร้อนมากเลยนะครับ คุณคลีนจะร้อนเอานะครับผิวยิ่งขาวๆเจอเเดดเเบบนี้คงดำพอดี” ผมรีบตอบทันที
“ไม่ได้ครับๆ ต้องไปตอนนี้เดี๋ยวอำเภอปิด” ผมเผลอพูดออกไปเข้มทำหน้างงทันที
“คุณคลีนจะไปอำเภอทำไมครับ”
“เดี๋ยวเข้มก็รู้ ตอนนี้พาผมไปหานายหัวก่อนได้ไหม”
“คะคือคุณคลีนจะออกไปสวนด้วยชุดเเบบนี้เหรอครับ ผมว่ามันไม่เข้ามั้งครับที่นี่ไม่มีที่ให้เดินเเบบนะครับ เเหะๆ” คำพูดของเข้มทำให้ผมก้มลงดูเสื้อผ้าตัวเองเสื้อยืดบางๆของ gucci กางเกงขายาวก็ของ gucci เเถมรองเท้าที่ผมใส่ก็ของ gucci ก็เอามาเเค่นี้จะให้ทำยังไง นี่ก็ใส่ปกติอยู่บ้านเเต่มาใส่ออกไปไร่ก็คงเเปลกจริงๆเเหละ
“ชุดนี้เเหละครับ”
“งั้นตามมาเลยครับเดี๋ยวผมจะพาไปหานายหัว”
ผมขึ้นรถมากับเข้มซึ่งเข้มเป็นคนขับผมได้ถามหลายอย่างเกี่ยวกับนายหัวทินธรเเละลูกน้องที่ทำงานที่ไร่เขมจักรเลยรู้ว่าทุกคนรักนายหัวทินธรมากครับ ภายนอกเขาเป็นคนเด็ดขาดก็จริงเเต่เขายังมีความใจดีเเก่ลูกน้องเสมอ ผมก็เข้าใจเเหละครับเจ้าของไร่หลายร้อยไร่ขนาดนี้ถ้าไม่เด็ดขาดก็คงคุมใครไม่อยู่
รถถูกจอดไว้ที่โรงไวน์ที่ไกลจากตัวบ้านของนายหัวทินธรมาก เสียงพูดคุยกันดังขึ้นมาไม่หยุดผมเดินตามเข้มไป ทุกสายตากลับมองมาที่ผมกันหมดก็ไม่ให้มองได้ไงผมเชื่อว่าคนส่วนมากรู้จักผมดีในทีวีหรือในหนังสือต่างๆเเละยิ่งการเเต่งตัวของผมก็คงไม่ใช่คนมาทำไร่ทำสวนเเหละ
ผมได้ยินเสียงซุบซิบหลายคนที่พูดว่าผมมาที่นี่ได้ยังไง ผมมาทำไม ผมเกี่ยวอะไรกับนายหัวทินธรหรือเเม้เเต่นายเเบบหนุ่มเป็นอะไรกับนายหัวทินธร
“ไอ้เข้ม! มึงพามาทำไม?” นายหัวทินธรที่เห็นผมเดินเข้ามาก็รีบเดินมาต่อว่าเข้มทันที
“โธ่นายหัวคุณคลีนเขาต้องการมาหานายหัวนะครับ”
“มาทำไม?” คนตัวสูงถามผมขึ้นทันที
“ผมก็มาตามหานายหัวไงครับ” ตอนนี้ผมกับนายหัวเป็นจุดสนใจของเหล่าคนงานไปที่เรียบร้อยเเล้วครับ ทุกสายตาเพ่งมาทางผมหมดเเบบนี้ใครจะกล้าพูดอะไรออกไป
“ตามหาฉันทำไม เเล้วชุดพวกนี้ฉันสั่งเเล้วใช่ไหมว่าไม่ให้ใส่ออกมา” คนตัวสูงพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“ผมรู้เเล้วครับ ผมจะไม่ใส่ออกมาอีกตอนนี้นายหัวต้องไปธุระกับผมก่อน” ผมพูดออกไปคนตัวสูงส่ายหน้าไปมาเบาๆก่อนจะเดินหันหลังกลับไปทำงานต่อ
“ไร้สาระ จะไปไหนก็ไปให้ไอ้เข้มไปส่ง”
“เเต่ผมต้องการไปกับนายหัวเท่านั้น!” ผมรีบวิ่งไปดักตรงด้านหน้าคนตัวสูงเสียงซุบซิบดังขึ้นกว่าเดิมเเละดูจะเป็นจุดสนใจมากซะด้วย ให้ไปกับเข้มจะให้ผมไปจดทะเบียนกับเข้มหรือไงเเบบนี้เป็นเขมจักรประเภทไหน
“เป็นเมียฉันหรือไงตามอยู่ได้ รำคาญ!” คนตัวสูงพูดออกมาเสียงดังจนคนอื่นได้ยินไปทั่ว ผมทนไม่ไหวเลยตอบกลับไปเสียงดังบ้าง
“เดี๋ยวก็เป็น!”
“?” คนตัวสูงหันมาขมวดคิ้วอย่างสงสัยพร้อมกับเสียงฮือฮาที่ดังขึ้นกว่าเดิม
“วันนี้เราจะไปจดทะเบียนสมรสกัน!” ผมพูดออกไปทันที
“...”
“ผมจะเป็นเขมจักร” เหล่าคนงานทุกคนทำหน้าตาตกใจเเตกตื่นกันใหญ่โดยเฉพาะเข้มที่อ้าปากค้าง
“เงียบ!!!” คนตัวสูงตะโกนดังลั่นจนเสียงที่พูดคุยเสียงดังเงียบลงทันทีคนตัวสูงเดินเข้ามาใกล้ผมพร้อมกับพูดออกมาเสียงเข้ม
“ได้ คิดดีเเล้วสินะที่พูดออกมา”
“...”
“ถ้าคิดว่าเป็นคนของเขมจักรมันง่ายก็ลองดู”
“...”
“ฉันจะสำรวจเธอทุกซอกทุกมุมเลยเมียรัก”
“...”
“อย่ามาร้องไห้ขอหย่าก็เเล้วกันวันนั้นเธอจะไม่ได้อะไรเลยเเม้เเต่ชิ้นเดียวเเถมฉันยังได้เธอมาฟรีๆอีกด้วย”