02 เขมจักร

4028 คำ
    ไม่ง่ายเเล้วครับผมไม่เข้าใจว่าทำไมเราถึงใช้เหตุผลคุยกันไม่ได้ผมไม่รู้ว่านายหัวทินธรจะต้องการที่ของผมไปทำไมในเมื่อพื้นที่ไร่ของเขาก็กว้างขวางใหญ่โตขนาดนี้ รวยขนาดนี้เเล้วจะเอาพื้นที่เล็กๆเเบบนั้นไปทำไม ผมยังไม่ทันได้ขยับขาออกไปไหนก็ได้ยินเสียงเข้มพูดขึ้นมาซะก่อน “ไอ้เข้มจัดหาที่พักด้วย พรุ่งนี้จะได้เริ่มงาน” ผมขมวดคิ้วหันหน้าไปหาด้วยความสงสัยทันที “เริ่มงานอะไรครับ?” ผมถามกลับไป “อยากให้เห็นต้องลงมือทำ อย่าเอาเเต่พูด” นายหัวทินธรกอดอกพูดเสียงเข้ม “ผมยังไม่ได้บอกว่าผมจะเริ่มวันไหน” “ถ้าไม่เริ่มตั้งเเต่พรุ่งนี้ ก็ลากกระเป๋ากลับเมืองนอกไปไม่ต้องมาเหยียบที่นี่อีก” นายหัวทินธรจ้องหน้าผมนิ่งพร้อมพูดอีกประโยคออกมา ไล่เก่งจังวะ “ไอ้เข้มส่งเเขก!” คนตัวสูงพูดจบก็เดินหนีไปเเต่ผมปากไวกว่าจึงรีบพูดออกไปทันที “งั้นรบกวนพาผมไปที่พักทีครับ” คนตัวสูงขมวดคิ้วหันมามองผม ทำไมคิดว่าผมไม่กล้าอยู่หรือไง ผมคลีนนะครับถ้าจะหวังว่าผมจะถอยคิดผิดเเล้วนายหัวทินธร “คือหมายถึงคุณคลีนจะอยู่ที่นี่ใช่ไหมครับๆ” เข้มพูดออกมาอย่างตื่นเต้น “ถ้าหมายถึงพรุ่งนี้ผมต้องเริ่มงานจริงๆก็น่าจะใช่เเหละมั้งครับ” ผมตอบกลับไปพร้อมกับจ้องหน้าคนตัวสูง “อย่ามาร้องไห้ขอกลับให้ฉันเห็นก็เเล้วกัน นอกจากฉันจะไม่สงสารฉันจะขยี้ให้กลับบ้านไม่ถูกเลยคอยดู” คนตัวสูงพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกไปทันที ขอถามหน่อยเถอะนายหัวทินธรอะไรนี่เคยพูดดีกับใครไหมปากร้ายมากให้ตายเถอะครับ “ตามผมมาเลยครับห้องคุณคลีนทางนี้” ผมเดินตามเข้มไปพร้อมกระเป๋าเเค่ใบเดียวย้ำเเค่ใบเดียวในกระเป๋าก็เเค่เสื้อผ้าไม่กี่ชุดส่วนมากจะเป็นพวกไอเเพดโทรศัพท์กระเป๋าเงินของสำคัญทั้งนั้นก็ไม่ได้เตรียมใจมาไว้ว่าจะโดนอะไรเเบบนี้ ส่วนเช็คที่มั่นอกมั่นใจว่าจะได้ใช้ตอนนี้เริ่มไม่เเน่ใจเเล้วครับว่าจะได้หยิบมันออกมาเมื่อไหร่ ห้องที่ผมพักอยู่อีกฝั่งของตัวบ้านครับเหมือนเป็นห้องสำหรับไว้ให้เเขกส่วนอีกฝั่งน่าจะเป็นที่ส่วนตัวของนายหัวทินธร สบายมากครับผมอยู่ไหนก็ได้ยิ่งบ้านสวยเเบบนี้ผมอยู่ได้เเน่นอน ผมไม่ได้เตรียมใจเลยสักนิดว่าต้องมาทำอะไรเเบบนี้ผมไม่รู้ด่วยซ้ำว่าผมต้องเจออะไรหลังจากนี้ เเล้วจะทำยังไงผมต้องอยู่ที่นี่กี่วันเเล้วมันมีวิธีไหนที่จะทำให้ผมได้ที่คืนไวๆบ้างไหม ผมจัดเสื้อผ้าเข้าตู้เรียบร้อยเพราะมีไม่กี่ชุดเเล้ววันต่อๆไปผมจะใส่อะไรล่ะ? หรือว่าผมควรขอนายหัวทินธรไปซื้อ? ผมเดินออกจากห้องลงไปชั้นล่างไม่เจอเข้มผมต้องการตัวเข้มเพราะผมอยากได้พวกของใช้ส่วนตัวเเละเสื้อผ้าเข้มอาจจะช่วยหาให้ผมได้เเต่ที่ผมเจอไม่ใช่เข้มนี่สิครับ กลับเป็นนายหัวทินธรที่นั่งอ่านหนังสืออะไรสักอย่างอยู่ใบหน้าคมเงยหน้ามองผมด้วยสีหน้าเรียบนิ่งเอาเหอะยังไงก็ต้องได้อยู่ได้คุยกันยาวอยู่เเล้วเป็นมิตรไว้ดีกว่าจะได้เจรจาอะไรได้ง่ายขึ้น “มองหน้าฉันต้องการ?” เสียงเข้มพูดขึ้นมา โอเคมนุษย์สัมพันธ์ติดลบ “เข้มไปไหนครับ?” ผมถามออกไปทันที “มันก็กลับบ้านมันสิ ทำไมจะไปตามมันถึงบ้าน?” “เเล้วมันไปได้ไหมล่ะ?” ผมบ่นออกไปเบาๆเเต่กลับมีเสียงเข้มพูดขึ้นเเทรก “กลัวไม่ได้ผัวกลับไปฝากพ่อหรือไง?” “ผมไม่เข้าใจ” “อยากรู้ก็ออกไป” คนตัวสูงพูดมาเเค่นั้นทำให้ผมเข้าใจทันที บอกดีๆก็ได้ไหมเเล้วอย่างผมใครจะมาคิดเเบบนั้นวะผมไม่ใช่คนตัวเล็กน่ารักป่ะ “เเล้วพรุ่งนี้นายหัวว่างไหมครับ?” ผมรีบเปลี่ยนเรื่องทันที “เเล้วเเต่อารมณ์” เอาเเต่ใจมากตามอารมณ์ไม่ทันเเล้ว “งั้นถ้ามีอารมณ์อยากว่างเมื่อไหร่ก็บอกผมเเล้วกันนะครับ” ผมพูดประชดออกไปเเต่ไม่คิดว่านายหัวทินธรจะขี้หงุดหงิดแบบนี้ “เธอเป็นเมียเป็นเเม่ฉันหรือไง?” คนตัวสูงวางหนังสือลงพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้ผม “...” “ถ้าไม่ใช่ก็อย่าวุ่นวายให้มาก” คนตัวสูงเดินเข้ามาชิดพร้อมกับมองผมด้วยสีหน้าเรียบนิ่งพร้อมก้มลงกระซิบ “...” “วันไหนฉันอารมณ์ไม่ดีระวังจะได้เป็นทั้งสองอย่าง” “ผะผมไม่ถามเเล้วก็ได้ครับ” ผมพูดออกไปทันที “จะพูดอะไรก็พูด ว่างไม่ว่างอยู่เธอจะบอกว่าต้องการอะไร ไม่ใช่มาประชดประชัน” “ก็นายหัวเอาเเต่ใจกับผมก่อน” ผมเถียงกลับทันทีจนลืมไปว่าคนที่คุยอยู่คือนายหัวทินธรไม่ใช่คนสนิทหรือคนที่รู้จักที่จะเอาเเต่ใจได้ “ฉันไปเอาเเต่ใจตอนไหน!?” คนตัวสูงดูหัวเสียขึ้นเล็กน้อยคนตัวสูงขยับเข้ามาใกล้มากขึ้น ผมไม่ได้ตัวเล็กครับผมเป็นนายเเบบเเต่นายหัวทินธรนี่คือสูงมากเเถมยังตัวใหญ่มากๆด้วยจนผมต้องถอยหลังหนีเเต่ก็โดนเเขนเเกร่งล็อกเอวไว้ก่อนผมตกใจจนต้องดิ้นขยับหนี “หยุดขยับ” เเค่นั้นเเหละเท้าผมหยุดชะงักทันที “นายหัวทินธรปล่อยผมเดี๋ยวนี้” ผมใช้มือดันอกเเกร่งออกไม่เคยมีใครทำกับผมเเบบนี้เเทบจะไม่มีใครกล้าเเตะตัวผมด้วยซ้ำ “ทำไม?” มือเเกร่งบีบเอวผมเล็กน้อยจนผมสะดุ้งเบาๆ “ปล่อยผมเดี๋ยวนี้นายหัวทินธร” ผมพูดย้ำออกไปอีกครั้ง “ฉันไม่ปล่อยเเล้วเธอจะทำไม?” คนตัวสูงจ้องมองผมพร้อมพูดออกมาหน้าตาเฉย “อย่ามาเเตะตัวผม” ใช่ผมไม่ชอบให้ใครมาเเตะต้องตัวผมถ้าผมไม่อนุญาติ “แล้วยังไง ฉันก็เเตะอยู่นี่ไง” คนตัวสูงไม่พูดเปล่าเเต่กลับล็อกเอวอีกคนเข้ามาใกล้กว่าเดิม “นายหัวผมบอกให้ปล่อย!” “ทำไม ร่างกายเธอมีค่าขนาดนั้นเลยหรือไง มันเเพงขนาดไหนเท่าที่ดินที่พ่อเธอขายให้ฉันไหม?” มือเเกร่งบีบปากเรียวเบาๆ “ดูถูกกันเกินไปไหมครับ?” “เเล้วยังไง?” “ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” “คนอย่างเธอรู้ความหมายคำว่าเอาเเต่ใจมากเเค่ไหน?” ปลายนิ้วโป้งใหญ่กดลงที่มุมปากเรียวเเรงๆ “...” “ถ้าหมายถึงที่ฉันขัดใจเธอเป็นการเอาเเต่ใจ เธอคิดผิด” “...” “เอาเเต่ใจของฉันไม่ใช้กับอะไรเเบบนี้หรอก ฉันเอาไว้ใช้บนเตียง จำไว้” คนตัวสูงพูดจบก่อนจะผละออกจากตัวผมเเล้วเดินหายไป ให้ตายเเบบนี้ตายเเน่ๆผมจะอยู่ยังไงให้รอดเเค่วันเดียวก็เหมือนจะตายเเล้ว ผมไม่เคยรู้สึกหงุดหงิดหรือรู้สึกขัดใจอะไรขนาดนี้มาก่อนเเละผมไม่เคยเจอใครที่รับมือยากขนาดนี้มาก่อน เขาคือคนที่ถือไพ่เหนือผมทุกอย่างเเล้วจะทำยังไงผมถึงจะถือไพ่เหนือกว่าเขาได้ ต้องทำยังไงที่ทำให้ผมได้ประโยชน์เเละเขาเสียผลประโยชน์มากที่สุด ผมนอนคิดไปคิดมาคิดจนเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ 06.00 AM ติ๊ดๆๆๆ ใช่ครับผมตั้งปลุกเองเเหละ ผมไม่ใช่คนขี้เซาด้วยอาชีพของผมที่นอนไม่เป็นเวลาเลยไม่ใช่เรื่องยากที่ผมจะตื่นในเวลานี้ ยังไม่ทันได้ทำอะไรเมล์ในไอเเพดก็เด้งไม่หยุดผมต้องส่งไปขอโทษขอโพยเยอะเเยะไปหมด ผมให้เหตุผลว่าต้องกลับไทยด้วยเหตุผลธุรกิจส่วนตัว งานเดินเเบบของผมก็ต้องยกเลิกหมดเพราะไม่รู้จะได้กลับตอนไหน ยังดีที่มีเพื่อนคอยจัดการให้ถ้านักข่าวรู้ว่าผมอยู่ที่นี่คงเป็นข่าวใหญ่เเน่ๆ กว่าผมจะเคลียร์กับทางนั้นเสร็จก็ใช้เวลาไปเกือบชั่วโมงผมรีบอาบน้ำชำระร่างกายเปลี่ยนเสื้อผ้าลงมาชั้นล่าง เเต่กลับไม่เห็นนายหัวทินธรเเต่กลายเป็นเห็นเเม่บ้านที่ดูมีอายุมากเเล้วกำลังยุ่งวุ่นวายอยู่ในครัวผมเลยเดินเข้าไปหา “ขอโทษนะครับ” ผมพูดออกไปคุณป้าเเม่บ้านรีบหันมาหาผมทันที “ตื่นเเล้วเหรอคะ ทำไมตื่นเช้าจังคะ” เธอถามผมไปด้วยพร้อมกับยิ้มไปด้วย “ปกติผมก็ตื่นประมาณนี้ครับ มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ” “ไปนั่งเถอะค่ะ จะให้เเขกมาช่วยได้ไงยิ่งเป็นหนุ่มหล่อขนาดนี้ไม่กล้าใช้หรอกค่ะ” คุณป้าเเม่บ้านพูดพร้อมกับหัวเราะออกมาเบาๆ “ผมทำได้ครับ สบายมาก” “งั้นช่วยหั่นผักได้ไหมคะ” คุณป้าเเม่บ้านพูดพร้อมกับยื่นตะกร้าผักมาให้ผม “สบายมากครับ ว่าเเต่นายหัวยังไม่ตื่นเหรอครับ” ผมถามออกไปพร้อมกับหั่นผักไปด้วย “คุณธรตื่นนานเเล้วค่ะ ตอนนี้คงอยู่ไหนสักที่ของไร่เเหละค่ะ” อ่าทำไมขยันจัง “ออกไปตั้งเเต่เช้ามืดเเบบนี้ทุกวันเลยเหรอครับ” “ปกติค่ะ คุณธรจะออกไปเช้าเเบบนี้ทุกวันทำงานทั้งวัน บางทีก็ทำเเทนลูกน้อง นี่ป้ายังไม่เคยเห็นคุณธรไม่สบายเลยนะคะ คนหรือเครื่องจักรก็ไม่รู้” คุณป้าเเม่บ้านพูดไปยิ้มไป “นายหัวทินธรเขาใจดีเหรอครับ” คุณป้ายังไม่ทันตอบกลับมีเสียงเข้มเเทรกขึ้นก่อน “เธอสนใจเรื่องของฉันตั้งเเต่เมื่อไหร่?” “โอ้ยย!” ผมตกใจสะดุ้งเมื่อคนตัวสูงพูดเเทรกออกมาจนโดนมีดบาดที่มือ “โง่” คนตัวสูงพูดพร้อมกับเดินเข้ามาคว้ามือผมไปดู “จะทำอะไรครับ?” ผมรีบชักมือกลับเเต่ก็โดนมือใหญ่จับไว้จนเเน่น “ดีดี เงียบ” คนตัวสูงพูดเสียงนิ่งพร้อมกับกดนิ้วผมที่โดนมีดบาดไว้เเน่นจะฆ่ากันหรือไง “มันเจ็บนะครับ!” ผมร้องออกมา “หยุดเลือด ส่วนปากถ้าไม่หยุดเดี๋ยวฉันจะหยุดให้เอง” ผมเม้มปากเเน่นทันที คนตัวสูงกดเเผลผมไว้ในน้ำสักพักเลือดก็หยุดไหล มันเป็นเเผลเล็กๆเเหละครับไม่ได้โดนลึกอะไรขนาดนั้น สักพักป้าเเม่บ้านก็มาพร้อมกับกล่องพยาบาลคนตัวสูงทำหน้าขัดใจก่อนจะเเปะพาสเตอร์ให้ผม “ขอบคุณครับ” “อยากรู้เรื่องคนอื่นจนเจ็บตัว” “ผมเเค่ถาม” ผมตอบกลับไปทันที “เรื่องของฉันไม่ให้ใครรู้ฟรีๆหรอกนะ มันต้องมีอะไรมาเเลก” “...” “เช่น..” คนตัวสูงกอดอกมองผมตั้งเเต่หัวจรดเท้าผมรีบขยับตัวถอยห่างทันที “อะไรครับ?” ผมถามออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ “ก็ลองถามเดี๋ยวเเสดงให้ดู” คนตัวสูงพูดพร้อมกับยิ้มมุมปาก “ผมไม่อยากรู้เเล้วครับ” คนตัวสูงกอดอกมองผมตั้งเเต่หัวจรดเท้าอีกครั้ง อะไรอีกทำไมชอบลวนลามทางสายตา “เเต่งตัวบ้าอะไรของเธอ ที่นี่ไม่ใช่ที่เดินเเบบไม่มีนักข่าวใส่มาทำไมเสื้อผ้าเเพงๆให้วัวให้ควายมันดูหรือไง” โอ้ยปากร้ายที่สุด “ผมไม่มีเสื้อผ้า ผมมีเเค่นี้ถ้าผมไม่ใส่จะให้ผมใส่อะไรครับ?” ผมถามกลับไปทันที “ก็ไม่ต้องใส่” “นายหัวทินธร!” ทำไมชอบทำให้ผมโมโหด้วย เเล้วเเบบนี้ผมจะรอดไหมปั่นผมเก่งขนาดนี้ “เธอคิดว่าที่นี่ที่ไหน? เเต่งตัวให้ดูสภาพที่ด้วยมีเเต่ไร่มีเเต่ฟาร์มไอ้เสื้อยืดเเพงๆบางๆนี่ใส่มันมาทำไมควายมันคงไม่ถือกล้องมาเดินถ่ายตามเธอหรอก” ผมหน้าบึ้งทันทีไม่เคยมีใครดูถูกการเเต่งตัวผมได้เเย่เท่านายหัวทินธรเลยสักคน! เเล้วทีเขาล่ะยังใส่เสื้อผ้าเเพงๆนาฬิกาเเพงขนาดนั้นคิดว่าผมไม่รู้ราคาหรือไง “นายหัวก็พาผมไปซื้อสิครับ! ห้างใกล้ๆนี่ก็ได้” ผมรีบเสนอออกไปไม่ให้ผมใส่ก็ต้องพาผมไปซื้อ “มาต่างที่ไม่รู้จักเตรียมตัวหรือไง?” “ผมไม่ได้เตรียมใจที่ต้องมาเจออะไรเเบบนี้” “เเบบไหน?” คนตัวสูงขมวดคิ้วถามทันที “ก็ไม่รู้ว่าต้องมาอยู่ที่นี่นานขนาดนี้” “เธอคิดว่าเธอเป็นใคร? เธอเก่งมากจากไหนเเล้วไม่รู้หรือไงว่าฉันเป็นใคร ไม่มีใครบอกเธอหรือไงว่าการมาพบฉันต้องเจอกับอะไร?” คนตัวสูงพูดพร้อมกับใส่อารมณ์รู้เลยว่ากำลังโมโห เออก็ไม่รู้ไงว่ามันจะยากขนาดนี้ “ผมเเค่อยากได้ที่ของผมคืน” “พูดใหม่” คนตัวสูงกดเสียงเข้ม “โอเคครับ ผมต้องการได้ที่ดินที่นายหัวซื้อไปคืนครับ” “ของใคร” คนตัวสูงกดเสียงย้ำอีกครั้ง “ของเขมจักรครับ” “เเล้วยังไง?” “ผมจะขอซื้อ..” ผมยังพูดไม่ทันจบเสียงเข้มก็พูดเเทรกขึ้นก่อน “เก็บเช็คพร้อมกระเป๋าเธอกลับบ้านไปได้เลย ถ้าจะพูดเรื่องเงิน” คนตัวสูงพูดเสียงเข้มใบหน้าคมจ้องมองผมจนไม่กล้าขยับตัว “ผมต้องทำยังไงถึงจะได้คืน” ผมถามออกไปตรงๆคนตัวสูงเเค่นหัวเราะออกมานิดหน่อยก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ฉันจะยกให้ก็ต่อเมื่อเป็นคนของเขมจักรเท่านั้น” “...” “คิดวิธีไว้หรือยังว่าจะเข้าเขมจักรยังไง?” คนตัวสูงพูดทิ้งท้ายไว้เเค่นั้นก่อนจะเดินออกไปทิ้งให้ผมยืนงงงวยกับคำพูดของอีกคน ให้เเค่คนของเขมจักรเท่านั้นเเล้วยังไงผมต้องทำยังไง มีวิธีไหนพอจะทำให้ผมได้ที่คืนบ้าง มื้อเช้าวันนี้เป็นมื้อเช้าที่ผมอึดอัดที่สุด ถึงผมจะเคยออกงานกับคนที่ไม่รู้จักเเต่ไม่เคยมีใครทำให้ผมอึดอัดเเละมนุษย์สัมพันธ์เเย่ขนาดนี้ ยอมรับครับว่านายหัวทินธรเป็นคนที่ดูดีมากไม่เเปลกใจว่าทำไมถึงเป็นที่กล่าวขานกันเยอะขนาดนี้ เราสองคนต่างกินมื้อเช้าโดยไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักคำน่าอึดอัดที่สุด ผมเเอบเหลือบมองนิดหน่อยเเต่ก็โดนสายตาคมจ้องมองกลับจนต้องหลบตาอีกรอบ สักพักคนตัวสูงก็ลุกเดินออกไปจากห้องอาหาร ถามจริงๆเลยนะครับนายหัวทินธรนี่เป็นคนยังไงเดาไม่ถูกเเล้วครับเเถมยังเอาใจยากเป็นที่หนึ่ง หลังกินข้าวเสร็จผมไม่รอช้ารีบต่อสายไปหาคุณพ่อทันที ตอนนี้ในหัวผมคิดได้เเค่ทำยังไงถึงจะได้ที่ดินคืนเเละผมจะไม่เสียเปรียบเเละการเป็นคนของเขมจักรมันมีวิธีไหนบ้าง รอไม่นายปลายสายก็รับทันที “ยังไม่กลับอีกหรือไง” คนเป็นพ่อพูดขึ้นมา “พ่อก็รู้คำตอบอยู่เเล้วนิครับ” “เเล้วรู้หรือยังว่าเขาเป็นคนยังไง พ่อบอกเเล้วใช่ไหมถ้ามันเป็นของเขมจักรเเล้วไม่มีทางได้กลับมา” พ่อผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “บอกคนของพ่อเก็บเสื้อผ้ามาให้คลีนที่ไร่เขมจักรด้วยครับ” ผมพูดออกไปทันทีคิดว่าผมจะยอมหรือไง “คลีนมันไม่ใช่ของลูกเเล้วตอนนี้มันเป็นของเขมจักร” “ก็ใช่คลีนรู้เเล้ว” “ก็กลับบ้าน” “ใช่เป็นของเขมจักร นายหัวทินธรบอกที่ดินตรงนั้นจะยกให้เเค่คนของเขมจักรเท่านั้น” “เเต่ลูกไม่ใช่เขมจักร” “มันเป็นได้” ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “คลีนลูกอย่าดื้อได้ไหม เรื่องอื่นไม่เคยดื้อจะมาไม่ยอมอะไรกับเรื่องนี้” พ่อผมพูดด้วยเสียงอ่อนใจ “มันมีวิธี” “ทำไมเเกจะไปเป็นเมียนายหัวทินธรหรือไง?” พ่อผมพูดเหมือนรู้ทันความคิดผมทุกอย่าง “เเค่จดทะเบียนเปลี่ยนนามสกุลเป็นเขมจักร” ผมพูดเเก้คำพูดของพ่อทันที “มันต่างกันตรงไหน?” “จดทะเบียนไม่จำเป็นต้องเป็นผัวเมียกันก็ได้นิครับ” ใช่เเต่จดทะเบียนผมไม่ได้จะยอมนายหัวสักหน่อย “เเล้วยังไงเเกจะจดทะเบียนเป็นเพื่อนกับคนอย่างทินธรหรือไง?” “...” “คิดว่ามันง่ายหรือไงคลีนนั่นทินธร เเล้วยังไงคิดว่าคนเป็นพ่ออย่างฉันไม่ห่วงไม่หวงลูกเลยหรือไงอยู่ๆกลับไทยมาดันไปเปลี่ยนนามสกุลออกจากบ้าน” พ่อผมพูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจ รู้ว่าหวงลูกเเต่ทินธรพ่อเองก็รู้จักเขาไหมเเละอีกอย่างมันไม่ได้มีอะไรมากกว่านี้ “พ่อครับ” “ฉันเตือนเเล้วนะ” พ่อย้ำเสียงเข้ม “...” “ก็ดี จับให้ได้ก็เเล้วกันลูกเขยรวยๆอย่างทินธรฉันชอบ” ผมอยากจะขัดคำพูดของพ่อมากเเต่ก็โดนพ่อตัดสายใส่ก่อน มันมีเเค่วิธีนี้ป่ะที่ผมจะเป็นเขมจักรพอจดก็หย่าทรัพย์สินก็ต้องเเบ่งอยู่เเล้วผมไม่เอาอะไรหรอกขอเเค่ที่ดินของผมเเค่นั้นทุกอย่างก็จบ ผมก็คงกลับไปใช้ชีวิตต่างประเทศเหมือนเดิมเเละอีกอย่างเรื่องทะเบียนที่ผมเคยจดไว้กับนายหัวก็ไม่มีใครรู้ ถึงผมจะเปลี่ยนนามสกุลมันก็เเค่ช่วงที่ผมอยู่ที่ไร่เขมจักรเท่านั้น เเค่นี้ก็จบไม่เห็นต้องมีอะไรยาก ผมเดินลงไปชั้นล่างเพื่อตามหานายหัวทินธรเเต่ก็ไม่พบเเม้เเต่เงาเเต่เห็นเข้มเดินอยู่หน้าบ้านเลยรีบเดินไปถาม “เข้ม” ผมเรียกชื่ออีกคนเจ้าของชื่อตกใจรีบตอบกลับมาอย่างตื่นเต้น “ครับๆคุณคลีนว่าไงครับต้องการอะไรบอกผมได้” “เข้มเห็นนายหัวทินธรไหมครับ” ผมถามออกไปด้วยความสุภาพ “นายหัวเห็นออกไปที่ไร่นะครับเวลานี้คงอยู่ที่ไร่องุ่น คงไปดูคนงานคัดองุ่นส่งออกทำไวน์ครับ” “เหรอครับ รบกวนพาผมไปหานายหัวทินธรได้ไหมครับ” “ตอนนี้เหรอครับมันร้อนมากเลยนะครับ คุณคลีนจะร้อนเอานะครับผิวยิ่งขาวๆเจอเเดดเเบบนี้คงดำพอดี” ผมรีบตอบทันที “ไม่ได้ครับๆ ต้องไปตอนนี้เดี๋ยวอำเภอปิด” ผมเผลอพูดออกไปเข้มทำหน้างงทันที “คุณคลีนจะไปอำเภอทำไมครับ” “เดี๋ยวเข้มก็รู้ ตอนนี้พาผมไปหานายหัวก่อนได้ไหม” “คะคือคุณคลีนจะออกไปสวนด้วยชุดเเบบนี้เหรอครับ ผมว่ามันไม่เข้ามั้งครับที่นี่ไม่มีที่ให้เดินเเบบนะครับ เเหะๆ” คำพูดของเข้มทำให้ผมก้มลงดูเสื้อผ้าตัวเองเสื้อยืดบางๆของ gucci กางเกงขายาวก็ของ gucci เเถมรองเท้าที่ผมใส่ก็ของ gucci ก็เอามาเเค่นี้จะให้ทำยังไง นี่ก็ใส่ปกติอยู่บ้านเเต่มาใส่ออกไปไร่ก็คงเเปลกจริงๆเเหละ “ชุดนี้เเหละครับ” “งั้นตามมาเลยครับเดี๋ยวผมจะพาไปหานายหัว” ผมขึ้นรถมากับเข้มซึ่งเข้มเป็นคนขับผมได้ถามหลายอย่างเกี่ยวกับนายหัวทินธรเเละลูกน้องที่ทำงานที่ไร่เขมจักรเลยรู้ว่าทุกคนรักนายหัวทินธรมากครับ ภายนอกเขาเป็นคนเด็ดขาดก็จริงเเต่เขายังมีความใจดีเเก่ลูกน้องเสมอ ผมก็เข้าใจเเหละครับเจ้าของไร่หลายร้อยไร่ขนาดนี้ถ้าไม่เด็ดขาดก็คงคุมใครไม่อยู่ รถถูกจอดไว้ที่โรงไวน์ที่ไกลจากตัวบ้านของนายหัวทินธรมาก เสียงพูดคุยกันดังขึ้นมาไม่หยุดผมเดินตามเข้มไป ทุกสายตากลับมองมาที่ผมกันหมดก็ไม่ให้มองได้ไงผมเชื่อว่าคนส่วนมากรู้จักผมดีในทีวีหรือในหนังสือต่างๆเเละยิ่งการเเต่งตัวของผมก็คงไม่ใช่คนมาทำไร่ทำสวนเเหละ ผมได้ยินเสียงซุบซิบหลายคนที่พูดว่าผมมาที่นี่ได้ยังไง ผมมาทำไม ผมเกี่ยวอะไรกับนายหัวทินธรหรือเเม้เเต่นายเเบบหนุ่มเป็นอะไรกับนายหัวทินธร “ไอ้เข้ม! มึงพามาทำไม?” นายหัวทินธรที่เห็นผมเดินเข้ามาก็รีบเดินมาต่อว่าเข้มทันที “โธ่นายหัวคุณคลีนเขาต้องการมาหานายหัวนะครับ” “มาทำไม?” คนตัวสูงถามผมขึ้นทันที “ผมก็มาตามหานายหัวไงครับ” ตอนนี้ผมกับนายหัวเป็นจุดสนใจของเหล่าคนงานไปที่เรียบร้อยเเล้วครับ ทุกสายตาเพ่งมาทางผมหมดเเบบนี้ใครจะกล้าพูดอะไรออกไป “ตามหาฉันทำไม เเล้วชุดพวกนี้ฉันสั่งเเล้วใช่ไหมว่าไม่ให้ใส่ออกมา” คนตัวสูงพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “ผมรู้เเล้วครับ ผมจะไม่ใส่ออกมาอีกตอนนี้นายหัวต้องไปธุระกับผมก่อน” ผมพูดออกไปคนตัวสูงส่ายหน้าไปมาเบาๆก่อนจะเดินหันหลังกลับไปทำงานต่อ “ไร้สาระ จะไปไหนก็ไปให้ไอ้เข้มไปส่ง” “เเต่ผมต้องการไปกับนายหัวเท่านั้น!” ผมรีบวิ่งไปดักตรงด้านหน้าคนตัวสูงเสียงซุบซิบดังขึ้นกว่าเดิมเเละดูจะเป็นจุดสนใจมากซะด้วย ให้ไปกับเข้มจะให้ผมไปจดทะเบียนกับเข้มหรือไงเเบบนี้เป็นเขมจักรประเภทไหน “เป็นเมียฉันหรือไงตามอยู่ได้ รำคาญ!” คนตัวสูงพูดออกมาเสียงดังจนคนอื่นได้ยินไปทั่ว ผมทนไม่ไหวเลยตอบกลับไปเสียงดังบ้าง “เดี๋ยวก็เป็น!” “?” คนตัวสูงหันมาขมวดคิ้วอย่างสงสัยพร้อมกับเสียงฮือฮาที่ดังขึ้นกว่าเดิม “วันนี้เราจะไปจดทะเบียนสมรสกัน!” ผมพูดออกไปทันที “...” “ผมจะเป็นเขมจักร” เหล่าคนงานทุกคนทำหน้าตาตกใจเเตกตื่นกันใหญ่โดยเฉพาะเข้มที่อ้าปากค้าง “เงียบ!!!” คนตัวสูงตะโกนดังลั่นจนเสียงที่พูดคุยเสียงดังเงียบลงทันทีคนตัวสูงเดินเข้ามาใกล้ผมพร้อมกับพูดออกมาเสียงเข้ม “ได้ คิดดีเเล้วสินะที่พูดออกมา” “...” “ถ้าคิดว่าเป็นคนของเขมจักรมันง่ายก็ลองดู” “...” “ฉันจะสำรวจเธอทุกซอกทุกมุมเลยเมียรัก” “...” “อย่ามาร้องไห้ขอหย่าก็เเล้วกันวันนั้นเธอจะไม่ได้อะไรเลยเเม้เเต่ชิ้นเดียวเเถมฉันยังได้เธอมาฟรีๆอีกด้วย”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม