Key & Primrose - 7 รับน้อง

1231 คำ
Key & Primrose - 7 รับน้อง วันรับน้อง… “มะตูมม ฉันเสร็จแล้วว” “ให้ไวเลยยัยโรสส!” เสียงโหวกเหวกโวยวายดังลั่นกลางลานจอดรถของห้างแห่งหนึ่ง จริงๆ วันนี้พวกเราควรจะรีบไปที่มหาวิทยาลัยเพื่อร่วมกิจกรรมรับน้องแต่ก็ดันเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นเสียก่อนเพราะระหว่างที่ฉันกำลังมาจู่ๆ รองเท้าคู่โปรดแสนรักของฉันก็มาถึงวันเกษียณ เพราะน้องขาดจนใส่ไม่ได้นั่นจึงทำให้มะตูมยอมขับรถมุ่งไปซื้อรองเท้าคู่ใหม่ให้ฉันแทน ตึก ตึก ตึก เสียงฝีเท้าของฉันดังขึ้น ส่วนมะตูมวิ่งนำไปที่รถเรียบร้อยโดยที่เรายังคงตะโกนคุยกันวุ่นวายไปหมด “ยัยโรส เร๊วๆ” เสียงของเพื่อนฉันดึงขึ้นมาอีกเหมือนคนที่กำลังจะขาดใจ ส่วนฉันที่กำลังวิ่งตามก็ได้แค่ตะโกนกลับไปว่ากำลังรีบอยู่ “โอ๊ยย ฉันสับเท้าจะแตกแล้วว” ปึก! ในที่สุดฉันก็วิ่งมาถึงที่รถ ฉันพักหายใจหอบเหมือนคนหนีตายมา วางมือลงที่รถของมะตูมเพื่อหาที่จับเหมือนคนกำลังจะตาย “แฮ่ก ๆ ! แกว่า.. แฮ่ก! เราจะสายมั้ย?” ฉันพยายามคุยกับมะตูม ในขณะกำลังหอบไปดวย ส่วนมะตูมก็หันหน้ากลับมาด้วยความเร่งรีบ ก่อนจะตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ขาดหายไปบางช่วงเพราะความเหนื่อยไม่ต่างจากฉันเช่นกัน “ถ้าเรา แฮ่ก! ขับรถไวพอนะ แฮ่ก!” “งั้นไปกันเถอะ แฮ่ก! แก” จบประโยคของฉัน มะตูมก็พยักหน้าแล้วรีบเปิดประตูรถก่อนจะส่งตัวเองเข้าไปแล้วบิดกุยแจเพื่อสตาร์ทรถ ฉันจึงรีบเปิดประตูแล้วส่งตัวเองเข้าไปนั่งที่นั่งข้างคนขับด้วยเช่นกัน ใช้เวลาไม่นานทั้งฉันกับมะตูมก็มาถึงมหาวิทยาลัย แต่ว่ากิจกรรมรับน้องมันก็ได้เริ่มไปแล้วนั่นทำให้ฉันต้องรีบเร่งรีบมากขึ้นไปอีก พอรถจอดนิ่งสนิทปุ๊ปฉันก็รีบกระโจนลงจากรถแทบจะทันที ส่วนมะตูมเองก็ไม่ต่างกัน “อิโรสส ว๊าย!” มะตูมกรี๊ดเสียงดังลั่นก่อนจะดึงแขนฉันไว้จนตัวของฉันเซไปข้างหลังในจังที่ฉันกำลังจะข้ามถนน “โอ๊ย แก จับฉันทำไมเนี่ย?” “รถจะชน! อยากตายก่อนเรียนจบรึไง?” บรื้นน! สิ้นเสียงของมะตูมรถยนต์ก็วิ่งผ่านหน้าไปด้วยความเร็วจนผมของฉันปลิวไหวไปตามแรงลม ทำเอาฉันรู้สึกเหวอจนได้แต่เงียบก่อนจะเบิกตาโตด้วยความตกใจ “เกือบไปแล้ว” พอรถไปมะตูมถึงจะพูดคำนั้นออกมา “ขอบใจมากนะมะตูม” ฉันพูดเสียงอ่อยเพราะรู้สึกใจแป้วขึ้นมาทันที “ไม่ต้องมาทำเสียงอ่อยเลย มานี่” มะตูมเห็นว่าถ้าขืนปล่อยให้ฉันวิ่งนำหน้าไปอีกคนที่ไม่มีเรดาห์มองทางอย่างฉันก็อาจจะได้ถึงโรงพยาบาลก่อนจะเป็นที่หมายก่อนแน่ๆ มะตูมเลยตัดสินใจคว้ามือฉันไว้แทนแล้วเดินนำหน้าฉับ ๆ ในที่สุดพวกเราจะมาถึงจุดรายงานตัว โชคดีที่แถวนั้นมีอาจารย์แนะแนวเดินอยู่พอดี พวกเราก็เลยวิ่งเข้าไปหาแล้วขอร้องให้ท่านช่วยพาเราเข้าไปในงาน ส่วนอาจารย์ท่านนั้นก็ให้ความช่วยเหลือพวกเราด้วยความยินดี พอมาถึงลานกิจกรรมก็มีรุ่นพี่กลุ่มหนึ่งเดินมาหาเรา พวกพี่เขามีกันประมาณสี่คนโดยคนที่ดูจะเป็นคนนำน่าจะชื่อเฟิร์ส เพราะพี่เขาทั้งสี่คนมีป้ายชื่อติดไว้ที่ตัวเหมือนกัน โดยพี่เฟิร์สเป็นผู้ชายแต่มีลักษณะตุ้งติ้งนิดหน่อยฉันก็เลยเดาว่าน่าจะเป็นผู้ชายที่มีจิตใจแบบผู้หญิงเหมือนมะตูม “ทำไมถึงเพิ่งมาคะน้อง?” พี่เฟิร์สที่เห็นพวกเราก็รับรู้ได้ทันทีว่ามีคนมาสาย เพราะที่คอของพวกเรามีป้ายชื่อห้อยไว้อยู่ คนที่จะมีป้ายชื่อห้อยไว้ที่คอก็จะมีแต่พวกน้องใหม่อย่างฉันและมะตูม มันก็เลยมองออกได้ไม่ยาก “คือพอดีว่ารถเสียน่ะค่ะพี่ ก็เลยมาช้า” มะตูมโกหกไป ส่วนฉันทำได้แค่ยืนจ้องตาทำหน้าอึกอัก เหงื่อไหลซึมเต็มหลัง ไม่ใช่เพราะความเหนื่อยแต่เพราะว่าสายตาของรุ่นพี่แต่ละคนที่ยืนจ้องพวกเราอยู่ต่างหาก พี่เฟิรส์มองหน้าพวกเราด้วยสายตาไม่เป็นมิตร ไม่ต่างจากรุ่นพี่อีกสามคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง มีคนหนึ่งมองมาที่ฉันก่อนจะทำหน้าเบะปากให้แล้วก็หันไปกระซิบกับเพื่อนที่อยูข้างๆ การกระทำแบบนั้นทำเอาฉันรู้สึกหน้าชาไปเลย “ข้ออ้าง” พี่เฟิร์สตอบกลับมะตูมไป ส่วนมะตูมที่เป็นคนไม่ยอมคนก็ถึงกับรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา แต่ก็ยังไม่ได้ทำกิริยากระด้างกระเดื่องออกไป “ไม่ได้อ้างค่ะพี่ พวกเรารถเสียกันจริงๆ” “ได้ ครั้งแรกพี่จะไม่ว่าอะไรนะคะน้อง แต่น้องจะโดนทำโทษ” พูดจบที่เฟิร์สก็หันหน้าไปหาอีกสามคนที่อยู่ข้างหลัง ก่อนที่จะมีคนหนึ่งวิ่งออกไปหากลุ่มผู้ชายตัวใหญ่ที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากตรงนั้น สักพักกลุ่มผู้ชายกลุ่มนั้นก็มองมาทางเราแล้วเดินดุ่มๆ มาด้วยท่าทางที่น่ากลัว ทำเอาฉันต้องแอบยื่นมือไปเกาะแขนมะตูมเอาไว้ทันที ตอนนี้ฉันรู้สึกใจสั่นไปหมด ก่อนที่พี่คนนั้นจะเดินมาถึงแล้วจ้องหน้าเราเขม็ง “ทุกคน หยุด!” ผู้ชายคนนั้นตะโกนขึ้น ฉันกับมะตูมถึงกับสะดุ้ง ก่อนที่ทุกอย่างในนั้นจะหยุดนิ่งแล้วหันมามองที่พวกเรากันเป็นตาเดียว “แก..” ฉันพูดกับมะตูมเบาๆ ส่วนมะตูมก็ยังทำเป็นใจดีสู้เสือ ยังคงยืนสู้สายตากับพวกรุ่นพี่โดยไม่มีอาการอะไรออกมา “ทุกคนฟังพี่” เขาเอ่ยกับทุกคนแล้วหันมามองที่พวกเรา ส่วนฉันรู้สึกใจเต้นเร็วจนขาสั่นไปหมดแล้ว “น้องๆ ทั้งสองคนนี้มาสาย… พี่รู้สึกว่ามันไม่แฟร์กับพวกเราที่เหลือเป็นอย่างมาก เพราะสองคนนี้เป็นสาเหตุให้กิจกรรมนับน้องของเราต้องมาโดนขัดจังหวะ” เขาพูด ส่วนทุกคนที่มองมาที่พวกเราก็เบือนสายตามามองที่มะตูมกับฉันจนรู้สึกอึดอัด “แต่พี่ก็เข้าใจ ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไร” เขาพูดต่อ “แต่พวกเรามาช้าเพราะรถเสียนะพี่ ไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้น” มะตูมแย้งจนพี่ว้ากคนนั้นหันมามองที่มะตูมสายตาเอาเรื่อง “มะตูม…” ฉันรีบห้ามมะตูมทันทีเพราะไม่อยากให้พวกเราต้องโดนหมายหัว “แก อยู่นิ่งๆ” มะตูมจับฉันไว้ ส่วนฉันที่กลัวว่ามะตูมอาจจะมีปัญหาก็เลยรีบตะโกนออกไป “หนูขอโทษค่ะพี่ๆ ที่พวกเรามาสาย ครั้งหน้าจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกแล้วค่ะ!” “หึ” พี่ว้ากคนนั้นคนหัวเราะในลำคอออกมา ทำฉันขนลุกวาบไปทั้งตัว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม