พิษรัก 2 ขลุกอยู่กับผู้ชาย🔥

1388 คำ
ฉันชะงักนิ่งพร้อมกับหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ มันทั้งช็อกและรู้สึกเขินลึกๆ กับสิ่งที่พี่องศาพูดออกมา เขายังสติดีอยู่หรือเปล่า ทำไมถึงได้มาเรียกร้องอะไรแบบนี้จากฉัน “มะ…มีนไม่ได้มีเวลามาเล่นตลกกับพี่นะคะ” “แล้วใครบอกว่าฉันเล่น?” “ขอได้มั้ยคะ พี่องศาจะให้มีนทำอะไรก็ได้ แต่มีขอเรื่องนี้แค่เรื่องเดียว” “เธอแน่ใจเหรอว่าอะไรก็ได้” “ค่ะ ถ้ายกเว้นเรื่องแบบนี้ไปได้ มีนก็ไม่มีอะไรจะขัด” “งั้นเย็นนี้ก็เตรียมตัวไว้ให้ดี ฉันจะมารับ” “แต่มีนต้องไปติวหนังสือกับเพื่อนนะคะ” “เพื่อนผู้หญิง?” “มีทั้งผู้หญิงและผู้ชายค่ะ” ฉันตอบไปตามความจริง ไม่มีอะไรที่จะต้องปิดบังอยู่แล้วนิ “แน่ใจเหรอว่าไปติวหนังสือ ไม่ได้ไป…” พี่องศาลากเสียงยาวแล้วกวาดสายตามองฉันราวกับกำลังสมเพช “…ทำอย่างอื่น” “อยากพูดอะไรก็พูดมาตรงๆ เลยดีกว่าค่ะ” ฉันไม่ได้ฉลาดจนรู้ทันเขาทุกอย่าง แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้โง่จนไม่รู้ว่าเขาต้องการจะสื่ออะไร “เลิกเรียนแล้วส่งที่อยู่ของเพื่อนเธอที่จะไปติวหนังสือด้วยกันมา” “ค่ะ มีนไปได้รึยังคะ?” “เชิญ” ฉันไม่รอช้าที่จะเปิดประตูก้าวลงจากรถแล้วรีบเดินเข้าไปในมหาวิทยาลัย ให้ส่งที่อยู่ของเพื่อนไปให้งั้นเหรอ ชิ! ฉันไม่ส่งไปหรอก เลิกเรียน คอนโด “นี่สรุปพวกแกจะมาติวหนังสือหรือจะมาปาร์ตี้กันแน่” ฉันยืนกอดอกถามเพื่อนสนิททั้งสามคนที่กำลังหิ้วของมึนเมาพะรุงพะรังวางลงบนพื้น จริงๆ แล้วเราคุยกับว่าจะมาที่นี่เพื่อติวหนังสือ แต่ระหว่างทางเพื่อนฉันคนนึงก็ขอแวะซุปเปอร์ใกล้ๆ แล้ววิ่งแจ้นไปซื้ออะไรก็ไม่รู้ ฉันไม่ทันได้สังเกตเพราะมันเก็บของไว้ที่ด้านหลังของรถ ไม่คิดเลยว่าจะเป็นของมึนเมาพวกนี้ และแน่นอนว่าฉันไม่ได้ส่งที่อยู่ของเพื่อนไปให้พี่องศาตามคำสั่ง เพราะไม่รู้ว่าจะส่งไปทำไม เขาไม่ได้เป็นเจ้าของชีวิตฉันสักหน่อย อีกอย่างตอนนี้พี่องศาก็คงจะวุ่นอยู่กับงานเพราะเขาต้องรับหน้าที่หลายอย่างแทนพี่นินที่ไปฮันนีมูน ฉันเลยทั้งไม่อยากทักเขาแล้วก็ไม่อยากรบกวนด้วยในเวลาเดียวกัน “พรุ่งนี้ก็วันเสาร์แกจะรีบติวไปไหนวะมีน” ฟองเบียร์เพื่อนสาวคนสนิทเป็นคนตอบ นางดูจะหน่ายเซ็งนิดๆ ที่ถูกฉันท้วง “นั่นสิ หลายวันมานี้เรียนโคตรหนัก มึงจะไม่ให้พวกกูผ่อนคลายหน่อยรึไง” ลอว์เป็นผู้ชายคนเดียวในกลุ่มเรา เขามักจะติดพูดคำหยาบคายแบบนี้นี่แหละ แต่ลึกๆ แล้วลอว์รักและคอยปกป้องพวกฉันอยู่เสมอ เมื่อก่อนฉันเคยโดนรุ่นพี่คนนึงตามตื้อจีบไม่เลิก จนสุดท้ายเขาเกือบจะหลอกฉันไปทำมิดีมิร้าย ตอนนั้นก็ได้ลอว์นี่แหละที่เป็นคนช่วยฉันเอาไว้ “แต่ถ้าพวกแกจะดื่มกันก็ควรจะบอกฉันก่อนสิ ฉันจะได้กลับ” ปกติฉันไม่ใช่คนชอบดื่มอยู่แล้ว พวกเพื่อนๆ ก็รู้กันดี “ฉันขอสารภาพเลยแล้วกันนะ…” เป็นเอิงเอยที่พูดขึ้นเสียงแผ่วพลางเหลือบมองฟองเบียร์และลอว์อย่างกล้าๆ กลัวๆ “…สองคนนี้ตั้งใจจะไม่บอกมีนเพราะอยากให้มีนมากินด้วยกันน่ะ” เอิงเอยเป็นเพื่อนสนิทของฉันอีกคน เอิงเป็นคนที่เรียบร้อยที่สุดในกลุ่ม จะไม่ค่อยพูด ดูขี้กลัวไปซะทุกอย่าง ผิดกับฟองที่เป็นผู้หญิงลุยๆ แรงๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นสองคนนี้ก็เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน ส่วนฉันก็เป็นแบบที่ทุกคนเห็นนี่แหละ ไม่ได้ใสซื่อจนไม่รู้เรื่องอะไร แต่ก็ไม่ได้ฉลาดและกร้านโลกมากขนาดนั้น มั้ง… “พวกแกนี่จริงๆ เลยนะ” ฉันถอนหายใจออกมาหนักๆ พร้อมกับตั้งท่าจะกลับ “ถ้ายังไม่ติวฉันกลับก่อนแล้วกัน” ยังไม่ทันที่ฉันจะเดินไปถึงประตู ฟองก็รีบวิ่งมาขวางทางฉันไว้ “อย่าเพิ่งกลับสิแก อยู่เป็นเพื่อนกันก่อนนะ” ถึงเธอจะทำหน้าอ้อนแต่ฉันก็ไม่ได้ใจอ่อนหรอกนะ “ฉันไม่ชอบดื่มอะไรพวกนี้แกก็รู้” “นานๆ ทีไม่เห็นจะเป็นไรเลย” “นั่นดิ กลัวอะไรวะ พี่ชายไม่อยู่ไม่ใช่หรือไง” เป็นลอว์ที่สมทบขึ้นมา “ไม่อยู่แค่คนเดียว แต่อีกคน…ช่างเถอะ” ฉันไม่อยากจะนึกถึงพี่องศาให้ขุ่นใจกว่าเดิมสักเท่าไหร่ “เอาหน่ามีน ไหนๆ ก็มาถึงห้องลอว์แล้ว เราอยู่ด้วยกันก่อนนะ” เอิงเองก็เดินมากุมมือออดอ้อนฉัน ฉันหันมองหน้าเพื่อนรักทั้งสามคนที่กำลังส่งสายตากดดันขอให้ฉันอยู่ด้วย เฮ้อ…อยู่ก็อยู่ ใครจะไปปฏิเสธเพื่อนลงกันล่ะ “โอเค งั้นฉันขอโทรบอกพี่ชายก่อนนะว่าวันนี้จะไม่กลับ” “อื้อ” ฉันเดินเอากระเป๋าไปวางลงบนโซฟา ส่วนคนอื่นๆ ก็ไปเตรียมของกินและเครื่องดื่มสำหรับปาร์ตี้เล็กๆ ของเราในค่ำคืนนี้ ฉันออกมาที่ระเบียงพร้อมกับโทรศัพท์เพื่อกดโทรหาพี่ชาย อย่าเข้าใจผิดว่าฉันจะโทรหาพี่องศานะ ไม่มีทาง คนที่ฉันกำลังจะโทรหาคือพี่นินต่างหาก “ฮัลโหลค่ะพี่นิน ว่างอยู่หรือเปล่าคะ” (พี่เพิ่งลงจากเครื่อง มีนมีอะไรหรือเปล่า) “เปล่าค่ะ มีนแค่จะโทรมาบอกว่าวันนี้มีนขอค้างที่ห้องเพื่อนนะคะ พอดีเรามาติวหนังสือกันน่ะค่ะ” (แล้วนี่โทรบอกองศารึยัง?) คำถามของพี่นินทำเอาฉันรู้สึกเซ็งขึ้นมา “ไม่ได้โทรค่ะ มีนคิดว่าพี่องศาคงจะงานยุ่งเลยมาบอกพี่นินแทน” (โอเคไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่บอกองศามันเอง เพราะเดี๋ยวต้องโทรไปถามเรื่องความคืบหน้าโครงการใหม่สักหน่อย) “โอเคค่ะ เดินทางถึงที่พักปลอดภัยนะคะ” หลังวางสายจากพี่นินฉันก็เดินกลับเข้ามาและเอาโทรศัพท์ไปชาร์จแบตเพราะแบตใกล้จะหมด จากนั้นก็ไปช่วยเพื่อนเตรียมของ เมื่อเตรียมเสร็จเราก็นั่งล้อมวงกันดื่มกินอย่างสนุก ส่วนใหญ่ฉันจะกินแต่ของว่าง ส่วนพวกของมึนเมาแค่จิบเบาๆ แบบปลายลิ้นแตะ ฉันไม่ชอบกลิ่นและรสชาติของมันสักเท่าไหร่ เอิงเองก็ไม่ค่อยชอบเช่นกัน ส่วนมากเธอจะดื่มน้ำเปล่าและน้ำอัดลมสลับกันไป “กินอย่างกับมดดมเมื่อไรจะเมา” ลอว์ถามฉัน “ก็มีนไม่ได้อยากเมานี่นา” แต่คนที่ตอบแทนก็คือเอิงเอย “ฉันถามเธอเหรอยัยแว่น” ที่ลอว์เรียกแบบนี้ก็เพราะเอิงเอยเป็นคนสายตาสั้นและเธอมักจะชอบใส่แว่นมากกว่าคอนแทคเลนส์ คำตอบของลอว์ทำให้เอิงก้มหน้าลงราวกับรู้สึกเฟล “พูดดีๆ ไม่ได้รึไงลอว์” ฉันรีบหันไปตำหนิ แต่ลอว์ก็ไหวไหล่ใส่อย่างไม่สะทกสะท้าน ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำ Talk องศา ผมนั่งมองนาฬิกาแขวนผนังที่บอกเวลาหนึ่งทุ่มตรงพลางเคาะนิ้วลงกับโต๊ะด้วยความกังวลอย่างไม่รู้ตัว “ดึกป่านนี้แล้วทำไมยังไม่กลับ จะติวเผื่อไปถึงชาติหน้าเลยรึไง” ผมพึมพำอย่างหงุดหงิด ก่อนจะตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหายัยเด็กเกเร รอสายไม่นานก็มีคนกดรับ “อยู่ไหน” (มีนอยู่หอเพื่อน แล้วนั่นใคร?) เสียงผู้ชายรับ? ไม่ใช่มีน ใครวะ! ไม่รู้เลยว่าเมื่อไหร่ที่ผมเผลอกำโทรศัพท์ของตัวเองแน่นจนมันสั่น บอกว่าจะไปติวหนังสือที่แท้ก็มัวแต่ขลุกอยู่กับผู้ชาย แถมยังให้มันมารับโทรศัพท์แทน?
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม