บทที่ 6 อวดเก่งนัก 1

1261 คำ
ทันทีที่เห็นเจ้านายอุ้มร่างบางของกานต์ธีราเข้ามาในบ้านวารีที่กำลังเดินมารอรับเหมือนทุกวันถึงกลับตะลึงด้วยความตกใจ เพราะไม่รู้ว่ากานต์ธีราเป็นอะไรถึงต้องโดนอุ้มกลับบ้านมาแบบนี้ แต่ยังไม่ทันได้ถามหรือพูดอะไร เสียงเข้มดุของอัคนีก็ดังขึ้นมาก่อน “วารีเดี๋ยวบอกให้ป้าแววทำข้าวต้มขึ้นมาให้กานต์ธีราด้วยนะ” อัคนีพูดสั่งทั้งที่อุ้มคนอยู่และเดินขึ้นบันไดอย่างสบาย ๆ เหมือนว่าที่อุ้มอยูคือหมอนข้างอย่างนั้นแหละ วารีที่กำลังตกใจก็รีบวิ่งไปในครัวทันที “ป้าแววคะ!” เสียงตระหนกตกใจทำให้หญิงสูงวัยที่กำลังทำอาหารอยู่ต้องหันมามองด้วยความตกใจเช่นเดียวกับคนอื่น “มีอะไรวารี ทำไมทำเสียงแบบนั้นป้าตกอกตกใจหมดเลย” “คุณไฟอุ้มคุณเกรซเข้ามาในบ้าน แล้วสั่งให้ป้าทำข้าวต้มขึ้นไปให้คุณเกรซด้วยค่ะ” ป้าแววนิ่งไปนิดแล้วพูดออกมา “ถ้าอย่างนั้นก็เตรียมเครื่องข้าวต้มเร็วเข้า เดี๋ยวทำเสร็จแล้วจะได้ยกขึ้นไปให้คุณเกรซ” พูดจบป้าแววก็ให้ไปสั่งสาวใช้คนอื่นให้ทำอาหารที่เหลือต่อให้เสร็จ ส่วนตัวเองรีบทำข้าวต้มขึ้นไปให้กานต์ธีราบนห้อง อัคนีที่เดินเข้ามาในห้องนอนของกานต์ธีราแล้วค่อย ๆ วางร่างบางที่หลับไปด้วยพิษไข้ลงบนเตียงอย่างแผ่วเบา “นอนสบายเกินไปแล้วนะกานต์ธีรา จะมีเจ้าหนี้คนไหนเขาดูแลลูกหนี้ดีแบบนี้บ้างหะ” พูดจบก็เงยหน้ามองสำรวจไปทั่วห้องของกานต์ธีราที่ดูเรียบร้อยและสะอาดไม่รกเลอะเทอะอะไรเลย “ทำห้องเรียบร้อยดีนี่” ไหน ๆ ก็ได้เข้ามาในห้องนี้แล้วอัคนีก็เลยถือโอกาสสำรวจห้องให้ทั่ว เพราะตั้งแต่หญิงสาวเข้ามาใช้ห้องนี้เขาก็ไม่เคยเข้ามาเลย และเขาก็เห็นกรอบรูปที่วางอยู่บนตู้ตรงหัวเตียง ในนั้นมีรูปผู้ชายคนหนึ่งที่หน้าตาเหมือนกานต์ธีราไม่มีผิด รอยยิ้มของผู้ชายคนนั้นดูใจดี และตอนที่กำลังเดินดูอะไรในห้องไปเรื่อย ๆ เขาก็ได้ยินเสียงพึมพำดังมาจากที่เตียงนอนทำให้ต้องเดินไปดู “พ่อคะหนูเหนื่อยจังกลับมาหาหนูได้ไหม...แม่อย่าทำแบบเดิมเลยนะคะ หนูคิดถึงพ่อกับแม่นะ” กานต์ธีราพูดเพ้อและร้องไห้ออกมาทำให้อัคนีที่ยืนฟังอยู่ถึงกับชะงักไปทันที ตลอดเวลาที่รู้จักและอยู่ด้วยกันมาถึงจะไม่นาน แต่เขาก็พอจะมองออกว่ากานต์ธีราเป็นคนที่เข้มแข็งคนหนึ่ง ก็ดูขนาดตัวเองป่วยยังไม่ยอมพูดหรือบอกอะไรสักคำ แต่ยังไม่ทันที่อัคนีจะได้ทำอะไรเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นพร้อมกับประตูที่เปิดเข้ามา “คุณเกรซเป็นยังไงบ้างคะ” ป้าแววถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง “เป็นไข้หวัดใหญ่ครับ ผมให้หมอมาตรวจแล้ว มียาอยู่ในกระเป๋ากานต์ธีราด้วย ถ้ายังไงผมฝากป้ากับวารีดูแลเขาด้วยแล้วกัน ถ้าอาการหนักก็โทรตามหมอหรือโทรบอกผมได้เลย” อัคนีตอบแล้วเดินออกจากห้องนอนไป “วารีเดี๋ยวเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้คุณเกรซด้วยนะ” ป้าแววหันไปสั่งวารีแล้วเดินตามเจ้านายไป “คุณไฟคะ” ป้าแววเรียกอัคนีเอาไว้ก่อนที่อีกฝ่ายจะลงไปด้านล่าง “ป้ามีอะไรหรือเปล่าครับ” “ป้าจะมาถามเรื่องคุณเกรซน่ะค่ะ” “ทำไมครับ” “ทำไมเมื่อวานคุณเกรซถึงกลับบ้านมืดล่ะคะ งานที่บริษัทยุ่งเหรอคะ” “ก็ยุ่งนิดหน่อย ป้าถามทำไมครับ” อัคนีถามด้วยความสงสัย เพราะปกติป้าแววไม่ค่อยจะถามเรื่องงานของเขาเท่าไร “ก็เมื่อคืนคุณเกรซทำงานจนดึก แถมยังต้องตื่นเช้าขึ้นมาเตรียมอาหารและทำหน้าที่ของตัวเองน่ะสิคะ ป้าห้ามแล้วก็ไม่ฟังดื้อจริง ๆ ข้าวปลาก็กินเหมือนแมวดม ผอมจนลมพัดจะปลิวอยู่แล้ว” ป้าแววได้ทีเลยพูดให้อัคนีรู้ เพราะเมื่อคืนเธอเข้ามาในครัวและก็เห็นว่ากานต์ธีราลงมาดื่มน้ำเลยได้ถามว่าทำไมยังไม่นอนเลยได้รู้ว่าอีกฝ่ายต้องทำงานให้เสร็จก่อน เช้าก็ดูท่าทางไม่ค่อยดีอีกด้วย “รู้สึกว่าป้าจะเป็นห่วงกานต์ธีรามากเลยนะครับ” อัคนีถามขึ้นเพราะจับสังเกตน้ำเสียงและท่าทางของหญิงสูงวัยได้ ทั้งที่ตอนแรกป้าแววดูไม่ค่อยชอบกานต์ธีรา ป้าแววถอนหายใจออกมาหนัก ๆ แล้วพูดว่า “ตอนแรกป้าก็เฉย ๆ คิดว่าคุณเกรซเป็นคนไม่ดี แต่พอได้รู้จักได้คุยป้าถึงได้รู้ว่าคุณเกรซเป็นคนที่น่าสงสารมากคนหนึ่ง” เพราะความเป็นอายุมากทำให้กานต์ธีราไว้ใจแล้วพอจะเล่าเรื่องไม่สบายใจให้ฟังบ้างเลยได้รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น “ก็เพราะเขาใจอ่อนขี้สงสารเลยทำให้ตัวเองต้องเดือดร้อนแบบนี้แหละครับ เรื่องนี้จะโทษใครได้ในเมื่อแม่ตัวเองเป็นคนสร้างหนี้ และคนเป็นลูกก็ต้องชดใช้หนี้ก็ถูกต้องแล้ว” อัคนีพูดอย่างคนไม่คิดอะไร คิดแบบที่เจ้าหนี้ทั่วไปคิด “ป้ารู้ค่ะว่ามันสมควรเป็นแบบนั้น แต่ป้าไม่อยากให้คุณไฟใจร้ายกับคุณเกรซมากนัก คนเราไม่มีใครอยากเป็นหนี้ใครหรอกนะคะ แต่ในเมื่อมันเลือกไม่ได้ก็ต้องก้มหน้ารับไป” อัคนีนิ่งคิดตามที่ป้าแววพูดแล้วพยักหน้ารับก่อนจะแกล้งพูดออกมา “ผมจะพยายามไม่ใจร้ายกับคนโปรดของป้ามากแล้วกันนะครับ” “ป้าแค่สงสารคุณเกรซ แต่คนโปรดของป้ามีแค่คุณไฟคนเดียวนี่แหละค่ะ” ป้าแววพูดยิ้ม ๆ ให้เจ้านายก่อนจะขอตัวไปดูแลกานต์ธีราต่อ อัคนีมองไปทางห้องนอนของกานต์ธีราสักพักแล้วเดินมาที่ห้องทำงานซึ่งไกรนั่งรออยู่แล้ว “คุณญาณีเป็นยังไงบ้าง” “เป็นไปอย่างที่นายเคยพูดไว้เลยครับ ตอนนี้คุณญาณีเข้าบ่อนเหมือนเดิมทิ้งบ้านไม่กลับมาหลายวันแล้ว” ไกรพูดขึ้นตามที่ลูกน้องของเขาได้ไปสอบถามคนข้างบ้านมา “ไม่รู้จักเข็ดเลยนะ เดี๋ยวไม่แคล้ววิ่งมาขอยืมเงินอีก” อัคนีพูดไปก็ส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนใจที่ญาณีคิดไม่ได้เสียที ในขณะที่ลูกสาวทำงานจนป่วย แต่คนเป็นแม่เอาแต่เข้าบ่อนหาความสุขให้ตัวเอง ... ญาณียืนอารมณ์เสียอยู่ที่โต๊ะขนาดใหญ่ในบ้านหลังหนึ่งซึ่งดัดแปลงเป็นบ่อนการพนัน และเจ้าของบ่อนก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเสี่ยสุชาติที่โดนอัคนีไล่ไม่ให้เช่าตึกเลยต้องหาทำเลใหม่จนมาได้ที่นี่ ลูกค้าขาประจำก็ตามมากันครบไม่มีหายไปไหนเลย “อ้าวว่ายังไงคุณญาณี วันนี้ได้หรือเสียล่ะ” เสี่ยสุชาติเดินเข้ามาทักลูกค้าขาประจำอย่างเป็นกันเอง ++++++
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม