@ชั้นที่ยี่สิบ
ชายและหญิงสูงวัยยืนถกเถียงเสียงดังไปทั่วทั้งฟลอร์ ชายชุดดำนับสิบคนของทั้งสองฝ่ายได้แต่กุมมือก้มหน้านิ่ง ไม่มีแม้แต่ใครสักคนจะกล้าเผยอหรือออกตัวให้เจ้านายของกันและกัน
คุณหญิงจินดาประจันหน้ากับเหวินเทียนผู้เป็นสามี เธอระแคะระคายว่าสามีของเธอจะทำอะไรไม่ชอบมาพากล จึงรีบรุดมาที่นี่เพื่อจับให้ได้คาหนังคาเขา
“เหวินเทียน...คุณมาที่นี่คุณต้องพาผู้หญิงอื่นมาแน่ ๆ ฉันอยู่กับคุณมากี่สิบปี ทำไมฉันจะไม่รู้!” เสียงหญิงวัยกลางคนเข้มขึ้นแต่ก็รู้สึกได้ถึงความเสียใจในน้ำเสียง
“ไม่มีอะไรก็คือไม่มีอะไร...ผมไม่นอกใจคุณมากี่สิบปีแล้ว ทำไมคุณถึงแกล้งทำเป็นไม่รู้” เหวินเทียนย้อนถามหาความเห็นใจจากภรรยา อายุปูนนี้เขาหรือจะนอกใจ เรื่องผู้หญิงก็ไม่มีมานานโขแล้ว
“ได้ข่าวว่าท่านทรงศักดิ์จะส่งลูกสาวมาให้...”
“....”
“นั่นไงล่ะ....เรื่องจริงใช่มั้ย? ทำไมคุณถึงไม่แก้ตัว”
เหวินเทียนมองปราดไปทางลูกน้องที่ยืนก้มหน้าทุกคน เพื่อหาพิรุธคนปากสว่างเรียงคน
แต่ยังไม่ทันที่จะเอ่ยอะไรออกมาก็ได้ยินเสียงใสเอ่ยถามพนักงานที่โถงทางเดินพร้อมยื่นการ์ดสีทองให้พนักงาน ทำเอาทุกคนหันมามองเธอเป็นตาเดียวกันเพราะหญิงสาวคนนี้ดันเข้ามาได้จังหวะเหมาะเจาะ และเป็นจังหวะนรกโดยที่เธอไม่รู้ตัว
รอยยิ้มสดใสเผยออกมาจากใบหน้าพริ้มเพรา สาวน้อยที่เพิ่งเข้ามาใหม่นั้นไม่รู้ตัวเลยว่าเธอกำลังสร้างปัญหาครั้งใหญ่ให้กับใครบ้าง เธอรู้แค่เพียงว่าเธอต้องมาตามคำสั่งแม่
คุณหญิงจินดาเดินปรี่เข้าหาเธออย่างคนใจร้อน แต่ก็ไม่ได้ทำท่าทางคุกคามแต่อย่างใดคงเพราะบุคลิกหน้าตาที่ดูเรียบร้อยอ่อนหวาน ผิดกับเหวินเทียนที่เหงื่อเม็ดโตผุดตามกรอบหน้าทำอะไรไม่ถูกเพราะกลัวเมียจับได้
“หนู...มาพบใคร หนูเป็นลูกสาวท่านทรงศักดิ์ใช่มั้ย แล้วหนูเป็นลูกคนเล็กหรือคนโต” คุณหญิงจินดาทำได้เพียงแตะท่อนแขนเบา ๆ และถามไถ่ ริสาได้แต่พยักหน้าส่งยิ้มแหย เพราะเธอเองก็ไม่รู้ที่มาที่ไปของการ์ดเจ้าปัญหานี้เหมือนกัน เธอมาทำอะไรที่นี่…เธอยังไม่รู้เลย
“สวัสดีค่ะ หนูเป็นลู...” ริสายกมือไหว้คนแก่กว่าอย่างนอบน้อม ขณะที่เธอกำลังจะตอบคำถาม
“เธอมากับผมครับแม่” ไม่ทันได้ตอบคำถามจากหญิงวัยกลางคน เสียงทุ้มกังวานจากด้านหลังเอ่ยขึ้น ทำเธอสะดุดกึกแล้วหันไปมองคนที่ตามหลังเธอเข้ามาด้วยความแปลกใจ ก่อนที่เขาจะเดินเข้ามาโอบไหล่ของเธอแน่นกระชับอย่างแนบเนียน การกระทำของเขาทำเธอตกใจทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยินนิ่งด้วยความงวยงงแต่บอกไม่ได้เลยว่าอ้อมแขนของเขาทำเอาเธอรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
ผิดกับเฟิงหยางที่เข้ามาช่วยพ่อตนเองจากสถานการณ์นี้ได้ทัน เขาไม่อยากคิดเลยว่าถ้าเขาไม่ตามพ่อขึ้นมาจะเกิดอะไรขึ้น
“ใช่ ๆ ท่านทรงศักดิ์ส่งลูกสาวมาให้เฟิงหยางไม่ใช่ผมสักหน่อย…ทีนี้คุณเชื่อหรือยัง” เหวินเทียนแอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อลูกชายเข้ามาช่วยไว้ทัน
“ผมขอตัวก่อนนะครับ” เฟิงหยางก้มหน้าน้อย ๆ ใบหน้าเฉยชาไร้ซึ่งอารมณ์ใดใดพร้อมกับรวบตัวริสาเข้าห้อง ปล่อยให้สองสามีภรรยาสูงวัยเคลียร์กันเองด้านนอก
ภายในห้อง
แม้ว่าสถานการณ์จะชวนสับสน แต่ดวงตากลมแป๋วกลับมองแต่ใบหน้าชายหนุ่มที่นั่งไขว่ห้างอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างชื่นชม ในชีวิตเธอเคยเห็นผู้ชายหล่อ ๆ มาก็เยอะ แต่ไม่มีใครดูมีเสน่ห์แต่น่าเกรงขามแบบเขาสักคน เธอจึงใช้สายตาสำรวจเขาด้วยความสนใจ
เฟิงหยางมองดูท่าทีของสาวน้อยที่มองตนด้วยท่าทางสนใจไร้ซึ่งความเกรงกลัว ใบหน้าหวานจิ้มลิ้มตากลมโตดูใสซื่อทำเขาอดแปลกใจเล็กน้อย การที่เธอกล้าเข้ามาที่นี่เธอรู้ตัวหรือเปล่าว่าต้องเจอกับอะไร
“ถอดชุดออกสิ!!” เฟิงหยางออกคำสั่ง ริสาสะดุ้งโหยงขมวดคิ้วเป็นปม มือปิดหน้าอกมิดชิดแถมยังถอยหลังออกไปหลายก้าวหน้าตาดูตื่นตระหนกขึ้นมาทันควัน
“จะบ้าเหรอคะ...ทำไมต้องถอด” เธอถามด้วยความตกใจ จู่ ๆ คนที่เธอชมว่าหล่อก็ให้เธอถอดเสื้อผ้าเนี่ยนะ นี่มันเรื่องบ้าอะไร!
เฟิงหยางหยัดกายขึ้นเขารวบร่างประชิดด้วยความสูงกว่าร้อยแปดสิบแปดทำให้สาวร่างเล็กค่อนไปทางเตี้ยอย่างริสาซุกอยู่กลางอกแกร่งอย่างไม่ตั้งใจ ชายหนุ่มจับหมับที่ข้อมือใช้กำลังเพียงนิดกางแขนเรียวเล็กออก ดันกายสาวลงไปนอนบนเตียงหนานุ่ม ริสาตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก มีเพียงน้ำตาที่เอ่อคลอ
“เธอไม่รู้จริง ๆ เหรอว่าไอ้การ์ดทองที่เธอถือมามีไว้เพื่อทำแบบนี้…”
“มะ..ไม่จริง! ...แม่จะทำแบบนั้นทำไม?”
“เขาขายเธอแล้วน่ะสิ!” ดวงตาคมกริบมองลึกลงไปในดวงตาแดงก่ำ เขามองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเด็กคนนี้โดนหลอก
“....”
ความสับสนถาโถมเข้าใส่เธออย่างจัง เธอนี่หนอช่างโง่เง่าไม่เอะใจอะไรเอาเสียเลย เรื่องที่แม่เธอทวงบุญคุณคงเป็นเพราะแบบนี้เองสินะ ริสาหลับตาลงอย่างคนปลงตก อาการต่อต้านก่อนหน้านี้หายไปเหลือเพียงความเสียใจกับคนที่เธอเรียกว่าแม่มาตลอด
“....”
“....เขาขายเธอให้พ่อฉัน”
เฟิงหยางหยัดกายลุกขึ้นยืนมองร่างบางที่นอนแผ่หลาชายกระโปรงเลิกขึ้นจนเห็นโคนขาขาว คอเสื้อลู่ลงจนเห็นเนินอกขยับขึ้นลงตามแรงหายใจอย่างเห็นได้ชัด ชายวัยกำหนัดอย่างเขามีหรือที่จะไม่หวั่นไหว ผิวพรรณขาวผุดผ่อง ใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักน่าทะนุถนอมจนเขานึกอยากสวมรอยเป็นพ่อเขาเสียเอง
“กลับบ้านไปซะแล้วอย่ามาที่นี่อีก”
“ฉันกลับไม่ได้ แม่คงไม่ให้กลับและพ่อก็คงจะเดือดร้อน...ใช่มั้ยคะ?” น้ำเสียงสั่นเครือเจือสะอื้นเมื่อคิดว่าถ้าเธอออกไปตอนนี้พ่อเธอคงจะลำบากแน่ ๆ
เฟิงหยางหันขวับมองไปที่เด็กน้อยที่แสดงความกตัญญูแบบผิด ๆ
“วันนี้ต้องเสียตัวให้ได้ว่างั้น”
“คุณไม่เข้าใจ...ฉันอยากพบพ่อคุณ”
“ออกไปซะอย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก...ไม่งั้นเธอได้โดนดีแน่”
ริสาลนลานเก็บข้าวของและรีบออกไปนอกห้องแทบไม่คิดชีวิต เฟิงหยางใจเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อสิ้นเสียงประตูปิด เด็กคนนี้เป็นใครมาจากไหน…ข้อนี้เขาอยากรู้มากที่สุด
“วิน...มึงสืบประวัติเด็กคนนี้ที”
“ครับนาย” วินลูกน้องคนสนิทรับคำเมื่อเจ้านายเดินพ้นประตู
“มึงว่าพ่อกูจะเอาเด็กคนนี้จริง ๆ เหรอ” เฟิงหยางจุดบุหรี่มวนเล็กขึ้นมาสูบเพื่อผ่อนคลายอารมณ์
“ไม่ใช่สเปคนายท่านครับ...เธอดูยังเด็กและตัวเล็กเกินไป”
“อืม”
“ไม่ใช่สเปคนายเหมือนกันครับ” วินกล่าวอย่างรู้ใจเจ้านาย
“รู้ดีนะมึง!!”