ตอนที่ 2 สาเหตุของคนไม่อยากมีเมีย
แสงเหนือกำลังเดินทางขึ้นมาบนดอยเพื่อมาเป็นคุณหมออาสาให้กับชาวบ้านที่นี่เป็นระยะเวลาสามเดือน ซึ่งมีหน่วงงานของรัฐร้องขอไปตอนแรกก็ว่าจะมากันอยู่สี่ห้าคน แต่ไปๆมาๆถอนตัวกันหมด บ้างก็อ้างว่ามีภาระเมียท้องแก่บ้าง ต้องส่งลูกไปโรงเรียนบ้าง สุดท้ายจึงเหลือแค่เขาคนเดียว ก็ใช่ซี๊...ก็เขามันหนุ่มโสดนี่น่า
แสงเหนือเดินทางด้วยเครื่องบิน ต่อด้วยรถประจำทางสองสามต่อ จนสุดท้ายก็มาถึงจุดที่ต้องรอให้คนมารับขึ้นดอย เขามีสัมภาระมาสามกระเป๋าใหญ่ๆ กะว่าตัวเองจะขอลำบากให้น้อยที่สุด ส่วนเรื่องอาหารการกินเขาไม่เรื่องมาก
“คุณหมอแสงเหนือหรือเปล่าครับ” ผู้ที่เดินทางมารับก็คือเจ้าหน้าที่ทหารที่ดูแลรักษาความปลอดภัยในบริเวณแห่งนี้
“ครับผมแสงเหนือ”
“ผมจ่ายอด ส่วนนี่จ่าจอม ยินดีที่ได้รู้จักคุณหมอนะครับ”
“ยินดีเช่นกันครับ”
“เชิญทางนี้เลยครับ พวกเราได้รับคำสั่งให้พาคุณหมอขึ้นไปข้างบน” ทั้งสามทำความรู้จักกันเสร็จ ก็พาคุณหมออาสาขึ้นรถ โดยช่วยคุณหมอแบกกระเป๋าไปคนละหนึ่งใบ
รถที่สามารถขับขึ้นไปได้ก็เห็นว่าจะมีแต่รถทรงสูงของทหารนี่แหละ เพราะทางค่อนข้างบุกป่าฝ่าดงและต้องใช้ฝีมือในการขับอยู่มากพอสมควร แต่ถ้าช่วงไหนฝนตกทางเละก็หมดสิทธิ์ ต้องเดินเท้าอย่างเดียว แต่วันนี้คุณหมอค่อนข้างโชคดีเพราะช่วงนี้ฝนไม่ตกมาสองสามวันแล้ว จึงเอารถขับขึ้นไปส่งได้
“ไกลมั้ยครับ กว่าจะขึ้นไปถึง” แสงเหนือชวนคุย
“ไม่ไกลนะครับ ระยะทางประมาณห้ากิโลกว่าๆเท่านั้น แต่ต้องใช้เวลาเดินทางเกือบๆสองชั่วโมง แต่ถ้าวันไหนฝนตกก็บวกเวลาเพิ่มไปอีก”
“ครับ” เรื่องนี้เขาศึกษามาบ้างแล้ว และทำใจมาแล้วส่วนหนึ่ง ชีวิตของคุณหมอแสงเหนือโตมาบนกองเงินกองทอง ที่บ้านมีบริษัทใหญ่โต จึงไม่แปลกที่เขาจะกลัวความลำบาก แต่ที่ตัดสินใจมาก็เพราะต้องมา...ไม่ได้มีจิตอาสาเหมือนที่คนอื่นๆเขามีกันหรอก
เพราะที่บนนั้นคงไม่มีสาวๆสวยๆเหมือนที่ที่เขาจากมา หลังเลิกงานจากเป็นคุณหมอ แสงเหนือก็มักจะไปทำกิจกรรมอย่างที่ผู้ชายโสดเขาชอบทำกัน แต่ที่นี่คงไม่มีแบบนั้น ชีวิตของเขาคงต้องแห้งเหนี่ยวอยู่บนดอยแน่ๆ
แสงเหนือเลือกเรียนหมอเพราะมีสาเหตุมาจากกรุ๊ปเลือดพิเศษของเขา เขาไม่ได้อยากเป็นหมอที่ต้องทุ่มเทหรือมีอุดมการณ์อย่างที่คนอื่นๆมี เขาแค่ต้องการใช้เส้นทางเดินนี้วิจัยเกี่ยวกับเลือดที่ถูกถ่ายทอดมาจากคุณพ่อของเขาเท่านั้น
ซึ่งกรุ๊ปเลือดที่ว่านี้ มีคนจำนวนน้อยมากที่จะมีกรุ๊ปเลือดเหมือนอย่างที่เขามี ซึ่งเขาไม่ชอบเอาเสียเลย เพราะมีความฝังใจบางอย่างเกี่ยวกับความเป็นความตายของเขาในวัยเด็ก ซึ่งแสงเหนือก็ได้บอกกับตัวเองว่าเขาจะไม่ยอมมีเมียและมีลูกเด็ดขาด เขาไม่อยากให้ลูกของเขาต้องเจอะเจอกับเหตุการณ์ที่เขาเคยเจอในอดีต
ระหว่างที่แสงเหนือได้ทำงานในสายอาชีพนี้ เขาได้เก็บข้อมูลวิจัยเรื่องเลือดของเขาย้อนหลังอยู่หลายปี ซึ่งผลที่ออกมามันก็น่าประหลาดใจมาก นั่นก็คือ เพศชายเท่านั้นที่จะสามารถส่งต่อกรุ๊ปเลือดนี้ให้กับลูกทุกคนได้ แต่ถ้าเป็นเพศหญิงจะไม่สามารถถ่ายทอดกรุ๊ปเลือดนี้ให้กับลูกของตัวเองได้เลย นั่นก็แปลว่าลูกที่เกิดมาจากคนเป็นแม่ที่มีกรุ๊ปเลือดนี้จะได้กรุ๊ปเลือดของคนเป็นพ่อไป ซึ่งถือว่าเป็นความโชคดีของเด็กที่ได้มีกรุ๊ปเลือดปกติเหมือนกับที่คนอื่นๆเขามีกัน
และมากไปกว่านั้น จากการเก็บข้อมูลย้อนหลัง คนที่มีกรุ๊ปเลือดนี้ห้ามได้กันเองเด็ดขาด เพราะเด็กหรือลูกที่เกิดมาจะไม่ปกติทุกคน นี่จึงเป็นข้อห้ามของกลุ่มคนที่มีกรุ๊ปเลือดที่แสงเหนือมี สรุปชาตินี้ทั้งชาติเขาจะไม่ยอมมีเมียและมีลูกเด็ดขาด
“เอ่อ...คุณหมอครับผมขอเสียมารยาทสักหน่อยได้ไหมครับ”
“อยากรู้อะไรเหรอครับ”
“แหมคุณหมอนี่ก็พูดตรงจังเลยนะครับ ไม่ทราบว่ามาแบบนี้มีคนที่บ้านรออยู่ไหมครับ”
“ไม่มีหรอกครับ ผมโสด”
“หล่อๆแบบคุณหมอนี่ไม่น่าโสดนะครับ ดูอย่างพวกผมสองคนสิขี้เหร่ก็ปานนี้มีเมียตั้งแต่อายุยังน้อย”
“ครับ” แสงเหนือแค่ยิ้มๆให้เท่านั้น ถึงเขาจะโสดแต่เรื่องอย่างว่าเขาไม่เคยขาดแคลน ระหว่างอยู่ที่นี่ก็ตามเวรตามกรรมไปก่อนแล้วกัน
“เดือนหน้าผมต้องเดินทางกลับกรุงเทพไปงานแต่งน้องสาว ไม่ทราบว่าตอนลงข้างล่าง...”
“อ่อเรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงครับ บอกล่วงหน้าผมสักหน่อยเดี๋ยวพวกผมพาไปส่งที่ท่ารถให้”
“ขอบคุณครับ”
“แลกเบอร์กันไว้ก็ดีนะครับ เผื่อว่ามีธุระอะไรจะได้ติดต่อกันได้สะดวกขึ้น”
“ก็ดีนะครับ...ว่าแต่ข้างบนมีสัญญาณโทรศัพท์กับสัญญาณอินเตอร์มั้ยครับ”
“ก็พอมีนะครับ แต่ต้องวัดดวงเอาหน่อย บางวันก็ดี๊ดี บางวันก็ขาดๆหายๆ แต่ก็พอติดต่อกันได้ สมัยนี้ดีกว่าแต่ก่อนเยอะเลย”
“อากาศที่นี่ดีจังเลยนะครับ” แสงเหนือเอ่ยขึ้นเมื่อมองสองข้างทางมีแต่ต้นไม้ใบหญ้าที่เขียวชอุ่ม
ถึงถนนจะดูลำบากทางก็ไม่ได้เรียบเหมือนถนนในกรุงเทพ แถมตลอดทางยังขึ้นๆลงๆสูงๆต่ำๆ ดูแล้วน่าเวียนหัว แต่ธรรมชาติของที่นี่มันทำให้ความตึงเครียดของถนนข้างหน้าไม่ได้เป็นอุปสรรค์ต่อการต้องนั่งเกาะแน่นๆแต่อย่างใด
วิวที่แสนจะร่มรื่นบวกกับอากาศที่เย็นสบาย แถมอากาศที่นี่ยังสะอาดสดชื่นปราศจากมลพิษไม่เหมือนในกรุงเทพ แสงเหนือหลับตาลงสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดลึกๆ เขาเริ่มรู้สึกดีกับอากาศของที่นี่แล้ว
“คุณหมอเริ่มชอบที่นี่แล้วใช่มั้ยครับ ข้างบนอากาศที่นั่นดีว่าตอนนี้อีกนะครับ ยิ่งเช้าๆนะหมอกหนาๆลมเย็นๆนั่งจิบกาแฟร้อนๆดีสุดๆไปเลยครับ” จ่ายอดเห็นอาการของคุณหมอก็ได้พูดขึ้น จ่าทั้งสองคนไม่ได้รู้สึกแปลกใจแต่อย่างใด เพราะทุกคนที่ได้มาสัมผัสอากาศของที่นี่เป็นต้องหลงรักกันทุกคน
“ผมอยากสัมผัสอากาศแบบที่จ่าพูดจังเลยครับ”
“พรุ่งนี้เช้าคุณหมอได้แน่ เดี๋ยวพอไปถึงที่นั่นผมจะพาไปที่บ้านพัก ส่วนเรื่องอาหารในแต่ละมื้อ คุณหมอจะทำกินเองหรือจะเลือกที่จะผูกปิ่นโตกับร้านค้าข้างบนก็ได้เลยนะครับ” ผูกปิ่นโตก็คือการสั่งอาหารประจำ
“ข้างบนมีร้านค้าด้วยเหรอครับ”
“มีสิครับเดี๋ยวนี้เขาพัฒนาแล้ว แม่ค้าทั้งสวยทั้งน่ารักแถมยังโสดด้วยนะครับ”
“ผมไม่สนใจหรอกครับ ว่าแต่เขาจะทำมาส่งให้หรือว่าเราต้องไปนั่งกินที่ร้านครับ”
“แล้วแต่คุณหมอเลย ระยะทางไม่ได้ไกลมาก คุณหมออาสาท่านก่อนๆเขาก็เลือกให้ไปส่งนะครับ”
“ก็ดีนะครับ สะดวกดี” บนดอยก็มีไลน์แมนด้วยเว้ย...แสงเหนือยิ้ม เมื่อรู้สึกว่าการมาบนดอยแห่งนี้มันก็ไม่ได้แย่จนเกินไป
เมื่อเวลาผ่านไปได้อีกสักพักใหญ่ๆ รถที่สองทหารหนุ่มได้ขับขึ้นมาจอดก็ถึงบ้านพัก
“ถึงแล้วครับ” แสงเหนือมองบ้านตรงหน้าที่คิดว่าน่าจะเป็นบ้านพักของตัวเอง เขาแอบถอนหายใจเบาๆแล้วค่อยๆลงจากรถแต่ไม่ลืมที่จะยกกระเป๋าของตัวเองลงจากรถด้วย
“คุณหมอเอากระเป๋าเข้าไปเก็บไว้ในบ้านก่อนนะครับ...ตอนนี้ก็เย็นแล้ว เดี๋ยวพวกผมจะพาไปร้านค้าใกล้ๆ จะได้แนะนำเจ้าของร้านให้รู้จักกันด้วย เผื่อจะได้ผูกปิ่นโตกันไว้เลย”
“ครับ...ผมขอเอากระเป๋าเข้าไปเก็บสักครู่นะครับ”