EP.5 ความลับ

3172 คำ
บทที่ 5 "เราเป็นพี่น้องกันไม่ได้เหรอ" เพลงขิมแทบสะอึกเมื่อได้ยินคำถามของภูผา หญิงสาวยกมือขึ้นฟาดหน้าอีกฝ่ายอย่างเต็มแรงโดยไม่ได้สนใจสายตาของคนนับสิบที่ยืนดูอยู่รอบ ๆ "คุณกล้าดียังไงถึงได้ถามคำถามนี้กับฉัน" "พูดเบา ๆ ก็ได้ขิม ไม่เห็นต้องตะโกนเลย" ภูผาบอกเพลงขิมให้เบาเสียงเมื่อเห็นว่าหญิงสาวเริ่มโวยวายเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ มันทำให้ตอนนี้ทั้งเขาและเธอกลายเป็นจุดสนใจของคนที่เดินผ่านไปผ่านมาในบริเวณนั้น "คุณมีความรู้สึกด้วยเหรอ" เพลงขิมถามกลับด้วยสีหน้าราบเรียบ "พี่ก็เป็นคนนะ ทำไมพี่จะไม่รู้สึก" ภูผาตอบกลับอย่างรวดเร็ว เขาเองก็เป็นคนเหมือนกันนี่น่า การที่คนๆหนึ่งจะมีความรู้สึกขายหน้ามันก็ไม่แปลกไม่ใช่เหรอ แล้วยิ่งอยู่ต่อหน้าคนเยอะ ๆ ด้วย "แค่นี้คุณยังรู้สึกอาย แล้วฉันล่ะ! ฉันที่โดนคุณหลอกมาตลอด คุณคิดว่าฉันจะรู้สึกยังไงบ้าง ฉันรักคุณหมดหัวใจ ฉันยอมให้ทุกอย่างกับคุณ แต่กลับโดนคุณหักหลังจนไม่เหลือชิ้นดี แบบนี้คุณยังจะให้ฉันเป็นพี่น้องกับคุณได้อีกเหรอ " เพลงขิมร่ายความในใจออกมาอย่างยาวเหยียดด้วยความโมโหไม่น้อย เธอรู้สึกโกรธมากๆที่เขากล้ามาขอเธอเป็นพี่น้องทั้ง ๆ ที่มันไม่ควรเลยด้วยซ้ำ "ที่พี่ขอขิมเป็นพี่น้อง แปลว่าพี่ยังอยากมีความสัมพันธ์ที่ดีกับขิมอยู่ไง" ภูผาพูดออกมาอย่างไม่รู้สึกละอายใจเลยสักนิด ทันทีที่ได้ยินภูผาพูด หญิงสาวก็ถึงกับพ่นลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด เธอรู้สึกรำคาญและเบื่อหน่ายชายตรงหน้าเป็นอย่างมากและฉุกคิดว่าทำไมวันนี้ถึงเป็นวันซวยของเธอขนาดนี้นะ ที่ได้เจอกับผู้ชายคนนี้อีกแล้ว "ฉันไม่อยากเป็นพี่น้อง อยากยุ่งเกี่ยว ไม่อยากเห็นหน้าคุณค่ะ เลิกวุ่นวายกับฉันซะทีเถอะ" "ทำไมล่ะขิม การที่พี่อยากมีความสัมพันธ์ที่ดีกับขิมมันผิดมากเลยหรือไง" ภูผาถามกลับด้วยความสงสัย "มันไม่ผิด แต่มันไม่ควรไง แค่นี้คิดไม่ได้เหรอ" เพลงขิมสวนกลับ "สรุปก็คือขิมจะตัดขาดจากพี่จริง ๆ ใช่ไหม" "ฉันตัดขาดจากคุณ..ตั้งแต่วันที่รู้ความจริงเรื่องนั้นแล้ว ถอยไป!" ว่าจบ เพลงขิมก็เดินเลี่ยงออกมาจากพื้นที่ตรงนั้นด้วยความรู้สึกจุกหัวใจ ก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงหน้าบันไดเลื่อนเมื่อได้เจอก้องภพยืนมองเธออยู่ตรงนั้น เขาคงเห็นทุกอย่างแล้วสินะ เพลงขิมมองหน้าก้องภพสักพักเธอก็เดินต่อโดยมีก้องภพเดินตามไปติด ทันทีที่หญิงสาวเดินมาถึงรถที่จอดอยู่ เธอก็เริ่มปล่อยโฮออกมา ร่างบางพยายามใช้มือทั้งสองจับรถไว้เพื่อพยุงตัวเองไม่ให้ล้มลงไปที่พื้น หากถามว่าตอนนี้เธอรู้อย่างไร ก็คงจะตอบเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากเสียใจ ถึงแม้ปากจะบอกไม่สนใจ แต่ความรู้สึกลึก ๆ ของคนที่พึ่งโดนทิ้งมันก็ต้องเจ็บเป็นธรรมดา ก้องภพที่เดินตามมาเห็นทำได้แค่ยืนมองด้วยความเป็นห่วง เขาอยากเข้าไปปลอบใจเธอ แต่ด้วยสถานะที่พึ่งรู้จักและไม่ได้เป็นอะไรกันจึงทำได้แค่ยืนมอง "คุณก้องภพคงเห็นทุกอย่างหมดแล้วใช่ไหมคะ" เพลงขิมหันไปถามชายร่างสูงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ทั้งน้ำตา "ผมเป็นห่วงคุณนะขิม" เขาตอบกลับด้วยสีหน้าเป็นห่วง ก่อนจะเอื้อมมือไปแตะไหล่อีกฝ่ายอย่างถือวิสาสะ "ร้องออกมาให้หมดเลยครับ ผมอยู่ตรงนี้ อยู่ข้าง ๆ คุณ" เมื่อได้ยินดังนั้นจากที่ร้องอยู่แล้วเพลงขิมก็ยิ่งร้องไห้พรั่งพรูหนักขึ้นไปอีก เธอพลันนึกถึงคำพูดของภูผาที่พูดในวันนี้ ยิ่งคิดเท่าไหร่ก็ยิ่งปวดหัวใจเท่านั้น ไม่รู้เวรกรรมอะไรของเธอถึงได้เกิดมาเจอกับเรื่องเลวร้ายแบบนี้ "ดีขึ้นไหมครับ" ก้องภพเอ่ยถามเพลงขิมที่ตอนนี้หยุดร้องไห้ไปได้สักพักแล้ว แต่ก็ยังคงนั่งซึม ๆ อยู่เบาะข้างคนขับ เพลงขิมได้ยินคำถามจากคนข้าง ๆ จึงยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ยังเหลืออยู่ออกให้หมด ก่อนจะหันไปฝืนยกยิ้มให้ก้องภพ "ขิมอยากกลับบ้านไปพักผ่อนแล้วค่ะ วันนี้ขิมเหนื่อยมากเลย" "โอเคครับ งั้นเดี๋ยวผมขับรถให้เอง ถ้าคุณขิมเพลียก็นอนก่อนได้นะครับ ถึงบ้านเดี๋ยวผมปลุก" ก้องภพพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม ด้านเพลงขิมเองก็ได้แต่พยักหน้ารับก่อนจะกดปรับเบาะที่นั่งให้พอดีตัวแล้วนอนลงไปด้วยความอ่อนเพลียอย่างหนัก หนึ่งชั่วโมงต่อมา.. @บ้านเพลงขิม "คุณขิมครับ ถึงบ้านแล้วนะ" ก้องภพใช้มือแตะไปที่ไหล่ของเพลงขิมเบา ๆ เพื่อปลุกให้เธอตื่น เพราะว่าตอนนี้เขาได้ขับรถมาถึงบ้านของอีกฝ่ายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ทว่ากลับไม่มีเสียงตอบรับจากหญิงสาวเลย สงสัยคงจะเพลียมาก คนกำลังท้องกำลังไส้ด้วย "คุณขิมครับ ถึงบ้านแล้วน้า" ก้องภพยื่นหน้าไปกระซิบใส่หูของเพลงขิมเพื่อปลุกให้เธอตื่นอีกครั้ง และมันก็เป็นผลเมื่อหญิงสาวค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา "อื้อ~~ ถึงบ้านแล้วเหรอคะ" เพลงขิมหันไปถามก้องภพก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบ ๆ เพื่อเช็คให้แน่ใจว่าถึงแล้วจริง ๆ "ถึงแล้วจริงด้วย" "ผมปลุกคุณขิมตั้งสองสามรอบ แต่คุณขิมก็ไม่ตื่นแถมยังกรนด่าผมอีก" เพลงขิมถึงกับเบิกตากว้างขึ้นเมื่อได้ยินที่ก้องภพพูด เธอเนี้ยนะนอนกรน ไม่มีทางเด็ดขาด "ขิมไม่เคยนอนกรนนะคะ คุณก้องภพแกล้งขิมเหรอ" "ผมไม่ได้แกล้งนะ คุณขิมนอนกรนจริง ๆ คร่อกฟี่ คร่อกฟี่" ชายหนุ่มตอบกลับพร้อมกับทำเสียงล้อเลียนเพลงขิม จนเธอเริ่มเชื่อในสิ่งที่เขาพูด ก่อนจะหันหน้าหนีไปอีกทางด้วยความเขินอาย "ขิมไม่พูดกับคุณก้องแล้วค่ะ" เธอเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงง้องอนเล็กน้อย ก็จะไม่ให้เธองอนได้ยังไงในเมื่อชายหนุ่มทำเสียงล้อเลียนเธอถึงขนาดนั้น ใครไม่โกรธก็บ้าแล้ว เมื่อก้องภพเห็นว่าหญิงสาวออกอาการงอนเขาเข้าจริง เขาก็เผยยิ้มออกมา ก่อนจะยกมือขึ้นลูบหัวอีกฝ่ายอย่างถือวิสาสะ แต่ก็โดนเพลงขิมปัดมือออกเพราะเธอตกใจและไม่ชิน "ผมขอโทษครับ" ก้องภพรีบเอ่ยปากขอโทษหญิงสาวทันที เขารู้สึกแย่ในตัวเองที่แสดงกิริยาแบบนั้นกับอีกฝ่าย เธอจะรู้สึกไม่ดีไหมนะ เขาฉุกคิดขึ้นมาในใจ "ไม่เป็นไรค่ะ ขิมเข้าบ้านก่อนนะคะ รู้สึกง่วงอีกแล้ว" เพลงขิมพูดขึ้น ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าสะพายที่วางอยู่เบาะหลังแล้วเปิดประตูลงจากรถทันที "คุณขิมครับ" ก้องภพรีบลงจากรถแล้วเอ่ยปากเรียกเพลงขิมด้วยท่าทีรีบร้อน จนหญิงสาวหยุดชะงักก่อนจะหันกลับมามองเขาที่ตอนนี้กำลังเดินเข้ามาใกล้ตัวเธอ "มีอะไรหรือเปล่าคะ" "คุณลืมกุญแจรถครับ" ชายร่างสูงพูดขึ้นพร้อมกับยื่นกุญแจรถให้เพลงขิม หญิงสาวเห็นดังนั้นจึงรีบรับกุญแจคืนพลางยกยิ้มให้แก่เขา "ขอบคุณนะคะ" "คุณขิมจะนอนยังไงเหรอครับ" คำถามของก้องภพทำเอาเพลงขิมถึงกับขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความสงสัย หญิงสาวส่ายหน้าไปมาเบา ๆ เพื่อเป็นการบอกเขาว่าเธอไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด "ก็ตอนนี้บ้านของคุณยังไม่มีของใช้ที่จำเป็นนี่ครับ พวกหมอน หรือ ผ้าห่มก็ไม่มี อีกอย่างห้องนอนก็ยังไม่ได้ทำความสะอาดแล้วคุณจะนอนยังไง" "จริงด้วย...!" เพลงขิมพูดเชิงชักสีหน้าเศร้าออกมา ทำไมเธอถึงไม่คิดเรื่องนี้นะ ความจริงวันนี้ที่เธอไปห้างก็ตั้งใจไปซื้อพวกหมอนและผ้าห่มนั่นแหละ ยังไม่ทันได้ซื้ออะไรก็เจอกับภูผาเสียก่อน ให้ตายเถอะ แล้วคืนนี้เธอจะนอนยังไงล่ะเนี่ย ยิ่งเป็นคนขี้หนาวอยู่ด้วย "ถ้าไม่รังเกียจ เดี๋ยวผมเอาหมอนกับผ้าห่มไปให้นะครับ แต่คืนนี้คุณคงต้องนอนที่โซฟานะ เพราะห้องนอนข้างบนฝุ่นคงหนา" ก้องภพบอกอย่างรู้งาน "จะดีเหรอคะ ขิมไม่อยากรบกวนคุณก้องภพเลย แค่เรื่องวันนี้ก็เกินพอแล้ว" เพลงขิมตอบกลับด้วยความเกรงใจ "เรื่องแค่นี้เอง อะไรช่วยได้ผมก็อยากช่วยคุณนะ" เมื่อได้ยินก้องภพพูดแบบนั้น เพลงขิมก็ยกยิ้มให้เขาอย่างจริงใจ เธอรู้สึกโชคดีมากที่ได้รู้จักเพื่อนที่ดีอย่างก้องภพถึงแม้ว่าจะเพิ่งรู้จักกันแค่วันเดียวก็เถอะ "ขอบคุณมากนะคะคุณ ถ้างั้นขิมรออยู่ตรงนี้นะคะ" ก้องภพพยักหน้ารับก่อนจะรีบเดินไปที่บ้านของตนในทันที เพลงขิมยืนรอชายหนุ่มอยู่หน้าบ้านสักพัก ก็เห็นเขาเดินหอบชุดเครื่องนอนชุดใหญ่มาหาเธอ "ผมแกะของใหม่ให้เลยนะเนี่ย ถือว่าเป็นการต้อนรับเพื่อนบ้านคนใหม่เลยแล้วกันนะครับ" เขาพูดพร้อมยื่นชุดเครื่องนอนให้ "เป็นการต้อนรับที่อบอุ่นมากเลยค่ะ" เพลงขิมเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มก่อนจะเอื้อมมือไปรับชุดเครื่องนอนจากมืออีกฝ่ายมาไว้ที่ตน "ฝันดีล่วงหน้านะคะ" "เช่นกันครับ" @ผับxxx "เฮ้ย...! ไอ้ภู ทำไมทำหน้าเหมือนหมาโดนแดดเผาแบบนั้นล่ะ มีเรื่องมาอีกแล้วเหรอ" พิพัท เจ้าของผับสุดหรูเอ่ยถามภูผาเพื่อนสนิทของเขาเมื่อเห็นว่าตั้งแต่ที่มันมานั่งกินเหล้าอยู่ร้าน มันก็เอาแต่ทำหน้าบูด แถมยังไม่สนทนากับเขาอีก ไม่รู้มันเป็นอะไรของมัน "วันนี้กูเจอขิมที่ห้าง กูอยากเคลียร์กับเขา แต่เขาไม่อยากเคลียร์กับกูว่ะ" ภูผาบอกกับพิพัทด้วยท่าทีเคร่งเครียด ก่อนจะหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มไปอึกใหญ่ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาเครียดขนาดไหน "แล้วมึงจะให้น้องเคลียร์อะไรกับมึงอะ" พิพัทถามกลับด้วยความสงสัย "กูอยากเคลียร์เรื่องความสัมพันธ์ว่ะ คือมึงเข้าใจป้ะว่ากูอะไม่ได้อยากเป็นแฟนกับน้องเขาแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ากูอยากตัดขาดกับน้องไงมึง" "กูว่ากูงงนิดหน่อย แต่งงมาก" "โอเคมึง! กูสรุปเลยแล้วกัน กูอยากเป็นพี่น้องกับขิม" "ไม่มึง ที่กูบอกว่างงคือกูงงตรงที่มึงเคยเอาน้องเขา แล้วพอเลิกกันมึงอยากเป็นพี่น้องกับเขา มันเป็นความสัมพันธ์อะไรวะมากเลยอะ พี่น้องเขาไม่เอากันนะมึงไม่รู้เหรอ" พิพัทเอ่ยถามภูผาด้วยสีหน้าจริงจัง "ไม่ต้องเป็นพี่น้องก็ได้ แต่ขอให้คุยกันดี ๆ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ได้เปล่าวะ" ภูผาพูดขึ้นพลางยกแก้วเหล้าใส่ปากอีกครั้ง "มึงทำเขาขนาดนั้น เขาไม่ตัดหนอนน้อยมึงก็บุญแค่ไหนแล้ว" พิพัทบอกกับเพื่อนรักอย่างหัวเสีย เขาล่ะไม่เข้าใจความคิดของมันเลยจริง ๆ มีอย่างที่ไหนตัวเองไปหลอกเขาแล้วจะให้เขาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่รู้มันมีสมองไหมไอ้เพื่อนคนนี้ เมื่อได้ยินพิพัทพูดแบบนั้น ภูผาก็ไม่ได้ตอบอะไรนอกจากแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา เขาเอื้อมมือไปหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาหวังจะกระดกใส่ปาก แต่พิพัทก็ร้องห้ามไว้จนเขาต้องหยุดชะงัก "อะไรของมึง" "แก้วของกู" ภูผาก้มมองแก้วในมือตัวเองสักพัก ก่อนจะกระดกเข้าปากไปอย่างไม่สนใจว่าแก้วใบนั้นจะเป็นของใคร พิพัทลอบถอนหายใจออกมาอย่างเอือม ๆ ก่อนจะกวักมือเรียกพนักงานแล้วใช้ให้ไปเอาแก้วใบใหม่มาให้ ไม่ใช่ว่าเขารังเกียจเพื่อนนะ เพียงแต่เขาเป็นคนที่ไม่ชอบใช้ของร่วมกับใคร @เช้าวันต่อมา หลังจากที่เพลงขิมตื่นขึ้นมาในตอนเช้า เธอก็ลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวและทำกิจวัตรส่วนตัวเหมือนที่เคยทำในทุก ๆ วัน ความจริงวันนี้เธอจะต้องไปที่ห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อของใช้เข้าบ้าน แต่ทว่าเธอก็ฉุกคิดขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ไปฝากครรภ์เลย เป็นเพราะช่วงนี้มัวแต่ยุ่ง ๆ เลยลืมนึกถึงเจ้าตัวเล็กในท้องไปเสียได้ วันนี้เลยตั้งใจแวะไปโรงพยาบาลเพื่อฝากครรภ์ด้วยเสียเลย "วันนี้แม่จะไปฝากท้องแล้วนะคะ แม่จะได้เห็นหน้าหนูผ่านจออัลตราซาวด์ไหมเนี้ย" เพลงขิมถามลูกน้อยในท้องพลางใช้มือลูบท้องตัวเองไปด้วยความทะนุถนอม ทันทีที่เพลงขิมจัดการธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อย เธอจึงเดินออกมาจากบ้านและตรงไปยังรถยนต์ส่วนตัวที่จอดอยู่หน้าบ้าน ในระหว่างนั้นเพลงขิมก็แอบมองไปยังของก้องภพ ไม่รู้ว่าป่านนี้เขาจะตื่นหรือยังนะ แต่ดูจากความเงียบแล้วสงสัยจะยังไม่ตื่น พวกผู้ชายนี่เป็นเหมือนกันทุกคนเลยหรือเปล่า ชอบตื่นสายกัน เพลงขิมขับรถออกมาจากบ้านได้ไม่กี่นาทีก็ถึงโรงพยาบาลที่คุ้นเคย โชคดีมากที่บ้านใหม่ของเธอกับโรงพยาบาลนี้อยู่ไม่ไกลกันมากเท่าไหร่ ขับเข้าซอยนั้นออกซอยนี้ก็ทะลุถึงกันแล้วแบบนี้ไม่เหนื่อยเท่าไหร่ แต่ถ้าจากบ้านพ่อเธอมาที่โรงพยาบาลก็คงใช้เวลาไม่ต่ำกว่าชั่วโมงครึ่งแน่ ๆ เมื่อจอดรถเสร็จเรียบร้อย หญิงสาวใช้เวลาจัดระเบียบร่างกายไม่นานนัก เธอก็ลงมาจากรถแล้วเดินเข้าไปในตัวโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาเพลงขิมก็ทำเรื่องฝากครรภ์เสร็จ เธอเดินถือซองเอกสารและสมุดฝากครรภ์สีชมพูออกมาจากห้อง ก่อนจะเดินไปยังประตูทางออกแต่ดวงตาคู่กลมก็เหลือบไปเห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนดูเอกสารอะไรบางอย่างอยู่ และเมื่อเพลงขิมลองมองผู้ชายคนนั้นให้ชัด ๆอีกรอบ ก็พบว่าเป็นคุณก้องภพ เธอนั้นไม่รอช้ารีบก้าวเท้าเดินเข้าไปหาชายคนนั้นด้วยท่าทีแปลกใจ "สวัสดีค่ะคุณก้องภพ" เสียงทักทายจากเพลงขิมดังขึ้นทำเอาก้องภพที่กำลังยืนดูแฟ้มเอกสารถึงกับสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ "คุณขิม..." เขาเอ่ยชื่อหญิงสาวก่อนจะส่งยิ้มให้เธอ "คุณก้องภพเป็นหมออยู่ที่นี่เหรอคะ" เพลงขิมถามพลางกวาดตามองชุดกาวน์ที่ก้องภพสวมใส่อยู่ในตอนนี้ เธอเซอร์ไพส์มากที่ได้เห็นก้องภพในลุคนี้ แตกต่างจากคนเมื่อวานลิบลับเลยทีเดียว "คุณขิมมาทำอะไรที่นี่ครับ ไม่สบายเหรอ" แทนที่เขาจะตอบคำถามเพลงขิม แต่กลับเป็นฝ่ายถามคืนเสียเอง "ขิมมาฝากท้องค่ะ บังเอิญเห็นคุณก้องภพเลยแวะเข้ามาทักทาย ขิมเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าคุณก้องภพเป็นหมอ เซอร์ไพรส์มากเลยอะ" หญิงสาวพูดด้วยความรู้สึกตื่นเต้นไม่หาย "ผมเป็นหมออยู่ที่นี่มาหลายปีแล้วครับ" เขาตอบ "ขิมก็มาโรงพยาบาลนี้บ่อยนะ แต่ทำไมไม่เคยเห็นคุณหมอก้องภพเลยล่ะคะ" หญิงสาวเอ่ยปากถามด้วยรอยยิ้ม ก้องภพยกมือขึ้นเกาหัวตัวเองนิดหน่อย เพราะลังเลที่จะบอกถึงข้อมูลการทำงานของเขา ชายหนุ่มยืนคิดอยู่พักหนึ่งก็ตัดสินใจได้ "เอาจริง ๆ ไม่ค่อยมีใครอยากเจอหมอแบบผมหรอกครับ" "หื้อ~ทำไมเหรอคะ" เพลงขิมขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัยอย่างหนัก "ผมเป็นหมอจิตเวชนี่ครับ" ทันทีที่ได้ยินคำตอบจากก้องภพ สีหน้าของเพลงขิมก็เปลี่ยนไป จากรอยยิ้มที่เคยมีอยู่เต็มใบหน้ากลับกลายเป็นความเฉยชาเข้ามาแทนที่ เธอค่อยๆซ่อนแขนทั้งสองข้างไปที่ข้างหลัง ก่อนจะยกยิ้มให้อีกฝ่ายเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่มันก็สายเกินกว่าที่เธอจะปิดบังได้ "ตามผมมานะ เดี๋ยวผมทำแผลให้" พูดจบ ก้องภพก็เดินนำหน้าเพลงขิมไปในทันที ด้านเพลงขิมที่ตอนนี้กำลังสองจิตสองใจว่าเดินตามไปดีไหม ก็ตัดสินใจเดินตามเขาไปติด ๆ "มานั่งตรงนี้ครับ ผมจะทำความสะอาดแผลให้" ก้องภพเอ่ยบอกหญิงสาวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ มือทั้งสองข้างก็กำลังวุ่นอยู่กับการจัดเครื่องทำแผล เพลงขิมเห็นดังนั้นจึงยอมนั่งลงบนเก้าอี้ตรงหน้า สายตาคู่กลมก็จ้องมองไปยังก้องภพด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย "คุณเข้าใจขิมใช่ไหมคะ" "..........." "ขิมไม่ทำแล้วค่ะ ขอตัวนะคะ" หญิงสาวชักแขนตัวเองกลับ ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าสะพายและสมุดฝากครรภ์เตรียมตัวที่จะลุก แต่ก็โดนก้องภพคว้าต้นแขนไว้ก่อน "แผลที่ข้อมือของคุณลึกมากเลยนะ เดี๋ยวผมทำแผลให้ก่อน เรื่องอื่นเราค่อยคุยกัน" เมื่อได้ยินดังนั้นเพลงขิมจึงยอมวางกระเป๋าไว้ที่เดิม พร้อม ๆ กับวางแขนไว้บนโต๊ะเพื่อให้ชายหนุ่มทำความสะอาดแผลให้ "ทำไมถึงไม่ตอบขิม" "ผมอยากกลับไปตอบคุณที่บ้าน" เขาเอ่ยขึ้น พลางใช้มือคว้าผ้าปิดแผลมาวางไว้บนรอยกรีดที่แขน ก่อนจะใช้เทปใสปิดทับผ้านั้นไว้อีกที "เดี๋ยวผมจัดยาแก้ปวดให้นะ ดูจากรอยแล้วคงระบมหนักมากแน่ ๆ ว่าจบก้องภพก็หันไปยุ่งกับคอมพิวเตอร์ของเขา ปล่อยให้เพลงขิมนั่งอยู่ตรงนั้นโดยไม่มีการสนทนาใด ๆ เกิดขึ้นอีก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม