เช้าของอีกวัน พะแพงตื่นขึ้นมาในเวลาเดิม วันนี้วางแพลนจะไปหางานต่อก่อนจะเข้าร้านเนื่องจากเมื่อวานเวลาไม่พอ และลืมไปซะสนิทเธอได้ส่งข้อความไปหาแม็กเมื่อคืน เกี่ยวกับเรื่องงานที่คุยค้างกันไว้ พอเห็นแจ้งเตือนบนหน้าจอถึงกับเอามือปิดปาก ย้อนอ่านข้อความที่ตัวเองส่ง จนกระทั่งมาถึงข้อความล่าสุดของอีกฝ่ายที่ถูกส่งทิ้งเอาไว้เมื่อตอนตีสาม เป็นเวลาหลังเลิกงานของเขา
แม็ก (เพื่อนมัธยม) : แน่ใจนะ
ริมฝีปากบางหยักเม้มเข้าหากันแน่น มาถึงตรงนี้กลับรู้สึกลังเลขึ้นมาซะดื้อๆ ทว่าพอหันไปเห็นบิลค่าอะไรต่อมิอะไรต่างๆที่ทับกันอยู่บนหัวเตียง จึงถอนลมหายใจออกมาทันที พลันพิมพ์กลับไปหาแม็ก
PP : อื้ม แน่ใจจ้า
น่าแปลกที่อีกฝ่ายตอบกลับมาทันควันราวกับรอกันอยู่ และเมื่ออ่านจบคนตัวเล็กก็พาร่างอันหนักอึ้งของตัวเองเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ
แม็ก (เพื่อนมัธยม) : โอเค วันนี้แม็กหยุด ออกมาเจอกันไหม แม็กจะได้นัดพี่ๆออกมาด้วย ได้ข่าวว่าอีกไม่กี่วันนี้จะมีงานแข่ง ขาดคนอยู่พอดี
PP : กี่โมงอ่า ขอแพงอาบน้ำแปปนะ พอดีเพิ่งตื่น แม็กส่งโลพร้อมเวลาทิ้งไว้ได้เลย
แม็ก (เพื่อนมัธยม) : ครับ
ร่างสูงชุดสูทสีกรมในคราบนักธุรกิจยืนมองโมเดลโครงการหมื่นล้านของตัวเองด้วยสายตาที่ว่างเปล่า ในหัวของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยแผนการมากมายไปเสียหมด ซึ่งค่อนข้างจะเป็นความลับ คล้ายกลยุทธ์ที่ไม่สามารถเปิดเผยได้แม้ในที่ประชุม เนื่องจากช่วงนี้มีข่าวคราวจากวงในว่าในบริษัทของเขามีหนอน หากให้เดาไม่ใช่ลูกพี่ลูกน้อง ก็คงจะเป็นญาติฝั่งพ่อคนใดคนหนึ่ง ที่ต้องการจะโค่นล้มเบญจารัญกรุ๊ปให้พังลง เพื่อผลักดันโครงการห่วยๆของตัวเอง เป็นคู่ต่อสู้ที่ใช้ต้นทุนต่ำกว่า มีคุณภาพไม่เทียบเท่า สาเหตุเพราะหัวโขนขององค์กรติดการพนันงอมแงม เงินทุนหมุนเวียนจึงไม่มั่นคง แต่ฉลาดแกมโกงเป็นที่สุดจนเขาไม่สามารถประมาทได้
การนิ่งเฉยราวกับคนไม่รู้ร้อนรู้หนาวอย่างเช่นเขาทำอยู่ตอนนี้ อาจทำให้ฝั่งนั้นลำพองใจคิดว่าเขาจับไม่ได้ไล่ไม่ทันอยู่ไม่น้อย ทว่าหารู้ไม่นี่แหละคือสิ่งที่น่ากลัวที่สุด เพราะคนอย่างอาคีรา เมื่อล็อคเป้าใครไว้นั้น จะเปรียบเสมือนคลื่นใต้น้ำที่พร้อมจะก่อตัวเป็นเกลียว สาดซัดเข้ามาชายฝั่งได้ทุกเมื่อ ที่ยังคงสงบ เขาแค่รอเวลาให้ตายใจก็เท่านั้น คล้ายกับสิ่งมีชีวิตบนหาดทรายสีสวย กว่าจะรู้ตัวว่าเปลือกโลกได้ขยับเกิดเป็นอาฟเตอร์ช็อก ก็หนีไม่ทันซะแล้ว
“นายครับ คุณเหนือเมฆโทรมาครับนาย”
*ปุณ ลูกน้องคนสนิทเดินเข้ามาก้มศีรษะพลางยื่นโทรศัพท์ของตัวเองให้ เรียกสติของเขากลับมาได้ทันท่วงที ไม่เช่นนั้นสายตาที่กำลังจ้องมองโมเดลแต่ในหัวคิดเรื่องอื่นอยู่ อาจเลยไปไกลมากกว่านี้ ถึงขั้นกู่ไม่กลับ เผลอๆโมเดลตรงหน้าเสี่ยงถูกพังจนแตกกระจายด้วยอารมณ์ขึ้นๆลงๆของเขา ไม่สนว่ายืนอยู่ที่แห่งใด อย่างที่เคยทำแต่ไม่ประจำ ขึ้นอยู่ที่ว่าความโกรธตอนนั้น เขาควบคุมได้มากแค่ไหน
เขารับมันมาพลางเอ่ยเสียงห้วน
“มีอะไร”
(โทรไปไม่รับเลยนะท่าน Developer โทรศัพท์คุณมึงอยู่ไหนครับ)
“ปิดเสียง เพิ่งออกจากห้องประชุมเมื่อกี้”
(เอาดีๆ งานยุ่งหรือลืมเพื่อน วันนี้วันเกิดลิสานะ)
“แล้วไง?”
(ไอ้คี ใจคอมึงจะไม่ออกมาเจอเพื่อนบ้างหรอวะ หรือจะเลิกคบ? นี่มันวันเกิดเพื่อนนะโว้ยนานทีปีครั้ง)
เขาเงียบไปพักหนึ่ง ราวกับกำลังนึกควรจะไปดีไหม เพราะช่วงนี้งานรัดตัวจริงๆ ไม่มีเวลาแม้แต่จะกลับคอนโดไปนอน เขาทำงานดึกซะจนเพลียและนอนค้างที่ห้องตัวอย่างมาหลายคืนแล้ว บ้านใหญ่ที่มีพ่อแม่เขาอยู่ก็แทบไม่ได้กลับเลย หากนับเวลาเจอกันครั้งสุดท้ายก็คงเป็นเดือนที่แล้ว งานครบรอบวันตายของปู่เขา ประธานบริษัทคนเก่าที่จากไปกะทันหันด้วยโรคเส้นเลือดในสมองแตกเมื่อสามปีก่อน กลายเป็นเขาต้องมารับช่วงต่อ ทั้งที่ยังไม่พร้อม และอายุยังน้อย นั่นเพราะปู่ของเขาเชื่อใจเขาที่สุด เชื่อใจมากกว่าลูกชายของตัวเองที่มีฐานะเป็นพ่อของเขาซะอีก ซึ่งไม่แปลกเลยหากจะมีคนไม่พอใจพาลไม่ชอบเขา อาทิเช่นลูกพี่ลูกน้องในตระกูลที่มีศักดิ์เป็นหลานเช่นกัน
“จัดที่ไหน”
(อ๊า ถามแบบนี้ มึงไปใช่ไหม)
“ถ้ามึงพูดมากกูจะเปลี่ยนใจเดี๋ยวนี้เลย”
( โหไอ้เวร ติสท์สัส ยังไม่ทันได้พูดอะไร ... ไม่รู้ว่ะ สาให้กูโทรมาถามมึงเนี่ย มึงก็รู้สาเพิ่งกลับมาจากฝรั่งเศส แทบไม่มีที่ไหนรู้จัก คอนโดมึงดีไหม?)
“ไม่คิดจะเปลี่ยนบรรยากาศ?”
(ถ้างั้นที่ไหน...)
อยู่ๆสมองของเขาก็ผุดไปนึกถึงใครคนหนึ่ง เจ้าของใบหน้าสวยหวาน ดวงตากลมโต ภาพนั้นถูกฉายซ้ำในหัวของเขาอีกครั้ง เขาจำตอนที่เธอมองเขาได้แม่น ดวงตาไม่กะพริบนั้นช่างมีเสน่ห์ซะจนอยากจะครอบครอง
“กูมีที่นึง”
(ที่ไหนว่ามาเลย ต้องจองรึเปล่า)
ริมฝีปากหยักยกขึ้นเล็กน้อยให้กับคำถามนั้น ดวงตาคมกริบฉายความเจ้าเล่ห์ออกมาอย่างชัดเจน จนคนที่มองอยู่อย่างปุณยังขนลุก
“ไม่ต้อง กูอยากเซอร์ไพรส์เจ้าของร้าน”
ในเวลาบ่ายโมงด้านของคนตัวเล็ก เธอเดินเลาะฟุตบาทมายังร้านที่แม็กปักหมุดไว้ตอนเธอไปอาบน้ำ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่ทำงาน ขี่รถเลยไปอีกสองซอยก็ถึง การกระทำนี้ของเขาทำให้เห็นได้ว่าเขาเป็นคนรอบคอบแค่ไหน ซึ่งแน่นอนการใส่ใจเล็กๆทำให้พะแพงหัวใจพองโตไม่น้อย
เดินเข้ามาในร้านเธอก็เห็นเพื่อนนั่งหันหลังอยู่ ตรงหน้าเพื่อนคือผู้ชายอีกคนที่เธอไม่รู้จัก และเดาว่ากำลังดูบางอย่างในโทรศัพท์เสียงลอดลำโพงออกมาคล้ายบอลย้อนหลัง เพราะมีการประกาศชื่อทีมที่เธอรู้จักด้วย
“แม็ก” เธอโน้มตัวลงไปกระซิบชื่อเพื่อน พลันไม่ลืมเงยหน้าขึ้นไปยิ้มทักทายอีกคน “สวัสดีค่ะ”
“อ่าวแพงมาแล้วเหรอ”
คนตัวเล็กคงไม่รู้ว่าจังหวะโน้มตัวลงไปน้ำหอมจางๆที่กลิ่นของมันหวานเหมือนหน้าของเธอโชยมาแตะจมูก จังหวะแม็กสะดุ้งเผลอสูดดมเข้าไปพอดี และนั่นทำเขาเสียอาการไม่น้อย
“อื้ม..รอนานไหม”
“ไม่เลย พวกเราก็เพิ่งมาถึงเหมือนกัน นั่งสิ”
คนตัวสูงลุกขึ้นไปดึงเก้าอี้ให้ หญิงสาวพยักหน้าแทนคำขอบคุณ
“น้องแพงเหรอ”
เสียงของอีกคนเรียกให้เธอหันไปมอง ก่อนพยักหน้าลงอีกครั้ง พร้อมกับรอยยิ้มที่ยังคงเปื้อนหน้าอยู่ นั่นทำให้ผู้ชายทั้งคู่หันมองกันเอง และพยายามควบคุมเสียงในหัวไม่ให้หลุดลอดออกมา
“แพงนี่พี่เพลิงนักแข่งรถ ส่วนพี่เพลิงนี่แพง คนที่ผมเล่าให้ฟัง”
“สวัสดีอีกครั้งนะคะพี่เพลิง”
ประจวบเหมาะกับอีกคนเดินกลับมาจากห้องน้ำพอดี พะแพงที่นั่งหันหลังจึงหันไปมองตามพวกเขา เห็นเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆที่ถัดไปทางสาวหมวย เดินยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตรมาแต่ไกล
“มาแล้วๆ”
“แพงนี่พี่หลิน แฟนพี่เพลิง”
ทันทีที่แม็กแนะนำเธอก็ยิ้มกว้างอีกครั้ง เป็นรอยยิ้มที่หวานกว่าตอนยิ้มให้พวกหนุ่มๆ เนื่องจากผู้หญิงด้วยกันเธอจึงไม่ประหม่า ทว่ากลับต้องมาสะดุ้งเปลี่ยนเป็นยิ้มเจื่อนก็ตอนหล่อนทักทาย
“ให้ตายเถอะลูกสาว ทำไมหนูน่ารักอย่างนี้คะลูก...”