ตอนที่ 3 พ่อคือทุกอย่างของเม็ดทราย

1720 คำ
ตอนที่ 3 พ่อคือทุกอย่างของเม็ดทราย “อะ...อะไรนะ?” เม็ดทรายเผลอหลุดถามเสียงดังออกมาด้วยความตกใจ มือเรียวสวยกำแน่นพร้อมกับเปลือกตาที่ร้อนผ่าวคล้ายมีก้อนน้ำเอ่อคลอหน่วย “ถ้าไม่ทำก็รีบไสหัวกลับไปซะ ฉันไม่มีเวลามานั่งคุยไร้สาระกับเด็กเมื่อวานซืนอย่างเธอหรอกนะ” แอลฟ่าเอ่ยพร้อมกับจะเดินออกจากห้องทำงาน หมับ!! “เดี๋ยวค่ะ” มือเล็กเอื้อมไปรั้งแขนแกร่งของชายแปลกหน้าเอาไว้ก่อนที่เธอถูกสายตาคมมองค้อนกลับ ทำเอาเธอรีบชักมือกลับทันที “คะ... คุณจะปล่อยพ่อฉันไปจริง ๆ ใช่ไหม?” เม็ดทรายเอ่ยถามออกไปเสียงสั่นเต็มไปด้วยความลังเลพลางเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น ตอนนี้เธอเพียงเป็นห่วงพ่อ เพราะหากท่านยังถูกขังเอาไว้แบบนั้น เธอจะต้องเสียท่านไปแน่ ๆ ซึ่งแน่นอนว่าเธอยอมให้เป็นแบบนั้นไม่ได้ รอยยิ้มร้ายผุดขึ้นบาง ๆ บนมุมปากหยัก นัยน์ตาสีเทาเข้มมีประกายวาบผ่าน “แน่นอน คนอย่างฉันไม่ผิดคำพูด ถ้าเธอตกลงยอมใช้หนี้ทั้งหมดแทนพ่อของเธอ!” มือหนาจับปลายคางเม็ดทรายบังคับให้เธอเงยขึ้น “ฮะ... เฮือก” เม็ดทรายสะดุ้งเล็กน้อย เนื้อตัวเกร็งสั่นด้วยความกลัว แต่ก็ไม่ได้ขยับหนีแต่อย่างใด “ว่ายังไงล่ะ?” สายตาชายหนุ่มจดจ่ออยู่ที่ริมฝีปากอิ่มสวยตรงหน้า พลางลอบกลืนน้ำลายลงคอ พร้อมกับเอ่ยถามเธอเสียงเข้มอีกครั้ง ของพ่อเธอ หลากหลายความรู้สึกในใจทำให้เธอรู้สึกลังเล “ฉะ... ฉัน” ด้วยความกดดันภายในใจ เบ้าตาสีอ่อนกลับมาร้อนผ่าวอีกครั้ง น้ำสีใสเอ่อคลอรอบหน่วยก่อนจะไหลลงมาอาบแก้มเนียนขาวนั้น เม็ดทรายสูดลมหายใจเข้าลึกพลางหลับตาลงแน่นครั้งหนึ่ง ก่อนจะลืมตามองสบคนตรงหน้า “ค่ะ... ฉันยอม ฉันจะทำเองค่ะ ฉันจะใช้หนี้แทนพ่อทั้งหมด” เม็ดทรายปล่อยน้ำตาออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ตอบกลับแอลฟ่าด้วยน้ำเสียงหนักแน่น อย่างน้อย ๆ มันก็ทำให้พ่อยังได้อยู่กับเธอ มีเพียงพ่อคนเดียวเท่านั้นที่รักและดูแลเธอมาจนทุกวันนี้ พ่อเป็นทุกอย่างสำหรับเธอ และหากไม่มีพ่อแล้ว เธอเองก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไมเหมือนกัน แอลฟ่ายกยิ้มอย่างพอใจเมื่อได้ยินคำตอบของเม็ดทราย ก่อนจะออกแรงผลักใบหน้าสวยให้ออกห่างเบา ๆ พาให้ร่างบางล้มพับลงไปนั่งกับพื้น เพราะขาไร้เรี่ยวแรงตั้งแต่ได้ยินข้อเสนอนั้นของแอลฟ่าแล้ว แอลฟ่าหันไปพยักหน้าให้ลูกน้องที่ยืนอยู่ เพียงเท่านั้นชายในชุดสูทสีดำก็รู้ว่าเจ้านายต้องการอะไร เร่งค้อมตัวให้แอลฟ่าหนึ่งครั้งแล้วเดินออกไปจากห้อง ทำให้ตอนนี้ภายในห้องทำงานเหลือเพียงแค่เขากับเม็ดทรายอีกครั้ง “ถ้าเสร็จธุระแล้วก็ออกไปซะ อย่ามานั่งบีบน้ำตาปั้นหน้าให้ดูน่าสงสารอยู่ในห้องของฉัน” หวังว่าเธอจะทำได้อย่างปากพูดนะ เพราะถ้าเธอผิดคำพูด ฉันจะส่งทั้งเธอและพ่อของเธอลงนรกไปด้วยกันแทน” “...” เม็ดทรายเงยหน้ามองคนใจร้ายทั้งน้ำตา พยายามใช้มือเล็กปาดเช็ดน้ำตาที่ไหลไม่ขาดสายออก “อ้อ แล้วอย่าลืมไปตรวจร่างกายและฝังยาคุมให้เรียบร้อยล่ะ อย่าให้ความโง่ของเธอมาสร้างปัญหาให้กับผับของฉัน อีกเจ็ดวันจะมีคนไปรับเธอที่บ้าน” “...” “ฉันขอเตือนเธอเอาไว้ก่อนนะ อย่าทำอะไรโง่ ๆ อย่างการคิดจะหนี เพราะเธอไม่มีวันหนีฉันพ้น” ร่างสูงพ่นควันบุหรี่ร้อนออกมา และย้ำเสียงหนักช่วงท้าย เพราะมันไม่ใช่การบอกกล่าวแต่เป็นคำเตือน เพราะเห็นมานักต่อนัก การรับปากว่าจะทำอย่างนั้นอย่างนี้ มันก็เป็นแค่ลูกไม้ตื้น ๆ ที่พวกลูกหนี้คิดเอามาใช้ เพราะคิดว่าจะหนีเจ้าหนี้พ้น แน่นอนว่าแอลฟ่าเจอมาหมดทุกรูปแบบ “ค่ะ ฉันไม่หนีแน่ ๆ” เม็ดทรายเอ่ยตอบสั้นๆ ไม่นานก็มีลูกน้องอีกคนเดินเข้ามาภายในห้อง และเดินนำเม็ดทรายไปส่งที่ด้านหลังของร้าน ทันทีที่มาถึงก็ต้องเบิกตากว้างกับภาพตรงหน้า เมื่อเห็นลูกน้องสองคนหิ้วปีกผู้เป็นพ่อที่อยู่ในสภาพอ่อนแรงโยนไปกับพื้นหินหลังร้านไม่ออมแรง “พะ...พ่อ!!!” เม็ดทรายรีบวิ่งเข้าไปพยุงตัวท่านในทันที “ทำไมพวกเขาถึงทำกับพ่อขนาดนี้ด้วย? ฮึก ทำไมพวกเขาไม่มีความเป็นมนุษย์เลย” เสียงสะอื้นไห้ของหญิงสาวดังขึ้นมาอีกครั้ง “พ่อไม่เป็นไร เม็ดทราย... พ่อไม่เป็นไรลูก” อนันต์ยิ้มทั้งน้ำตาเมื่อได้มีโอกาสเห็นหน้าลูกสาวของตัวเองอีกครั้ง ตลอดหลายวันที่ผ่านมายังนึกรู้สึกผิดและเป็นห่วงเม็ดทรายไม่หาย เพราะรู้ว่าแอลฟ่าจะส่งคนไปทำอะไรกับเม็ดทรายบ้าง เช้าวันต่อมา ณ โรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่ง “หมอเรียกแล้วค่ะพ่อ” เม็ดทรายรีบพยุงแขนพ่อเดินเข้าไปในห้องตรวจหมายเลขสิบเก้าตามที่เจ้าหน้าที่ประกาศแจ้งทันที ซึ่งเมื่อเปิดประตูเข้าไป ก็มีคุณหมอท่านหนึ่งนั่งรออยู่ คุณหมอกวาดสายตาอ่านแผ่นกระดาษรายงานการตรวจตรงหน้า ก่อนจะหันไปเปิดจอคอมเผยภาพที่ได้จากการเอกซเรย์ปอดและฉายแสงจากเครื่องรังสี “จากที่เอกซเรย์ดูตอนนี้เชื้อมะเร็งลุกลามขึ้นจากก่อนหน้านี้เยอะมากเลยนะครับ” สีหน้าของเม็ดทรายเต็มไปด้วยความกังวล ริมฝีปากเม้มแน่นเพราะรู้สึกกลัว “แล้วเรายังมีทางรักษาไหมคะหมอ” เม็ดทรายจับมือของพ่อแน่นในขณะเอ่ยถาม หัวใจเต้นรัวรอลุ้นคำตอบจากคุณหมอ “ทางรักษายังมีอยู่ครับ หลังจากนี้คนไข้จะต้องเข้ารับคีโม เพื่อหยุดการเติบโตของเชื้อมะเร็ง และจะต้องแอดมิตอยู่ที่โรงพยาบาลจนกว่าอาการโดยรวมจะดีขึ้นครับ” “ตกลงค่ะคุณหมอ” เม็ดทรายตอบกลับคุณหมออย่างไม่ลังเล “แต่พ่อไม่รักษาหรอกเม็ดทราย ค่าใช้จ่ายต้องสูงเกินไป...เราไม่มีเงิน” อนันต์หันไปบอกลูกสาว ค่าใช้จ่ายในการรักษาแม้จะเป็นโรงพยาบาลรัฐก็ยังสูงอยู่ดี ไหนจะยังต้องหาเงินใช้หนี้อีก “พ่อไม่เห็นต้องห่วงเรื่องนั้นเลย อย่าลืมสิเรามีประกันสังคมนะ พ่อต้องรักษาและอยู่กับเม็ดทรายไปนาน ๆ นะคะ นะคะพ่อ” “ถ้าพ่อรักษาตัว แล้วใครจะไปทำงานหาเงินมาจ่ายหนี้ล่ะ ไหนจะค่าเทอมมหา’ ลัยของหนูอีก” อนันต์ส่ายหน้าให้กับลูกสาว และยังคงยืนกรานที่จะไม่รักษา “คุณลุงรักษาเถอะครับ ถึงคุณลุงออกไปทำงานตอนนี้ก็ทำได้ไม่นานหรอก เพราะมะเร็งมันลุกลามไปเยอะแล้ว หมอว่ารักษาให้หายดีก่อน แล้วค่อยออกไปทำงานไม่ดีกว่าเหรอครับ” คุณหมอช่วยโน้มน้าวคนไข้ตรงหน้าอีกแรง แม้จะไม่ได้อยากรับรู้เรื่องราวในครอบครัวคนอื่น แต่ก็ไม่อาจปล่อยคนไข้ออกไปแบบนี้ได้ทั้งที่ยังมีทางรักษาอยู่ “ประกันสังคม หากเรารักษาตัวเขาจะมีเงินชดเชยที่เราไม่ได้ทำงานให้ส่วนหนึ่งด้วยนะครับ คุณลุงไม่ต้องกังวลนะครับ” เม็ดทรายคลี่ยิ้มหันไปขอบคุณคุณหมอซ้ำ ๆ “แต่ลูกสาวของผม...” อนันต์หันมามองเม็ดทรายทั้งน้ำตา ทั้งหมดมันเป็นเพราะความโลภและความคิดน้อยของเขา ก่อนหน้านี้เพราะเคยเข้าไปเล่นพนันบอลแล้วก็ชนะ ได้เงินมาก้อนหนึ่ง เงินก้อนนั้นมากพอที่จะส่งเสียเม็ดทรายจนเรียนจบมัธยม และยังมีเหลือมาซื้อบ้านหลังเล็ก ๆ อยู่ด้วยกัน ตอนนั้นทุกอย่างดูดีไปหมด เมื่อเงินที่ได้มาเริ่มหมด อนันต์จึงคิดกลับเข้าไปเล่นใหม่อีกครั้ง เพราะคิดว่ายังไงเขาก็จะได้เงินมาใช้ ทว่าคราวนี้เขากลับไม่ได้โชคดีเหมือนคราวก่อน เสียครั้งหนึ่งแล้วก็คิดเข้าข้างตัวเองว่าอาจจะยังพอมีหวัง แทนที่จะหยุดอนันต์กลับไปขอกู้เงินมาลงเล่น และเริ่มกู้มากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะหวังว่าจะชนะพนัน เอาเงินที่ได้มาเป็นค่าเทอมเรียนต่อมหา’ ลัยให้กับลูกสาว กว่าที่อนันต์จะรู้ตัวว่าเขาก้าวขาพลาดไปแล้ว ก็ตอนที่เขามีหนี้ก้อนโตจนต้องเอาบ้านไปจำนอง เอารถไปจำนำแลกเศษเงินมาใช้หนี้ไปวัน ๆ กระนั้นมันก็ยังไม่มากพอ เม็ดทรายรู้เรื่องทั้งหมดก็ต้องมีหมายศาลมาแปะอยู่ที่หน้าบ้าน ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่เคยนึกโกรธพ่อเลย เพราะเธอรู้ดีว่า ทุกอย่างที่ท่านทำไปมันเป็นเพราะท่านกำลังทำเพื่ออนาคตของเธอ แม้ว่าทางที่ท่านเลือกเดินมันจะเป็นทางที่ผิด และเม็ดทรายก็คิดแค่ว่า การซ้ำเติมกันมันไม่ใช่ทางแก้ปัญหา “พ่อ...รักษาตัวก่อนเถอะนะ เรื่องเรียนมหา’ ลัยหนูตั้งใจจะหยุดไว้ก่อนอยู่แล้ว ตอนนี้หนูอยากให้พ่อรักษาตัวให้หายก่อน ส่วนเรื่องหนี้ หนูคุยกับเจ้าหนี้แล้ว เขายอมให้เราทยอยผ่อนจ่ายเขาไปก่อนค่ะ เพราะงั้นพ่อไม่ต้องกังวลนะคะ หนูจะหางานทำ และทยอยจ่ายหนี้เขาเอง” เม็ดทรายกล่อมผู้เป็นพ่ออีกครั้ง “คนอย่างเขาเนี่ยนะ...ที่ใจดียอมให้ลูกผ่อนจ่ายหนี้เขา” อนันต์ถามย้ำอีกครั้ง เขาไม่เชื่อที่เม็ดทรายพูดสักนิด ด้วยรู้ดีว่ามาเฟียอย่างแอลฟ่าโหดร้ายแค่ไหน และหากคนอย่างแอลฟ่ายอมให้ผ่อนจ่ายหนี้จริง ๆ เขาก็คงไม่อยู่ในสภาพที่เนื้อตัวมีแต่รอยฟกช้ำแบบนี้หรอก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม