เสียงเพลงจังหวะเร้าใจดังกระหึ่มไปทั่ว น้ำหอมดูจะตื่นเต้นสุด ๆ ตั้งแต่ก้าวเข้ามา ขณะที่เซริได้แต่ถอนหายใจเบา ๆ แม้จะเคยมาแต่เธอไม่เคยรู้สึกอินหรือหลงใหลในบรรยากาศแบบนี้เลยสักนิด
“เซ ไปหาที่นั่งกัน”
“อื้ม”
น้ำหอมพาเซริไปนั่งที่โต๊ะว่าง เซริกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ผับที่เต็มไปด้วยผู้คน บ้างกำลังเต้น บ้างก็ดื่ม และบ้างก็นั่งพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน บรรยากาศแบบนี้มันไม่ใช่แบบที่เธอชอบ
“เซ ดื่มอะไร” น้ำหอมเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง
“ขอน้ำเปล่าก็พอ”
“ไม่เอาอะ เซมาเที่ยวทั้งทีต้องลองอะไรใหม่ ๆ บ้าง”
“ไม่เอาแอลกอฮอล์นะ”
“โหยยย นิดเดียวเอง เดี๋ยวหอมเลือกให้” ไม่ทันให้เธอปฏิเสธ น้ำหอมก็หันไปสั่งเครื่องดื่มกับพนักงาน เซริได้แต่มองเพื่อนอย่างปลง ๆ ไม่นานแก้วเหล้าก็ถูกยื่นมาตรงหน้า น้ำหอมเองก็เริ่มโยกตัวไปตามจังหวะเพลงด้วยความสนุกสนาน พลางชวนเธอไปเต้น
“เซไปเต้นกัน”
“ไม่อ่ะ หอมไปเถอะ”
“โอเค ห้ามหนีไปไหนนะ”
“จ้า”
น้ำหอมกำชับก่อนจะเดินไปยังฟลอร์หน้าเวทีด้วยท่าทางสนุกสุดเหวี่ยงทิ้งให้เซรินั่งอยู่คนเดียวที่โต๊ะ เธอนั่งมองเพื่อนสนุกไปกับจังหวะดนตรี พลางยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบแล้วกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แต่แล้วก็รู้สึกเหมือนมีสายตาคู่หนึ่งมองอยู่ เธอเงยหน้าขึ้นมองโดยสัญชาตญาณ แล้วก็ต้องชะงัก อรัล
เขานั่งอยู่โซน VVIP บนชั้นสอง หัวใจของเซริกระตุกวูบเมื่อเห็นเขา แม้แสงไฟในผับจะสลัวแต่เธอสามารถรับรู้ได้ทันทีว่าเขากำลังมองเธออยู่
เซริเบือนหน้าหนี เธอไม่ได้อยากมีปัญหากับผู้ชายคนนั้น เธอรู้สึกได้ว่าทุกครั้งที่เจอเขามักมองเธอด้วยสายตาแปลก ๆ แต่เธอไม่รู้ว่ามันคืออะไร
“สวัสดีครับ”
เสียงเรียกจากด้านหลังทำเซริสะดุ้งเล็กน้อยก่อนหันไปมองชายแปลกหน้าที่เดินเข้ามาทักทาย เขาทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามเธอโดยไม่รอคำเชิญ
“เอ่อ... สวัสดีค่ะ”
“มาคนเดียวเหรอ”
“เปล่าค่ะ ฉันมากับเพื่อน”
“ครับ งั้นผมนั่งด้วยคนได้ไหมครับ” เซรินิ่งไปเล็กน้อยรู้สึกไม่คุ้นชินกับสถานการณ์นี้เลย
“ไม่ต้องกลัวครับ ผมเห็นคุณนั่งคนเดียว กลัวจะเหงาเลยอยากมานั่งคุยเป็นเพื่อน”
“ค่ะ” เธอพยักหน้าตอบรับไปอย่างเสียไม่ได้
“ผมพอลครับ คุณ??”
“เซริค่ะ”
“งั้น ดื่มหมดแก้วเพื่อมิตรภาพ” พอลยกแก้วของตัวเองขึ้นมาชนกับแก้วของเธอ และก่อนที่เซริจะทันตั้งตัวเขาก็เอื้อมมือมาดันก้นแก้วของเธอเบา ๆ เป็นเชิงบังคับให้เธอดื่มมันจนหมด เธอขมวดคิ้วรู้สึกไม่ชอบใจนักแต่ก็ไม่อยากมีเรื่องจึงจำใจต้องดื่มจนหมดแก้ว
“เก่งครับ งั้นเดี๋ยวผมสั่งเครื่องดื่มให้นะครับ” เซริไม่ได้อยากได้เลยสักนิด แต่พอลก็เรียกพนักงานมาสั่งเครื่องดื่มให้โดยไม่ถามความเห็นเธอ
“ชนครับ”
เธอจำใจยกแก้วขึ้นจิบแล้ววางแก้วลงและครั้งนี้เขาไม่ได้บังคับให้เธอดื่มหมดแก้ว
“คุณเซริ ยังเรียนอยู่ใช่ไหมครับ”
“ค่ะ”
บรรยากาศชวนอึดอัด เธอได้แต่ภาวนาให้น้ำหอมกลับมาเร็ว ๆ แต่เหมือนโชคจะไม่เข้าข้างเธอเลย เพราะคนที่มาไม่ใช่น้ำหอมแต่เป็นอรัลที่เดินมายืนซ้อนอยู่ข้างหลังเธอ
“เซริ!!” เสียงทุ้มต่ำของอรัลดังขึ้นพร้อมกับมือจับเข้าที่ไหล่ของเธอเบา ๆ เซริสะดุ้งเฮือกหันไปมองเขาด้วยความตกใจ ขณะที่พอลที่ขมวดคิ้วมองเขาอย่างไม่พอใจ
“มึงเป็นใคร??” พอลถามเสียงแข็ง
“บอกแล้วไง ว่าให้ระวังตัว” อรัลไม่ตอบแต่ก้มลงสบตาเซริ ก่อนจะโน้มตัวลงมาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ ที่เป่าอยู่ข้างแก้มเธอ
เซริกำมือแน่นหัวใจเต้นแรงอย่างควบคุมไม่ได้ พอลมองสถานการณ์ตรงหน้าด้วยสีหน้าไม่พอใจ เขาวางแก้วลงบนโต๊ะเสียงดังแล้วหันไปจ้องอรัลด้วยความโมโห
“ขอโทษนะ ถ้าจะมาขัดจังหวะกันแบบนี้ มันไม่แฟร์เลยนะ”
อรัลยืดตัวขึ้นเต็มความสูง เขาไม่แม้แต่จะปรายตามองพอล แต่กลับใช้ปลายนิ้วเกี่ยวแก้วเครื่องดื่มของเซริที่ยังเหลืออยู่เลื่อนออกห่างจากตัวเธอ
“ไม่รู้หรือไงว่าห้ามดื่มของคนแปลกหน้า” เขาพูดเสียงเรียบ เซริเงยหน้าขึ้นมองเขาเพราะรู้สึกถึงแรงกดดันบางอย่างในน้ำเสียงและสายตาคู่นั้น
“หึ แล้วมึงเป็นอะไรกับเซริ” พอลหัวเราะในลำคออย่างไม่เชื่อสายตาอรัลหรี่ตาลงก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“คนที่เธอไว้ใจมากกว่ามึง” คำพูดของอรัลทำเอาเซริชะงักไปเธอหันไปมองเขาอย่างไม่เข้าใจ ขณะที่พอลดูจะหงุดหงิดขึ้นมาทันที
“ก็แค่คนไว้ใจ แล้วมึงมีสิทธิ์อะไรมาห้าม”
“หึ กูขอเตือน อย่ายุ่งกับคนของกูถ้ามึงยังอยากจะเดินออกไปจากที่นี่ในสภาพปกติ” อรัลหัวเราะในลำคอมองพอลด้วยสายตาดุดัน พอลชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างไม่ยี่หระ
“คนของมึง?? แน่ใจเหรอ??”
เซริอ้าปากค้าง หันไปมองอรัลด้วยแววตาตกใจไม่คิดว่าเขาจะพูดอะไรแบบนี้ออกมาต่อหน้าคนอื่น แต่อรัลไม่ได้สนใจสายตาของเธอแม้แต่น้อย เขาเพียงจ้องพอลนิ่ง ๆ แต่แรงกดดันมหาศาลแผ่ออกมาจากตัวเขา
พอลกำแก้วเหล้าแน่น อ้าปากเหมือนจะอยากเถียงอะไรสักอย่างแต่สุดท้ายก็พ่นลมหายใจออกมาแทน ก่อนจะยกมือขึ้นอย่างยอมแพ้
“โอเค ๆ กูไปก็ได้” เขาลุกขึ้นก่อนจะเหลือบตามองเซริเป็นครั้งสุดท้ายแล้วโน้มตัวเข้ามาใกล้เธอ
“ไว้เจอกันใหม่นะ เซริ” เธอขนลุกไปทั้งตัวเมื่อเห็นรอยยิ้มมีเลศนัยของพอลก่อนที่เขาจะเดินหายไปในความมืด
เซริยังไม่ทันตั้งตัวดี ก็รู้สึกถึงแรงกระตุกที่ข้อมือของเธอ อรัลคว้าข้อมือเธอไว้แน่นแล้วออกแรงดึงให้ลุกขึ้น
“เดี๋ยว!! นายจะพาฉันไปไหน ฉันรอเพื่อนอยู่”
“โทรบอกให้กลับเอง” อรัลพูดเสียงเข้ม
“ไม่ได้!! ฉันจะทิ้งเพื่อนไว้คนเดียวได้ยังไง” อรัลชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนจะกัดฟันแน่นเหมือนพยายามอดทนแล้วจึงหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกง
“ไอ้ภีม พาเพื่อนเซริไปส่งด้วย”
“เดี๋ยวนะ คุณรู้ได้ไงว่าเพื่อนฉันคนไหน” อรัลปรายตามองเธอ ไม่ตอบอะไร แต่กลับออกแรงกระตุกมือเธออีกครั้ง
“เดิน”
“เดี๋ยวสิ คุณจะพาฉันไปไหน!?”
“กลับ!!” เซริพยายามดึงมือออกแต่เธอไม่สามารถขัดขืนได้เลยเพราะความต่างของแรงของผู้หญิงกับผู้ชายทำให้เธอสู้เขาไม่ได้ จำใจต้องเดินตามเขาไปด้วยใบหน้าบึ้งตึงไม่พอใจ