“ไอ้ห่ารัล สาวเมื่อคืนเป็นไงวะ เด็ดไหม??” ภีมเดินเข้ามากอดคออรัลเอ่ยถามถึงเรื่องเมื่อคืนอย่างอยากรู้อยากเห็น หลังจากอรัลเดินออกจากห้องไปเพื่อน ๆ ที่เหลือก็ต่างพากันแยกย้าย
“งั้น ๆ ถามทำไม”
“ก็กูอยากรู้”
“ถามแต่กูว่าแต่มึงเถอะ เมื่อคืนได้ไปต่อกับแพรวไหม”
“ไปสิ ว่าแต่มึงเถอะไอ้เก้าได้ไปต่อกับดาวไหม”
“เสือก!!” เก้าหันมาด่าให้ภีมที่ชอบเสือกและอยากรู้ไปซะทุกเรื่อง
“ไอ้ห่าถามแค่นี้ก็ไม่ได้ แม่งหวงความลับฉิบหาย” ภีมหัวเราะพลางตบไหล่เก้าเบา ๆ
อรัลปัดมือภีมออกจากไหล่เขาไม่ได้สนใจคำถามของภีมนัก เพราะเมื่อคืนก็แค่คืนหนึ่งไม่มีอะไรพิเศษ
“ไอ้ห่า”
“หิวแล้วไปกินข้าวกัน” ภีมยกแขนขึ้นคล้องคอเก้าแล้วลากเพื่อนตรงไปยังโรงอาหาร โดยมีอรัลเดินตามพอมาถึงโรงอาหารภีมก็หยุดมอง
“แม่งคนเยอะฉิบหาย ไปกินหน้ามอแทนได้ไหมวะ”
“มาแล้วก็ไปเถอะ” อรัลพูดตัดบทแล้วเดินเข้าไปในโรงอาหาร ทันทีที่สามหนุ่มก้าวเข้ามาในโรงอาหารเสียงกรี๊ดกร๊าดกับเสียงซุบซิบของบรรดาสาว ๆ ก็ดังมาให้ได้ยิน
‘แก พวกพี่อรัลมา หล่อมากแม่’
‘จริง ยิ่งใกล้ยิ่งหล่อ คนอะไรจะหล่อขนาดนี้’
‘พี่ภีมกับพี่เก้าก็หล่อกร้าวใจมาก’
“มึงยังฮอตเหมือนเดิมเลยนะ ไอ้ห่ารัล”
“หึ ปกติ” อรัลกวาดสายตามองหาที่นั่งแต่ก็พบว่าเต็มทุกโต๊ะ ก่อนจะเห็นว่ายังมีโต๊ะหนึ่งยังเหลือที่ว่างพอที่จะให้พวกเขานั่งได้ เขาเดินตรงไปยังโต๊ะนั้นโดยไม่ลังเล
“ขอพวกฉันนั่งด้วยนะ พอดีโต๊ะมันเต็ม”
“ได้ค่ะ” พอเสียงตอบรับดังขึ้นพร้อมกับที่เธอเงยหน้าขึ้นมามอง อรัลก็หันไปสบตากับเจ้าของเสียง และทันทีที่เห็นว่าเป็นใคร ดวงตาของเขาก็วาววับขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว เป็นเธอ… ผู้หญิงคนนั้นที่ผมบังเอิญเส้นผมเธอติดกระดุมเสื้อเขาวันนั้น
เธอนั่งอยู่กับเพื่อนอีกคนที่ตอนนี้กำลังนั่งกินข้าวเงียบ ๆ แต่พอเห็นอรัลกับเพื่อนยืนอยู่สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ไม่ใช่แค่เซริที่ชะงัก น้ำหอมก็เหมือนจะตกใจเหมือนกันที่สามหนุ่มสุดฮอตของคณะบริหารมาขอนั่งร่วมโต๊ะด้วย
“เอ่อ… เชิญค่ะ” น้ำหอมพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้มแม้ในใจเธอตอนนี้อยากจะร้องกรี๊ดดังแค่ไหนก็ต้องเก็บอาการตื่นเต้นดีใจไว้ภายในอย่างสุดฤทธิ์
อรัลกับเพื่อนกลับมานั่งลงโดยไม่พูดอะไร เขาแค่เหลือบมองเซริแวบหนึ่ง ก่อนจะหยิบช้อนขึ้นมากินข้าวอย่างไม่ใส่ใจ เซริเองก็รู้สึกแปลก ๆ กับหัวใจเธอที่เต้นแรงขึ้นโดยไม่รู้สาเหตุ
“เซริ แกจะรีบกินไปไหน” น้ำหอมแอบกระซิบเบา ๆ
“เปล่า” เธอรีบปฏิเสธพร้อมก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อ
ภีมที่นั่งข้างอรัลเหลือบมองเซริกับอรัลสลับกันก่อนจะเผยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา เขาจำได้ผู้หญิงคนนี้ได้ เพราะเธอน่ารักสะดุดตาเขาตั้งแต่วันนั้นแล้ว
“พวกเธอเรียนคณะไหนเหรอ” ที่ถามเพราะโรงอาหารนี้เป็นโรงอาหารรวมจึงทำให้มีนักศึกษามากมายหลายคณะมารวมกัน
“บริหารค่ะ”
“อยู่ปีไหนแล้ว”
“ปีสอง”
“อยู่ปีสองแต่ทำไมพวกพี่ถึงไม่เคยเห็นพวกเธอเลยละ” น้ำหอมชะงักไปเล็กน้อยกับคำถามของภีมเลยหันไปมองสบตาเซริอย่างต้องการความช่วยเหลือ เพราะเธอไม่รู้จะตอบคำถามของเขายังไงดี
“พวกเราก็ไม่ค่อยเห็นพวกพี่เหมือนกัน ก็คงเหตุผลเดียวกันนั่นแหละค่ะ มหาลัยออกกว้าง คนก็เยอะ เรียนคนละชั้น คงเจอกันยาก” น้ำหอมพยักหน้าเสริม ภีมยิ้มขำก่อนจะเท้าคางมองหน้าเซริด้วยสายตาสำรวจ
“น่ารักขนาดนี้ ไม่น่าที่พี่จะไม่เห็นนะ” เซริเลิกคิ้วเล็กน้อยกับคำพูดของภีมแต่ยังไม่ทันได้ตอบอะไร เก้าที่นั่งข้าง ๆ ก็พูดแทรกขึ้นมา
“พูดมาก!! กิน ๆ ไปเหอะ”
“กูก็แค่ถามเฉย ๆ” ภีมยักไหล่
อรัลที่นั่งเงียบมาตลอดไม่ได้สนใจบทสนทนา เพียงแค่กินข้าวไปเรื่อย ๆ แต่สายตากลับเหลือบมองเซริเป็นระยะ ๆ
เซริรู้สึกเหมือนกำลังถูกจ้องอยู่ แต่พอเงยหน้าขึ้นกลับเห็นว่าอรัลกำลังก้มหน้ากินข้าวเหมือนไม่ได้สนใจอะไร
เซริรวบช้อนแล้วหันไปมองน้ำหอมเพื่อบอกเป็นนัยว่าเธออิ่มแล้ว น้ำหอมเห็นแบบนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก็นะเธอยังอยากนั่งอยู่กับหนุ่มหล่อของคณะให้นานอีกหน่อย อยากนั่งจ้องแบบนี้ไปนาน ๆ
“ไปหอม” เซริเรียกเพื่อนแล้วถือจานลุกขึ้นออกไป ทำให้น้ำหอมต้องรีบลุกแล้วเดินตามเพื่อนไปอีกคน
“ไอ้รัล อย่าคิดว่ากูไม่เห็นนะ” ภีมยักคิ้วและยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่อรัลทันทีที่สองสาวลุกจากโต๊ะ
“อะไร??” อรัลตอบกลับเสียงเรียบโดยไม่ยอมแสดงอาการอะไร
“ก็เห็นมึงแอบมองเขาอยู่ สนใจละสิ” ภีมยื่นหน้าเข้าไปใกล้แววตาและน้ำเสียงล้อเลียนที่แสดงออกมาอย่างชัดเจน
“ปัญญาอ่อน” อรัลตอบสั้น ๆ และเย็นชา ก่อนจะยักไหล่เล็กน้อยด้วยท่าทางไม่แยแส
“ถ้ามึงไม่จีบ งั้นกูจีบแทนแล้วกัน” ภีมพูดพลางยิ้มกว้าง ยิ้มแบบที่ทำให้รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นอีกต่อไป
“แล้วแต่” อรัลกล่าวสั้น ๆ ก่อนจะลุกจากที่นั่งโดยไม่หันหลังกลับไปมอง ทั้งที่ในใจเขากลับรู้สึกแปลก ๆ แบบที่ไม่สามารถหาคำอธิบายได้
ภีมมองตามหลังของอรัลไปด้วยความรู้สึกขบขัน เขาไม่เคยเห็นอรัลสนใจหรือมองสาวคนไหนด้วยแววตาแบบนี้มาก่อน
“หึ ได้”
“ไอ้เซ แกจะรีบลุกมาทำไมวะ” พอเดินพ้นมาจากโรงอาหารน้ำหอมก็ไม่คิดจะเก็บความสงสัยไว้ ก็คนมันเสียดายใครจะว่าเธอคร่ำครวญก็ไม่สน ได้นั่งมองคนหล่อใกล้ ๆ ทั้งทีโอกาสแบบนี้ใช่ว่าจะมีมาบ่อย ๆ เมื่อไหร่
“ทำไม??”
“แกนี่ไม่เก็ตเอาซะเลย มีหนุ่มหล่อมานั่งด้วยตั้งสามคนก็นั่งมองหน้านาน ๆ ไหมวะ โคตรเสียดาย”
“กลับไปนั่งต่อก็ได้นะ”
“บ้า!! ใครจะกลับไป”
“งั้นก็อย่าบ่น”
“ว่าแต่แกเถอะจะรีบไปไหน” ที่น้ำหอมถามเพราะปกติพวกเธอสองคนถ้าไม่ได้รีบไปไหนหรือมีธุระอะไร หลังกินข้าวเสร็จก็นั่งเล่นอยู่ที่โต๊ะไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะถึงเวลาเข้าเรียน
“อยากกินชา”
“อ๋อ งั้นไปกัน”