23.ส้มตำมื้อเที่ยง

1070 คำ
ความเดิม- "อ้าว ยัยนางยังไม่เข้าบ้านอีก แดดมันร้อนหน้าจะไหม้แล้วนั่น" มานพทำทีเป็นบ่นน้องสาวเพราะไม่อยากให้อยู่ตรงนี้ ส่วนอีกคนมั่นใจว่าเจ้าบ้านต้องต้อนรับเขาเป็นแน่เพราะ….. …………………………………. "ค่ะพี่นพ" มานิดาเดินหน้างอเข้าบ้านแล้วหันมาส่งสายตาคาดโทษให้คนที่มาส่ง "จัดโต๊ะอาหารสามที่นะนาง จัดรอพี่เลย" มานพเอ่ยสำทับตามหลังน้องสาวที่เดินเข้าบ้านไปแล้ว "ค่า….." เสียงตอบอย่างล้อเลียนระคนประท้วงดังมาแต่ไกล ด้านมานพเมื่อเห็นว่าน้องสาวน่าจะเข้าไปในบ้านและกำลังจัดโต๊ะอาหารแล้วจึงเอ่ยขึ้น "เชิญอาจารย์หมอทานมื้อเที่ยงด้วยกันนะครับ แล้วเรามีเรื่องต้องคุยกันอีกยาว พอจะมีเวลามั๊ยครับ" "ยินดีครับ และมีเวลาแน่นอนครับ" ธันทรตอบอย่างมั่นใจเพราะเขาเคลียร์เคสที่นัดไว้หมดแล้ว ถ้าและวันนี้เป็นวันหยุดราชการ ทางสะดวก จากนั้นผู้เป็นเจ้าบ้านจึงเดินนำทางแขกเข้าบ้านและพาไปยังโต๊ะอาหาร แต่ระหว่างทาง "ถ้าคุณหมอจะเข้าห้องน้ำ อยู่ทางนั้นนะครับ ห้องน้ำจะอยู่ระหว่างทางเดินไปห้องนั่งเล่นและทางเดินไปโต๊ะอาหาร แต่ถ้าอยากล้างมืออย่างเดียวจะมีอ่างล้างมือใกล้ ๆ โต๊ะอาหารครับ" มานพแนะนำในฐานะเจ้าบ้านเสร็จสรรพ ด้านแขกผู้มาเยือนรู้สึกทึ่งในความเป็นระเบียบและถูกสุขลักษณะของเจ้าบ้าน สมแล้วที่เรียนแพทย์เรียนพยาบาลกัน คุณหมอหนุ่มนึกชื่นชมเจ้าของบ้านอยู่ในใจจนอดยกยิ้มอย่างเปิดเผยไม่ได้ "ผมอยากล้างมืออย่างเดียวครับ" ธันทรเอ่ยยิ้ม ๆ "ได้ครับ งั้นไปที่โต๊ะอาหารได้เลยครับ ยัยนางคงจัดโต๊ะเสร็จแล้วละครับหรือไม่ก็คงทำเมนูเพิ่มอีกตามเคยเพราะมีวัตถุดิบของเขาอยู่" มานพเอ่ยยิ้ม ๆ "อะไรเหรอครับ..อย่าบอกนะว่าส้มตำ" ธันทรเอ่ยถามอย่างนึกสงสัยแต่พอจะนึกอะไรออกลาง ๆ เพราะได้ยินเสียง โป่ก..โป่ก..โป่ก..โป่ก..โป่ก.. (เสียงไม่ตีพริกกระทบกับครกอย่างถี่กระชั้น) "ไม่น่าจะผิดครับ เพราะเมื่อวานผมซื้อเครื่องส้มตำมาครับ หึหึ" มานพบอกยิ้ม ๆ "งั้นผมขอกินด้วยคนนะครับ" คุณหมอหนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างกลั้นใจรอคำตอบ "คนนู้นคงไม่หวงหรอกครับ น่าจะทำเผื่อพวกเราด้วย" เจ้าบ้านบอกยิ้ม ๆ จากนั้นทั้งสองก็เดินมาถึงโต๊ะอาหารพอดี ซึ่งไม่เห็นคนตัวเล็กเรืองแสงอยู่ที่ห้องโต๊ะอาหารจริง ๆ "ยัยนาง..ตำเผื่ออาจารย์หมอด้วย..เอาไม่เผ็ดนะ มะเขือเทศเยอะ ๆ" มานพร้องบอกน้องสาวที่กำลังโขลกส้มตำเสียงกระชั้น "ได้เจ้าค่ะ ของพี่นพเอาด้วยมั๊ย" คนน้องถามกลับ "กินกับอาจารย์หมอก็ได้ ไม่ต้องเยอะเดี๋ยวกินไม่หมด" คนพี่ร้องบอกต่อระหว่างครัวกับโต๊ะกินข้างซึ่งอยู่ห่างกันไม่ถึงสิบก้าว ด้านคนฟังรู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่บ้านตนเองยังไงก็ไม่รู้ คนในครอบครัวมีการพูดคุยกันทำกับข้าวกินกันเองมันน่ารักและอบอุ่นดี ฮีลใจอีกต่างหาก อีกด้านของคนที่อยู่ในครัว "มาแล้ว ส้มตำเด็ก ใส่พริก 3 เม็ด มะเขือเทศเยอะ ๆ ไม่ใส่ปลาร้า ไม่หวานไม่เปรี้ยว ไม่เค็ม" มานิดาอธิบายเมนูพิเศษแอบเบะปากไปหนึ่งที่แล้วรีบหันหน้าไปทางอื่นพร้อมกับวางจานส้มตำลงตรงกลางโต๊ะ และทำท่าจะเดินเข้าไปในครัวอีกครั้ง แต่ไม่รอดพ้นสายตาคมกริบของคนที่เฝ้าสังเกตไปได้ "จะไปไหน แค่นี้ก็พอแล้ว" มานพรีบห้ามน้องสาว "อ๋อ หนูยังไม่ได้ทำเมนูของหนูเลย ทานกันไปก่อนเลยค่ะ" มานิดาเอ่ยเรียบ ๆ แต่คนฟังถึงกับสะอึกได้แต่เก็บอาการ "อ้อ.. ตามใจ" คนพี่ได้แต่เออออตามนั้น สักพักเมนูส้มตำผู้ใหญ่ก็ถูกนำมาวางตรงกลางโต๊ะข้าง ๆ กับเมนูส้มตำเด็ก "เสร็จแล้วส้มตำผู้ใหญ่ ทานได้นะคะถ้าไม่กลัวเผ็ด" มานิดาพูดยิ้ม ๆ พร้อมกับวางจานส้มตำลงบนกลางโต๊ะ ทำเอาอีกคนถึงกับนั่งนิ่งไป 3 วิ "ทานต่อเถอะครับอาจารย์หมอ ทานได้ครับถ้ากลัวเผ็ดผมมีเมนูแก้เผ็ดให้แล้ว" "ครับ" คุณหมอหนุ่มรับคำอย่างว่าง่ายแล้วจ้วงตักส้มตำเด็กใส่จานแล้วตักใส่ปากอย่างเอร็ดอร่อย สักพักธันทรเงยหน้าขึ้นมาพบคนตัวเล็กเรืองแสงแก้มเริ่มแดงเป็นลูกมะเขือเทศ มีเหงื่อซึมตามกรอบหน้าและจมูกเริ่มมีน้ำมูกไหลออกมา "ยัยนาง น้ำมูกน้ำตาไหลยังจะกินอีก ตำมาฆ่าตัวเองเหรอ กินส้มตำเด็กกับอาจารย์หมอก็ดีแล้ว ยัยนางเอ๊ย เอานี่ทิชชู่" มานพบ่นน้องสาวเสียงขรมพร้อมกับหยิบกระดาษชำระให้ "แฮร่..ฟื่ด..ก็มันอยากกินไง เผ็ดก็พัก เดี๋ยวก็หายเผ็ดก็กินต่อ" คนน้องยังเถียงต่อได้อีกแถมสูดน้ำมูกโชว์อีกต่างหาก หึหึ.. เสียงหัวเราะในลำคอเบา ๆ จากคนที่กำลังกินส้มตำเด็ก "นี่ไก่ทอดจะได้หายเผ็ด" ธันทรตักชิ้นไก่ทอดให้สาวเจ้าแต่ในวินาทีนั้นมานิดาเงยหน้าขึ้นมากับคนที่รอสบตาอยู่พอดี ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหนจะเหงื่อตามกรอบหน้าและไรผม หมดกันละความสวย แต่เขาไม่รู้สึกรังเกียจคนตัวเล็กเลยแม้แต่น้อยเหมือนเห็นคนในครอบครัวกินอร่อยแล้วรู้สึกเอ็นดู "ยัยนางเอ๊ย…ปากแดง จมูกแดงหมดแล้วนั่น พอเถอะตำเองกินเองเผ็ดเองเหรอ" คนพี่ตักกับข้าวหลายอย่างบนโต๊ะใส่จานให้น้องสาวแล้วเก็บจานส้มตำผู้ใหญ่ถอยออกห่าง หึหึ… "กินนี่ซิ ไม่เผ็ดมาก แต่อร่อยนะ อาจารย์กินแล้วยังชอบเลย มันกินของผู้ใหญ่ไม่ได้ก็กินของเด็กนี่แหละ" ธันทรพูดกลั้วหัวเราะทำเป็นพูดเรื่องส้มตำแต่ใจคิดไปถึงดาวอังคารนู่น "กินของผู้ใหญ่ได้ ไม่ชอบกินของเด็กค่ะ..มันไม่แซ่บ" มานิดาตอบแบบโยนมาโยนกลับไม่ได้คิดอะไรแต่คนฟังคิดไปไกลแล้ว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม