เผ่าพันธุ์โบราณที่ยังคงอยู่

2144 คำ
ชีวิตในโลกมนุษย์ดูสงบสุขดีไม่น้อย แต่ลึกลงไปในทะเลสาบมรกตจนถึงใต้บาดาลนั้นมีปราสาทซ่อนอยู่ เป็นปราสาทสีมรกตที่สะท้อนแสงแวววาวระยิบระยับ ล้อมรอบด้วยปะการังและดอกไม้ทะเลนานาชนิด มีฝูงปลาสีสวยแหวกว่ายไปมา สัตว์น้ำน้อยใหญ่หากินตามแนวปะการังกันอย่างอุดมสมบูรณ์ เป็นอาณาจักรใต้บาดาลที่จะไม่มีมนุษย์ผู้ใดสามารถค้นพบสถานที่แห่งนี้ได้แม้จะใช้เทคโนโลยีชั้นสูงมากขนาดไหนก็ตาม ปราสาทมรกตแห่งนี้มีผู้คน... ผู้อาศัยจำนวนไม่น้อย ส่วนที่อยู่รอบนอกปราสาทจะเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่มีชาวบ้านแหวกว่ายน้ำกันอย่างอิสระ เกล็ดสีเขียวสีน้ำเงินสีแดงสะท้อนแสงที่ส่องลงมาจากผิวน้ำวิบวับ แต่พอเข้าบ้านที่ก่อสร้างด้วยหินและเปลือกหอย ร่างกายยาวเพรียวที่มีเกล็ดเต็มตัวก็เปลี่ยนสภาพเป็นดั่งมนุษย์เบื้องบน เพียงแต่ส่วนหนึ่งของร่างกายที่อาจจะเป็นแขน ขา ต้นคอ หลัง หรือตรงไหนสักที่จะยังมีเกล็ดแวววาวบอกให้รู้ว่าไม่ใช่มนุษย์ ส่วนในปราสาทก็มีผู้คน... คนนั่นแหละ ทั้งทหารและนางกำนัล มหาอำมาตย์และเสนาบดี ราชองครักษ์และราชครู รวมถึงเชื้อพระวงศ์ทรงศักดิ์แห่งเผ่าพันธุ์ที่ยิ่งใหญ่ "ข้าบอกว่าไม่ให้เจ้าไปด้วยไงชโลทร" ชลาลัยยกมือดันหน้าผากน้องชายคนเล็กออกห่างด้วยความรำคาญ "ทำไมล่ะท่านพี่ ทีท่านพ่อท่านแม่กับท่านพี่ทั้งสองยังไปได้เลยนี่" ชโลทรประท้วงออกมาด้วยความเคือง "ใครจะอยากให้ตัวป่วนอย่างเจ้าไปด้วยล่ะชโลทร เดี๋ยวก็ไปหาเรื่องตีกับอรัณย์จนป่าพังอีก" อรรณพบอกด้วยสีหน้าเอือมระอา "ข้าไม่ได้หาเรื่องไอ้นกขี้เรื้อนนั่นสักหน่อย มันต่างหากที่หาเรื่องข้าก่อน" ชโลทรทำหน้าหงิกใส่พี่ชายทั้งสองคน "แล้วเจ้าจะอยากไปทำไม ในเมื่อเจ้าเคยบอกว่างานสังสรรค์มันน่าเบื่อ มีแต่พวกคนแก่นั่งดื่มชาคุยกัน" ชลาลัยถามขึ้น "ก็ข้าไม่อยากอยู่แต่ในปราสาทนี่ มีแต่พวกตาแก่หงำเหงือกหัวโบราณ นางกำนัลก็มีแต่พวกยายแก่ขี้บ่น ราชครูก็บังคับให้ข้าท่องตำราทั้งวัน พอจะออกไปข้างนอกปราสาทพวกทหารองครักษ์ก็ตามติดข้าอย่างกับขี้ติดก้นปลาทอง" ชโลทรทำหน้ามุ่ย "งั้นเจ้าก็ไปฝึกพลังนาคาของเจ้าสิ เผื่อจะได้เก่งกว่าพวกลูกชาวบ้านบ้าง ไม่ใช่วัน ๆ เอาแต่เที่ยวเล่นสนุก" อรรณพว่าออกมา "เออ! ไม่ไปก็ได้ว่ะ" ชโลทรสะบัดหน้าใส่พี่ชายทั้งสองด้วยความเคืองจัดแล้วเดินหนีเข้าไปในปราสาท "อายุสิบแปดแต่นิสัยเหมือนเด็กหกขวบจริง ๆ" ชลาลัยเบ้ปากทำหน้าเอือม "แต่อีกไม่กี่เดือนมันก็สิบเก้าแล้วนะท่านพี่" อรรณพแย้งออกมา "จะสิบแปดหรือสิบเก้ามันก็ไม่ต่างกันหรอกหากมันยังดื้อรั้นเอาแต่ใจแบบนี้ ตำราก็ไม่ยอมเล่าเรียนเขียนอ่าน ให้ฝึกพลังก็บ่นนั่นบ่นนี่ เอาแต่เที่ยวเล่นสนุกเหมือนเด็กน้อยจนพวกราชครูเอือมระอา มันเป็นเจ้าชายที่แหกคอกเผ่าพันธุ์นาคาที่ยิ่งใหญ่ของเราจริง ๆ" ชลาลัยถอนหายใจเฮือก "นั่นสิ" อรรณพถอนหายใจอีกคน อย่าคิดว่ามันจะจบโดยง่าย เมื่อถึงวันที่เผ่านาคาจะไปร่วมสังสรรค์กับเผ่าครุฑาที่เป็นพันธมิตรกันมายาวนานนับหมื่นปี หน้าตาหล่อเหลากับดวงตาสีครามและผมสีน้ำเงินเข้มของเจ้าชายตัวแสบก็โผล่มาจากด้านหลังพระนางเภตรา ราชินีแห่งเหล่านาคาในรุ่นปัจจุบัน "ชโลทร!" ชลาลัยชะงักไปเมื่อเห็นน้องชายจอมแสบอยู่ในขบวนที่จะเดินทางไปยังสถานที่จัดสังสรรค์ของสองเผ่าพันธุ์ด้วย "มันคงไปอ้อนท่านแม่ขอไปด้วยแน่ เตรียมรับความวุ่นวายได้เลยท่านพี่" อรรณพบอกด้วยความรู้ทัน "เออ ครั้งนี้ข้าจะฟาดมันให้หลังลายเลย" ชลาลัยกัดฟันกรอดกับน้องชายตัวแสบที่มักจะก่อเรื่องวุ่นวายโกลาหลให้เขาปวดหัวเป็นประจำทุกค่ำเช้า ชโลทรหันมองหน้าพี่ชายทั้งสองแล้วส่งยิ้มเยาะก่อนจะเมินหน้าหนีแล้วตามติดพระมารดาไปกับเหล่าทหารองครักษ์ ชลาลัยกับอรรณพถอนหายใจยาวแล้วตามพระบิดาพญานาคจักรภุชงค์ผู้เป็นใหญ่ในดินแดนใต้บาดาลไป ด้วยอำนาจอันยิ่งใหญ่ที่สามารถเดินทางข้ามสามภพในพริบตาของพญานาคจักรภุชงค์ เพียงไม่กี่วินาทีพวกเขาก็มาถึงชายป่าอันอุดมสมบูรณ์บนพื้นที่ที่อยู่ระหว่างภพสวรรค์และภพบาดาล ป่าไม้เขียวขจีแทรกแซมด้วยดอกไม้หลากสีนานาพรรณส่งกลิ่นหอมฟุ้งกำจรกำจาย เหล่าสัตว์น้อยใหญ่หันมามองเจ้าแห่งพิภพบาดาลแล้วเข้ามาทักทาย แต่เมื่อเห็นเจ้าชายองค์เล็กของเผ่านาคา บรรดาสัตว์น้อยใหญ่ต่างก็รีบหนีกลับเข้าป่าไปในทันที เหล่านาคาแห่งวังบาดาลเดินไปยังศาลาหลังใหญ่ริมสระบัวที่มีเหล่าครุฑานั่งคุยกันด้วยความสนุกสนาน เมื่อเห็นสหายมาถึงพญาครุฑวายุปักษ์ก็ลุกขึ้นต้อนรับด้วยความยินดี แต่เมื่อทั้งสองฝ่ายเห็นเจ้าชายองค์เล็กของเพื่อน ทั้งคู่ถึงกับชะงักไปเล็กน้อย แล้วพญาครุฑวายุปักษ์กับพญานาคจักรภุชงค์ก็หันไปหาองครักษ์ของตนเอง "วางกำลังไว้ให้รอบป่า เตรียมพร้อมรับมือทุกสถานการณ์" "รับทราบครับท่าน" เหล่าราชองครักษ์รับคำสั่งแล้วกระจายตัวกันออกไปรอบพื้นที่ศาลาพักผ่อน บ้างก็แฝงตัวอยู่บนต้นไม้ บ้างก็แฝงตัวอยู่ตามโขดหินในทะเลสาบ บ้างก็แฝงตัวอยู่ตามกอบัวหรือพุ่มดอกไม้ ไม่ได้ก่อสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์ แต่ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง "ว่าไงชลาลัย ตัวแสบหลุดมาเหรอ" เจ้าชายนคินทรทักทายเพื่อนด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย "เออ มันแอบไปอ้อนท่านแม่น่ะสิ" ชลาลัยทำเสียงหงุดหงิด "ไม่ต่างกันเลย อรัณย์ก็แอบไปอ้อนท่านแม่เหมือนกัน" พนาลีบอกแล้วถอนใจเฮือก "ชิ! คิดว่าจะได้สนุกกันแล้วเชียวนะ ต้องมานั่งระแวงระวังไอ้พวกบ้าสองตัวนั่น" อรรณพแค่นเสียง "ช่างมันเถอะ ครั้งก่อนพวกมันโดนคาดโทษไว้นี่ คงไม่กล้าก่อเรื่องหรอก วันนี้ข้ามีผลไม้จากต่างประเทศมาให้พวกเจ้าด้วยนะ" นคินทรบอกเพื่อนแล้วเดินนำไปยังศาลาเล็กหลังหนึ่งที่ไม่ไกลจากศาลาใหญ่ จะได้ไม่รบกวนบิดามารดาทั้งสองฝ่ายที่จะสนทนาสังสรรค์กัน "ข้าก็มีเนื้อปลารมควันจากต่างประเทศมาให้พวกเจ้าเหมือนกัน รับรองว่าพวกเจ้าต้องชอบแน่" ชลาลัยบอกแล้วเดินตามไป เจ้าชายทั้งสี่พระองค์นั่งคุยกันด้วยความเฮฮาแล้วยื่นของฝากจากต่างประเทศให้กันหลายอย่าง ทั้งแอปเปิลสายพันธุ์ดีจากอเมริกา องุ่นไซมัสแคทพวงโตจากญี่ปุ่น แซลมอนรมควันจากนอร์เวย์ ล็อบสเตอร์ตัวใหญ่จากแคนาดา แล้วทั้งสี่ก็คุยกันถึงประเทศที่ไปเที่ยวมาด้วยความสนุกสนาน ยกเว้นเจ้าชายองค์เล็กที่นั่งอยู่คนละมุมเสาของศาลาหลังใหญ่ ดวงตาสีครามของชโลทรมองดวงตาสีทองแดงของอรัณย์แล้วกระตุกยิ้มมุมปาก อ้าปากพูดด้วยคำพูดสั้น ๆ ที่ไม่ออกเสียง แต่อีกฝ่ายกลับเข้าใจความหมายนั้นโดยไม่ต้องถาม "ไอ้ไส้เดือนดิน" อรัณย์ด่าเสียงเบาแล้วเป่าให้คำด่าพุ่งไปหาอีกคน "ไอ้ไก่ต้มน้ำปลา" ชโลทรกระดิกนิ้วเบา ๆ สายน้ำจากสระบัวข้างศาลาก็พุ่งขึ้นมาเป็นเส้นเรียวยาวตวัดใส่อรัณย์ที่นั่งพิงเสาไม่ไกล "อย่าฝัน ไอ้งูน้ำเน่า" อรัณย์กระดิกนิ้วทีหนึ่ง สายลมแรงก็ตวัดวูบใส่สายน้ำเส้นเล็กบางจนกระจายหายไป พลังเพียงวูบเดียวของสายน้ำกับสายลมทำให้เจ้าชายทั้งสี่หันไปมองพร้อมกันแต่ก็ไม่ได้มีสิ่งใดผิดปกติ อรัณย์นั่งกินแอปเปิลสีแดงฉ่ำจากอเมริกา ชโลทรนั่งกินสาหร่ายอบกรอบปรุงรสจากญี่ปุ่น แล้วทั้งสองคนก็นั่งอยู่คนละเสาของมุมศาลาที่มีบิดามารดาของพวกเขานั่งเฮฮาปาร์ตี้กันตรงกลาง แต่ชั่วพริบตาที่บรรดาเจ้าชายคลาดสายตา ชโลทรกับอรัณย์ก็หายไปจากมุมเสาที่นั่งแล้ว เพราะรู้ว่ารอบบริเวณมีทหารองครักษ์เฝ้าอยู่ แต่ก็มีเพียงแค่ยี่สิบนายเท่านั้น เจ้าชายทั้งสองจึงลักลอบออกไปให้ไกลจากบริเวณศาลาริมสระจนพ้นระยะสายตาของทหารองครักษ์ "ไม่คิดว่าแกจะมาด้วยนะไอ้นกขี้เรื้อน" "ข้าก็ไม่คิดว่าแกจะมาเหมือนกันไอ้งูขี้กลาก" "ใครเป็นงูขี้กลากวะไอ้นกขนร่วง" ชโลทรตวัดสายน้ำออกจากมือพุ่งใส่อีกฝ่ายด้วยความรวดเร็วและรุนแรง "แกไงไอ้งูดินพลานาเรีย" อรัณย์ควัดสายลมที่คมดุจใบมีดตัดสายน้ำจนกระจายแล้วพุ่งใส่อีกฝ่าย "แค่นกตะกรุมสังกะตังอย่างแกอย่าหวังว่าจะชนะข้า" ชโลทรสร้างม่านน้ำสะท้อนใบมีดสายลมไปจนหมดแล้วตวัดมือสร้างเกลียวน้ำวนรูปร่างนาคารอบตัวอรัณย์ก่อนจะขยำมือให้เกลียวน้ำนาคาตวัดรัดร่างอีกฝ่าย "กระจอกน่าไอ้งูมัมมี่" อรัณย์กระโดดขึ้นไปยืนบนอากาศด้วยพลังของครุฑ สะบัดปีกที่มองไม่เห็นสร้างหอกขนนกพุ่งใส่อีกฝ่ายนับไม่ถ้วน "ชิ! ก็แค่ขนนกเน่า" ชโลทรขยับเบี่ยงตัวด้วยความพลิ้วไหวดั่งสายน้ำหลบหอกขนนกไปยืนบนผิวน้ำของทะเลสาบ สองมือตวัดขึ้นเรียกสายน้ำแหลมคมราวกับหอกพุ่งใส่อีกคนที่อยู่บนอากาศ "เปลี่ยนวิธีบ้างเถอะ" อรัณย์สร้างม่านพลังลมรับการโจมตีแล้วสะบัดปีกสร้างพายุหมุนรุนแรงพุ่งไปที่อีกคนที่ยืนบนผิวน้ำ พลังลมกับพลังน้ำของเจ้าชายทั้งสององค์ก่อความรุนแรงจนทะเลสาบสั่นไหวม้วนตัวขึ้นมาราวกับอ่างน้ำที่มีคนเอามือไปเขย่ามันจนกระฉอก กระแสลมหมุนรุนแรงก่อพายุลูกย่อม ๆ จนป่ารอบข้างเอนไหวราวกับต้นไม้ใหญ่น้อยจะหักโค่นลงมา แต่ยังไม่ทันจะได้งัดกันต่อ เสียงตวาดก็ดังขึ้น "หยุดเดี๋ยวนี้!" ลมพายุรุนแรงกับสายน้ำกราดเกรี้ยวหยุดนิ่งสงบทันทีราวกับไม่เคยเกิดอะไรขึ้นมาก่อน "ท่านพ่อ" สองเจ้าชายตัวแสบหน้าเจื่อนลงเมื่อพระบิดาทำหน้ายักษ์อยู่ไม่ไกล พวกพี่ชายก็ทำหน้าเอือมระอาสุดขีดอยู่ด้านหลัง "เจ้ากลับปราสาทเดี๋ยวนี้เลยนะ แล้วห้ามมางานสังสรรค์อีกไม่ว่ากรณีใดทั้งสิ้น ห้ามออกจากเขตปราสาทแม้แต่ก้าวเดียว ไม่งั้นข้าจะฟาดเจ้าให้หลังลายเลยล่ะ" พญาครุฑกับพญานาคด่าลูกชายตัวเองพร้อมสำทับคาดโทษเอาไว้ "แต่ข้า..." "หุบปาก! ห้ามเถียง ห้ามอุทธรณ์ ข้าเคยบอกแล้วนะว่าห้ามก่อเรื่องอีก แต่เจ้าไม่เคยฟัง ยังดื้อรั้นก่อเรื่องไม่หยุดหย่อน เจ้าจะทำลายป่ากับทะเลสาบจนพินาศหมดแล้วรู้ไหม เจ้าน่ะ... เอามือออกจากหูเดี๋ยวนี้นะ!" พระบิดาจอมพญาตวาดว้ากดังลั่นเมื่อลูกชายตัวแสบยกสองมือปิดหูหันหน้าหนีไม่รับฟังอะไรทั้งนั้น "ท่านพ่อด่าด้วยคำเดิม ๆ จนข้าจำได้ทุกประโยคแล้วนะ" ชโลทรโอดออกมา "แล้วเจ้าจำใส่หัวหรือไม่" พญานาคจักรภุชงค์ถลึงตาใส่ลูกชายคนเล็ก แล้วลูกชายตัวป่วนก็เมินหน้าหนี "พอละอรัณย์ กลับปราสาทไปสำนึกตัวเองด้วยว่าก่อเรื่องอะไรไว้ หากเจ้ายังไม่เลิกดื้อรั้นก่อเรื่องไม่หยุด ข้าจะลงโทษเจ้าแน่" พญาครุฑวายุปักษ์ถลึงตาใส่ลูกชายคนเล็ก แล้วอรัณย์ก็เมินหน้าหนี สองพญาผู้ยิ่งใหญ่ถอนใจพรืดแล้วสั่งทหารองครักษ์พาตัวลูกชายคนเล็กกลับปราสาท จากนั้นก็จัดการเคลียร์ความวุ่นวายเละเทะที่เกิดจากการตีกันของชโลทรกับอรัณย์ที่ไม่เคยถูกกันมาตั้งแต่เด็กทั้งที่พ่อแม่และพี่ชายเข้ากันได้ดีมาก อาณาจักรใต้บาดาลของเผ่านาคาและอาณาจักรเหนือยอดเขาของเผ่าครุฑาก็เป็นพันธมิตรที่ดีต่อกันมายาวนานแล้ว แต่ทำไมลูกชายคนเล็กของทั้งสองคนจึงเข้ากันไม่ได้และตีกันทุกครั้งที่เจอหน้ากันก็ไม่ทราบได้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม