ทางด้านณัฐพัชร์ เขาโทร.หาปภาดาเพื่อถามว่าเธออยู่ที่ไหน ก็ทราบว่ารออยู่ที่รถแล้ว
“เป็นอะไรเนี่ย ทำไมมารอที่นี่” เขาถามด้วยความแปลกใจ
“ก็ไม่อยากให้อีตารวิ ว่าที่ผัวเนตรเห็นน่ะสิ เดี๋ยวเขาเปลี่ยนใจมาขอแต่งปอยแทนจะว่าไง”
“ขี้เหร่กว่าที่คิดไปอีก” ณัฐพัชร์หัวเราะเบา ๆ
“แล้วเจรจากับนักธุรกิจคนนั้นเป็นไงคะ เขาสนใจหรือเปล่า”
“ขี้เก๊ก เล่นตัวชิบหาย นี่ถ้าพ่อไม่สั่งนะ ไม่เข้าไปคุยด้วยหรอก” ณัฐพัชร์ทำท่าฮึดฮัดขัดใจ “แต่เราก็ยังพอมีหวังนะ เขารู้จักกับเนตร ท่าทางสนิทสนมกันดีด้วย เราก็ให้เนตรช่วย...ว่าแต่ตกลงเนตรไปรู้จักเขาได้ยังไง”
“ตรงนี้แหละที่ปอยงง เนตรบอกว่าคนนั้นไม่ใช่รวินะคะ เขาชื่อคาร์ล เป็นทนายของรวิ ว่าที่ผัวนางค่ะ”
“ยายนั่นเอ๋ออะไรเนี่ย นั่นละ คุณรวิ คาร์ล ศังกร นักธุรกิจชื่อดังละ”
“อ้าว แล้วคนชื่อรวิที่อ้วน ๆ ดำ ๆ นั่นล่ะคะ เป็นใคร”
“ก็คุณบอกเองว่าเป็นเจ้าหนี้คุณ นี่คุณไม่เคยเห็นหน้าเจ้าหนี้คุณเหรอ” ถึงคราวณัฐพัชร์จะงงบ้างแล้ว
“ไม่เคยค่ะ...”
“ใช้ชีวิตกันแบบไหนน่ะ ไม่เคยเห็นหน้าตาเจ้าหนี้ นี่ถ้ามีคนสวมรอยมาหลอก จะไม่โง่กันหมดบ้านเหรอ” เขาตำหนิ มองเธออย่างไม่อยากเชื่อ
“แหม ของแบบนี้มันสวมรอยกันได้ด้วยเหรอคะ อีกอย่าง ว่าที่เจ้าบ่าวก็เคยไปที่บ้านแล้ว แม่กับส้มแป้นก็เห็นว่าเป็นนายอ้วนดำนั่น”
“งั้นก็แสดงว่าคุณรวิหรือคุณคาร์ลหลอกยายเนตรว่าเป็นแค่ทนาย”
“แล้วเขาจะหลอกมันทำไม” ปภาดาครุ่นคิดอีก “เอางี้ ปอยขอโทร.หาทนายของคุณพ่อแป๊บหนึ่งนะคะ”
ณัฐพัชร์ไม่ตอบอะไร เขาก้าวขึ้นไปนั่งรอในรถ ส่วนปภาดาก็กดเบอร์ทนายประจำตัวของบิดาทันที
“คุณลุงคะ...ปอยมีเรื่องรบกวนหน่อยค่ะ...เรื่องเจ้าหนี้ของพ่อปอยน่ะค่ะ เขาชื่อสกุลอะไรคะ แล้ว...คุณลุงมีรูปของเขาหรือเปล่าคะ”
“วันก่อนเขาไปที่บ้านนี่ หนูไม่เห็นเขาเหรอ” อีกฝ่ายถามแปลกใจ
“เอ่อ...พอดีปอยออกมาทำงานที่ต่างจังหวัดน่ะค่ะ ไม่ทันได้พบเขา คุณลุงส่งรูปเขามาให้ปอยหน่อยได้มั้ยคะ แล้วก็...ชื่อสกุลของเขาด้วยค่ะ”
“เจ้าหนี้ของหนูชื่อ ฐากูรไง” อีกฝ่ายยิ่งมีน้ำเสียงงงหนัก
“เอ่อ ลูกชายเขาน่ะค่ะ คนที่ต้องมาแต่งงานแทนพ่อของเขาน่ะค่ะ”
“รวิ ศังกร...หรือคุณคาร์ลครับ”
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว เนตราก็ขอคุยกับ ‘รวิของเธอ’ เป็นการส่วนตัว ส่วน ‘คุณทนาย’ เขาขอตัวไปทำงานที่ห้องพัก แล้วจะกลับลงมาหาทั้งคู่อีกครั้ง
เนตราและมาโนชญ์เดินตามกันลงไปที่ชายหาด
“ดิฉันต้องขอโทษคุณรวิอีกครั้งที่ทำให้ทุกอย่างวุ่นวาย” หญิงสาวเอ่ยขึ้นก่อน สีหน้าบ่งบอกความรู้สึกผิดจริง ๆ
“คนที่ควรต้องขอโทษก็คือคุณคาร์ล ที่ตามหาคุณเหมือนคนบ้า เขาเป็นห่วงคุณมาก”
หญิงสาวชะงักไปเล็กน้อย แล้วก็หลบตาเขาไปทางอื่น “เพราะดิฉัน เลยทำให้ทุกคนวุ่นวายไปหมด”
มาโนชญ์มองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความเอ็นดู
“ถ้าไม่ใช่คุณ เขาก็ไม่เป็นบ้าแบบนั้นหรอกครับ”
เนตราเงียบ ก้มลงมองพื้นทราย ขณะที่มาโนชญ์กล่าวต่อไป
“แล้วก็ไม่จำเป็นต้องเอาเรื่องทุกเรื่องมาสุมไว้ที่ตัวเองหรอกนะ เนตรา ถ้าจะพูดถึงต้นเหตุจริง ๆ ของเรื่องก็คือลุงของคุณ ที่คิดทำอะไรเกินตัว เลยต้องเป็นหนี้ แล้วคนที่จะต้องแต่งงานใช้หนี้จริง ๆ ก็มีอำนาจเหนือคุณ และมันก็เป็นเรื่องปกติมาก ๆ ที่คนเราจะไม่เต็มใจแต่งงานกับคนที่ตัวเองไม่ได้รัก”
“คุณรวิเข้าใจโลกได้เป็นอย่างดี...” เธอเอ่ยชมเขา “ขอบคุณนะคะที่เข้าใจดิฉัน...เอ่อ...แล้ว...เรื่อง...ของเรา...เรื่องจดทะเบียนน่ะค่ะ คุณคิดว่าเมื่อไหร่ดีคะ” ถามออกไปแล้ว เนตราก็หน้าร้อนด้วยความละอายใจ ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งตัวเองจะต้องเอ่ยปากเรื่องนี้กับผู้ชายก่อน
“คุณพร้อมแล้วเหรอครับ” เขาย้อนถามเธอตรง ๆ
“จะเร็วหรือช้าก็ต้องเป็นแบบนี้อยู่ดีค่ะ และยิ่งเร็วก็ยิ่งดีต่อครอบครัวดิฉันไม่ใช่เหรอคะ”
มาโนชญ์พยักหน้า มองเธอด้วยความเห็นใจและศรัทธาในความกตัญญูของเธอ
“ถ้าคุณพร้อม ก็จดวันนี้ได้เลย”
หญิงสาวเบิกตากว้าง “จริงเหรอคะ...ดิฉันพร้อมค่ะ”
“ครับ...แต่ผมต้องมีเรื่องแจ้งให้คุณทราบเรื่องหนึ่ง...ผมจดทะเบียนกับคุณไม่ได้”
“คะ? ดิฉันไม่เข้าใจ” เนตราทำหน้างงหนัก
“ตรง ๆ ง่าย ๆ ไม่มีอะไรซับซ้อนนี่ครับ ผมจดทะเบียนกับคุณไม่ได้... เพราะผมมีภรรยาอยู่แล้ว และเธอก็กำลังตั้งครรภ์ลูกของผมด้วย”
ใบหน้าของเนตราขาวสลับซีด “คุณคาร์ลบอกดิฉันว่าคุณรวิโสด...”
มาโนชญ์ยิ้ม “คนโสดคือเขาต่างหาก...และผมก็รู้นะว่าคุณกับเขาชอบกันน่ะ”
“คุณ...” เนตราเบิกตากว้างอีกครั้ง หน้าชาเหมือนถูกตบ “นี่คุณพูดอะไร คุณกำลังหาเรื่องให้ดิฉัน จะหาทางบิดพลิ้วเรื่องแต่งงานหรือยังไงคะ”
“ก็ไม่นะ แต่ถ้าทางผมจะทำ ผมก็ทำได้ เหมือนที่คุณป้าของคุณทำไงล่ะ ส่งคุณเป็นตัวแทนลูกสาวเขา”
ถึงคราวที่เนตราจะอึ้งด้วยความอับอายอีกครั้ง “ตกลงคุณกำลังจะบอกอะไรกับดิฉันคะ คุณต้องการให้ดิฉันทำยังไงกันแน่”
มาโนชญ์ยิ้มใจเย็น “จดทะเบียนกับคาร์ล”