ผมต้นตระการ หรือที่ใครๆ เรียกผมว่าต้นกล้า ผมมีพี่น้องฝาแฝดอยู่หนึ่งคนชื่อธารน้ำ ตอนนี้ในชีวิตของผมประสบปัญหาอยู่เรื่องหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องใหญ่สำหรับผู้ชายรักสนุกแบบผม นั้นคือ การจับคู่
ตอนแรกผมก็ไม่โอเคหรอกนะที่คุณแม่บังเกิดเกล้าเล่นเกมจับคู่ให้ผม แต่ตลอดระยะเวลาหลายปีมานี้ ผู้หญิงคนที่แม่เชียร์มาตลอดเป็นเพื่อนสนิทของผม..นาเนียร์ พวกเราก็เลยชินแถมยังช่วยเหลือกันตลอดมา จนกระทั่งนาเนียร์มีพ่อทูนหัวของมันตัวจริง ชีวิตของผมก็เริ่มวุ่นวายอีกครั้ง หนำซ้ำยัยธารน้ำน้องสาวของผมดันไปคบกับไอ่วินเซลเพื่อนรักของผมที่แม่ไม่ค่อยชอบ..ไม่ซิ เกลียดขี้หน้ามันเลยมากกว่า ความซวยมันเลยตกมาอยู่ที่ผมไง
แล้ววันนี้มันก็มาถึง ผมเจอยัยเด็กที่แม่กำลังจะจับคู่ให้ผม หลังจากที่ผมเลี่ยงเจอเธอตลอดหลายอาทิตย์ที่ผ่านมาด้วยการนัดบอดจากแม่
วันนี้แม่ผมพายัยเด็กนั้นมาถึงที่บริษัท...
เม็ดฝน...ยัยเด็กขี้มูกโป่งชอบร้องไห้งอแงให้ผมเล่นพ่อแม่ลูกด้วยกันตอนเด็ก พอผมไม่เล่นก็ร้องไห้ไปฟ้องคุณแม่ซะงั้น
ครั้งนี้ผมยอมในความเล่นใหญ่ของคุณแม่จริงๆ ผมเข้าใจนะที่แม่พลาดยัยนาเนียร์ไป แต่นี่มันบีบบังคับกันชัดๆ
แม่ยัดเหยียดให้ผมได้ใกล้ชิดกับยัยเฉิ่มนี้โดยการให้เข้ามาฝึกงานเป็นผู้ช่วยเลขาผม ใช่!! ยัยเฉิ่ม..ผมเรียกแบบนั้นเพราะดูจากการแต่งตัวและหน้าตาบ๊องแบ๊วเหมือนหมาพันธุ์ชิสุห์เห็นแล้วขัดหูขัดตาจริง
ไม่ได้การแล้ว..ผมจะยอมถอดเขี้ยวเล็บง่ายๆ ไม่ได้ ชีวิตยังมีสีสันไม่พอเลยจะให้มีคู่ตอนนี้เนี่ย ไม่ดีมั้ง
ผมยื่นข้อเสนอสองเดือนไปให้ยัยเด็กเนิร์ดเฉิ่มเบ๊อะนั้น ด้วยการที่ต้องแสดงละครตบตาเหล่าแม่ๆ ของเรา อย่างน้อยชีวิตช่วงสองเดือนนี้ผมจะได้อยู่อย่างสงบสุข
การเจอกันแต่ละครั้งทำให้ผมได้เห็นมุมแตกต่างกันไปของยัยเด็กเม็ดฝน ครั้งแรกในห้องทำงานคิดว่าเป็นเด็กเรียบร้อยไม่ค่อยมีปากเสียง แต่พอเจอครั้งถัดมาก็คิดว่าเธอเป็นเด็กหัวอ่อนปฏิเสธใครไม่เป็น พอมาถึงตอนที่ผมเสนอข้อตกลงถึงรู้ว่ายัยเด็กนี้แอบดื้อเงียบชอบแถและขี้เถียง เธอมักมีอะไรแปลกเป็นบางครั้ง เช่น ชอบทำหน้าแดงทุกคนที่ผมจ้องเหมือนคิดอะไรตลอดเวลา แต่รวมแล้วเป็นคนที่น่าแกล้งมาก เวลาทำหน้าตกใจหรือประหม่าโคตรตลก
ตอนนี้ผมกับยัยเฉิ่มก้าวเข้าสู่ช่วงทำแผนสองเดือน เข้าสู่ช่วงอาทิตย์ที่สองแล้ว เราไม่ค่อยชอบเดินห้างเท่าไหร่ วันอาทิตย์นี้เลยตกลงกันว่าจะซื้อกับข้าวมาทานที่ห้องและผมก็ให้เธอเลือกว่าจะไปห้องใคร ซึ่งแน่นอนเธอเลือกห้องของเธอเอง
ใช่..เราต้องเจอกันอาทิตย์ละครั้งแล้วถ่ายรูปเอาไปอวดแม่ผมไงละ ให้แม่เชื่อว่าผมกับเด็กของแม่ศึกษากันจริงๆ
ตอนนี้ผมติดแข่งรถอยู่ที่สนามแข่งของวินเซล จึงขอเลื่อนนัดเป็นทานอาหารเย็นแทน ซึ่งก็บอกให้ยัยบ๊องฝากข้อความไว้ว่าจะทานอะไร แต่ไร้วี่แวว สงสัยลืมแน่ๆ ผมก็เลยซื้อเมนูที่ผมอยากทานและไม่ลืมที่จะซื้อผัดผักที่เธอรีเควสบอกผมมาว่าไม่เอา
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ตอนนี้ผมยืนเคาะประตูเรียกเม็ดฝนได้สิบนาทีแล้ว ไม่มีวี่แววคนในห้องจะออกมาเปิดประตูให้ ผมเลยตัดสินใจโทรไปหาแม่ของเธอถามรหัสแทน ส่วนคีย์การ์ดได้จากแม่ของเธอมาเป็นอาทิตย์แล้วแต่ผมไม่ได้บอก
"ครับ..สงสัยเข้าห้องน้ำครับไม่ได้ยิน พอดีวันนี้นัดทานข้าวกับน้องที่ห้องครับ ขออนุญาตคุณน้าด้วยนะครับ"
ผมกดวางสายแม่ของเม็ดฝนแล้วทาบคีย์การ์ดกดรหัสเข้าห้อง รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงครางในหนังผู้ใหญ่ที่แสนคุ้นเคยแว่วมา
แกร๊ก..แอ๊ดดด
O_O
ยัยเด็กนี้กำลังเปิดหนังเอวีทิ้งไว้อยู่
>////<
ซึ่งตอนนี้กำลังตกใจยื่นหน้าแดงมองผมนิ่งเหมือนวิญญาณหลุดจากร่างแล้วร้องกรี๊ดเรียกผมลั่นห้อง
"ทะ..ท่านรองประธาน!!"
แล้วก็รัวคำถามใส่ผม ผมก็เลยชูคีย์การ์ดให้ดูเป็นคำตอบ มองไปยังหนังที่ผมดูจนเบื่อแล้ว เรื่องแบบนี้สู้ของจริงไม่ได้เลย จริงมะ
"พี่ต้น!! เข้ามาได้ยังไงคะ"
ส่วนยัยเด็กที่กำลังเพิ่งตั้งสติได้ก็รีบวิ่งเข้าไปพับหน้าจอลงทันที เดินเข้ามาช่วยผมหยิบของกินจากมือไปวางบนโต๊ะอาหารเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลังจากนั้นผมคงไม่ต้องเล่าว่าผมจะจัดการกับเด็กหื่นยังไง ในเมื่อคนตรงหน้าของผมแสดงอาการความต้องการขนาดนั้น
อยากมาก..เดี๋ยวพี่จัดให้
.........
'กรี๊ดดดด!!!อ๊าาา!!!'
'หึ! ยัยเฉิ่มฮอตเนิร์ต'
นี่เป็นสองประโยคสุดท้ายของเราทั้งคู่ หลังจากเย็นวันนั้น จนกระทั่งวันนี้ ผ่านมาสามวันแล้ว เสียงครางหวานๆ ที่เรียกชื่อผม และเสียงกรีดร้องตอนถึงจุดสุดยอดของยัยเด็กเนิร์ดแสนเฉิ่มนั้นมันดังก้องอยู่ในหูผมไม่หยุด ยิ่งตอนผมเจอหน้าบ๊องแบ๊วนั้นตอนไปรับไปส่งที่มหาลัยตลอดสามวันนี้มันทำให้ผมคิดถึงเรื่องเย็นวันนั้นตลอด ส่วนเด็กจอมหื่นอย่างเม็ดฝนก็เอาแต่เงียบและหลบหน้าผมตลอดไม่พูดไม่จา
โธ่เว้ย! อะไรนักหนาวะ..มีอะไรน่าจดจำกัน
ผมรู้สึกไม่สบอารมณ์นัก วันทั้งวันทำงานไม่รู้เรื่องเลยเอาแต่หูแว่วกับเสียงเรียกนั้น
'อ๊า!..พะ..พี่ต้น'
ใครจะอยากได้ยินอีก!! ไม่มีทาง..ยัยเด็กนั่นต้องเล่นของกับฉันแน่ๆ
ผมกดโทรศัพท์หาคู่ควงคนล่าสุดแล้วเจอกับที่บาร์ลับแห่งหนึ่งที่เปิดให้บริการในตอนกลางวัน
(ว่าไงคะคิดถึงเคธีเหรอ)
"เคธีว่างหรือเปล่าครับ..ผมเหงาอยากมีคู่ดื่ม"
(ตอนนี้เหรอคะ..ได้ซิคะ มีคิวถ่ายงานเหลือคิวเดียว)
"เจอกันที่เดิมนะครับ"
ให้ตายเถอะ!! ยัยเด็กเฉิ่มนั่นทำให้ผมเป็นคนโทรนัดคู่ควงก่อน เสียศักดิ์ศรีคาสโนต้นหมด ไอ่กระทิงรู้นี่ล้อผมตายเลย
........
พรึบ ปึก ปัง!!
สุดท้ายการดื่มก็จบด้วยการแนบเนื้อตอนกลางวันแสกๆเนี่ยแหละ ผมกับเคธีชอบนัดแนบเนื้อกันสองสามครั้ง จนมีข้อตกลงร่วมกัน คือเราจะเป็นแค่คู่ควงและคู่คุยเรื่องบนเตียงเท่านั้น ต่างคนห้ามเป็นเจ้าของกันและกัน ซึ่งพวกเราโอเค
เราต่างคนต่างแลกจูบกันเมื่อถึงห้องของเธอ ผลัดกันถอดเสื้อดันกันชนกำแพงจนมาถึงห้องนอนของเธอผมก็ใช้เท้าปิดประตูห้องนอน แล้วผลักเธอนั่งลงบนเตียง
"เร่าร้อนนะวันนี้..ของขาดขนาดนั้นเลยเหรอคะ"
เคธีจัดการปลดกางเกงของผมลงแต่...
มันไม่ตื่น! โธ่ให้ตายเถอะไอ่ลูกชาย สวยอึ๋มเอ็กซ์ขนาดนี้ปกติผงาดสู้ไปแล้ว ทำไมวันนี้นอนนิ่งแบบนี้ละ เมื่อเช้าตอนขับรถยังตื่นตัวอยู่เลย..
เดี๋ยวนะ..เมื่อเช้าตอนขับรถเหรอ
ในขณะที่ผมใช้ความคิดเคธีก็จับมันเล่นเธอรูดมันสองสามทีพร้อมกับที่ผมกำลังคิดถึงตอนที่กำลังขับรถอยู่ๆ หน้าน้องเฉิ่มก็ลอยมาแล้วไอ่ลูกชายก็ตื่นตัวทันที
ไม่น่าใช่..เคธีต่างหาก เพราะมือของเคธี
"จัดการมันให้หน่อยซิครับ"
เคธียิ้มหวานให้ผมแล้วอ้าปากเข้ามาครอบครองลูกชายตัวดีของผมจนผมเริ่มรู้สึกดี
"อ๊า..ปากยังอุ่นเหมือนเดิมนะ"
"เคธีรู้สึกว่ามันไม่ใหญ่เท่าเดิม"
เคธีถอดริมฝีปากออกเธอจับมันรูดอีกครั้งแล้วตวัดลิ้นบริเวณปลายยอดผมรู้สึกเสียวแต่มันไม่ได้ถึงใจขนาดนั้น เหมือนเจ้าลูกชายของผมมันไม่ได้อยากไปกับผมเลย มันค่อยๆ สงบลงแล้วนอนนิ่งบอกผมว่าฝันดีแบบหลับลึกไปเลย
เคธีเลิกทำ เธอทำหน้าเซ็งให้ผมก้มลงหยิบชุดตัวเองเดินเข้าห้องน้ำไป
โคตรรู้สึกแย่เลยวะ..ปกติไม่เคยเป็นแบบนี้เลย
ผมรู้สึกหงุดหงิดใจก้มตัวดึงกางเกงขึ้นมาสวมเหมือนเดิมแล้วตะโกนบอกเคธีว่าไว้เจอกัน ไม่ลืมที่จะกล่าวขอโทษแล้วพาตัวเองออกจากคอนโดเคธีไปให้ไวที่สุด
ผมขับรถตามถนนมาเรื่อยๆ จนรู้สึกตัวอีกทีก็จอดอยู่หน้าคณะของเม็ดฝนแล้ว ผมคิดเรื่องยัยเฉิ่มนั้นมากไปจนพาตัวเองมาถึงที่นี้เลยเหรอวะเนี่ย
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะกระจกรถดังมา เป็นฝีมือของเม็ดฝนผมจึงลดกระจกลงแล้วหันไปมองเธอยักคิ้วให้เป็นประโยคคำถาม
"ทำไมมารับเร็วจังคะ"
แค่เสียงใสกับหน้าตาบ๊องแบ๊วใต้แว่นอันใหญ่นั้น มันทำให้ผมคิดถึงเสียงนั่นอีกครั้งในหัว
'อ๊าา..พะ..พี่ต้น'
"ระ..รีบ..ขึ้นมาซิ"
ผมรีบเร่งให้เม็ดฝนขึ้นรถแล้วกระชับสูทตัวยาวของตัวเองให้กระชับเข้ากับตัวปิดบังสิ่งที่นูนออกมาอยู่ใต้กางเกง ที่จะให้ตื่นไม่ตื่น ตอนนี้ช่วงเวลานี้จะตื่นมาทำไมวะนั่น
เป็นอะไรมากไหมวะฉัน!! ป่วย ฉันต้องป่วยแน่ๆ...
ตอนอยู่ในรถเราไม่ได้คุยอะไรกันเลยมีแต่เสียงเพลงคลอเบาๆที่ผมเปิดฟังไว้เพื่อไม่ให้บรรยากาศมันเงียบ พอถึงคอนโดของเม็ดฝน เธอก็แค่กล่าวขอบคุณและลาผมเหมือนเช่นทุกครั้ง ยังทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเหมือนเดิม
ผมนั่งอยู่ในรถสักพักมองตามหลังเล็กนั้นจนลับตาไปและลูกชายของผมมันก็ไม่มีทีท่าจะสงบลงเลย หลับอิ่มแล้วซินะ หึ!! และอยู่ๆ ความคิดอันชาญฉลาดของผมก็แวบเข้ามาในหัว ผมจึงตัดสินใจหยิบคีย์การ์ดจากช่องเก็บของในรถแล้วเดินตามเธอขึ้นไป
ติ๊ด!!
"ท่านรองประธาน!"
เม็ดฝนตกใจเมื่อเห็นผมเปิดประตูเข้ามา เป็นสาวเป็นนางทำไมไม่เปลี่ยนรหัสผ่านเข้าประตูทั้งๆ ที่รู้ว่าผมก็รู้รหัสแล้ว มันน่านัก!
"วันนี้ไม่ใช่วันศุกร์เสาร์ไม่จำเป็นเรียกแบบนั้น"
"ออค่ะพี่ต้น"
'พะ..พี่ต้น' เสียงนั่นดังมาอีกแล้ว
"เว้ย! หยุดส่งเสียงเรียกสักที"
ผมตะโกนออกมาอย่างลืมตัว จนคนตรงหน้าสะดุ้งแล้วขยับถอยหลัง
"เรามีเรื่องต้องเคลียร์"
"เรื่องอะไรคะ..ฝนไม่เข้าใจ"
ผมมองไปยังโน้ตบุ๊กตัวต้นเรื่องที่มันยังถูกวางอยู่ที่เดิม แล้วกลับมามองหน้าเม็ดฝนที่เริ่มรู้สึกตัวว่าผมกำลังจะเคลียร์เรื่องอะไร
"ไม่คุยเรื่องนั้น..ดะ..ได้ไหมคะ"
"คุย!..ต้องคุย"
เม็ดฝนพยายามเดินหนีผม ซึ่งขาสั้นๆ แบบนั้นก้าวได้ไม่ยาวนักหรอก ผมรีบคว้าข้อมือเล็กนั้นแล้วดึงตัวเธอเข้ามาหาเพื่ออยากพิสูจน์อะไรบางอย่าง
ปึก!!
เมื่อคนตัวเล็กเข้าปะทะกับหน้าอกผม กลิ่นตัวที่ไร้น้ำหอมของเธอก็ลอยเข้าจมูกมา กลิ่นตัวของยัยเม็ดฝนกลิ่นหอมอ่อนเหมือนเด็ก มือบางนั้นพยายามดันผมออก ผมปล่อยข้อมือเล็กนั้นแล้วตวัดแขนโอบเอวของเม็ดฝนไว้ จากนั้นก็สอดมืออีกข้างจับท้ายทอยเอาไว้ไม่ให้เธอขยับหนีผม
"พะ..พี่ต้น..อื้อ!!!"
ผมประกบริมฝีปากตัวเองลงบนอวัยวะเดียวกันของคนตรงหน้า มือของเม็ดฝนกำลังออกแรงทุบตีผมระรัว เธอทั้งผลักทั้งตี จนผมรู้สึกได้ถึงความเปียกแฉะบนใบหน้า เธอกำลังร้องไห้ผมก็เลยถอนจูบออก มองใบหน้าที่กำลังเอ่อล้นด้วยน้ำตาด้วยความรู้สึกผิดเล็กน้อย...ถึงกับร้องไห้เลยเหรอวะ
"นิสัยไม่ดี!!นั้นมันจูบแรกของฝนนะ..อึก..ฝนอุตส่าห์เก็บไว้..อึก..ให้แฟนคนแรก..ฮื้อๆ พี่ต้นนิสัยไม่ดี"
แฟนคนแรก...
ยัยเฉิ่มเม็ดฝนไม่เคยมีแฟน = ไม่เคยมีประสบการณ์
แล้วที่บอกดูเพื่อศึกษานั้น สงสัยจะจริง
และแล้วความคิดดีๆ ของผมก็แวบเข้ามาในสมองอีกครั้ง
ผมค่อยๆ ถอดแว่นของเธอออกแล้วยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้เม็ดฝนอย่างแผ่วเบา ยัยนี่พอไร้แว่นอันใหญ่ที่บดบังใบหน้าก็น่ารักเหมือนกันแฮะ ยิ่งบ๊องแบ๊วเหมือนหมาชิสุห์มากขึ้นไปอีก
"ขอโทษครับ..ไม่รู้ว่าฝนไม่เคย"
พอผมพูดขอโทษและปลอบเธอแบบไม่เคยพูดเพราะแบบนี้กับเธอมาก่อน หน้าของเม็ดฝนก็เริ่มเปลี่ยนสีทันที มันเริ่มอมชมพูและค่อยๆ แดงไปตามการกระทำของผมที่กำลังเช็ดน้ำตาให้ ผมก็เลยลองก้มลงไปใกล้หน้าหวานนั้นจนเธอหลับตาปี๋ ผมจูบซับน้ำตาให้เธอเริ่มจากดวงตากลมโต เลื่อนลงมาที่แก้ม จมูกและจบลงที่ริมฝีปากบางสีพีชนั้นอีกครั้ง
ผมจูบเธออย่างแผ่วเบา มือกระชับเอวคอดนั้นเข้ามา อีกมือก็ลูบหลังเป็นการปลอบโยนจนมือที่กำหมัดแน่นเริ่มคลายออกเปลี่ยนมาจับยึดสูทผมไว้แทน
"อืม"
ผมครางในลำคออย่างพอใจ เมื่อเม็ดฝนเริ่มคล้อยตามผม เธอกำลังเคลิ้มกับจูบที่ผมมอบให้ครั้งที่สอง ถึงแม้ไม่ย่อมเปิดตาเพราะความเขินอาย แต่เหมือนเธอก็กำลังเปิดใจเรียนรู้กับสิ่งที่ไม่เคย ผมจึงเริ่มขยับมือเข้าในเสื้อนักศึกษาตัวโคร่งของเธอแล้วกอบกุมความนุ่มนิ่มที่อยู่บนหน้าอกของเธอเอาไว้เต็มฝ่ามือ
สาวน้อยคนนี้เช็กแค่สายตาไม่ได้แล้ว..เต็มไม้เต็มมือไปหมด!! พอผมจับมันแค่นั้นแหละ คนในอ้อมกอดรู้สึกตัวทันที เม็ดฝนเบิกตากว้างด้วยความตกใจแล้วดีดดิ้นทันที
O.O
"อื้อ!!!"