ตอนที่ 4 | เดท

2772 คำ
ติ๊ด! แกร๊ก! ร่างบางที่ยังคงอยู่ในเสื้อสีแดงเปิดประตูเข้าห้องมาก่อนจะถอดรองเท้าและเดินเลยเอากระเป๋าสะพายไปวางไว้บนโต๊ะหน้าทีวีโดยไม่ลืมที่จะส่งข้อความบอกพี่วินและแม่ของเธอว่าถึงที่พักแล้วจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง เมจิเดินไปที่หน้ากระจกมองภาพสะท้อนตรงหน้า ตาเรียวสวยมองตัวเองชัดๆ อีกทีแล้วก็ได้แต่คิดในใจเหมือนเดิมว่ามันเด่นน้อยลงกว่าเดิมตรงไหนก่อนจะส่ายหัวเบาๆ แล้วใช้มือจับชายเสื้อยกถอดออกจากตัว มือบางพลิกเสื้อที่ถอดออกมาดูเลยเห็นว่ามีป้ายแท็กห้อยอยู่ด้านในตรงคอปก…เสื้อใหม่นี่ถึงว่าล่ะตอนใส่ทำไมเหมือนมีอะไรขูดบนผิวจนรู้สึกคันยิบๆ “เดี๋ยวค่อยเอาไปซักพรุ่งนี้แล้วกัน” ปากเล็กพึมพำบอกกับตัวเองก่อนจะพับเสื้อให้เรียบร้อยและวางไว้บนโต๊ะใกล้ตัว ครืดดด ครืดด ~ “ว่าไงจ๊ะมัมหมี ~” เธอกดรับสายทันทีที่เห็นว่าเป็นแม่ของตนโทรมาพร้อมกับเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงกวนๆ อย่างต้องการหยอกล้อคนปลายสาย (อารมณ์ดีสินะลูกสาวฉัน) “55555 แค่อยากแกล้งแม่เฉยๆ…โทรมาคิดถึงหนูหรอ?” (งั้นแม่วางสายเลยนะ…) “โห่ๆๆ เดี๋ยวสิ…มีเรื่องจะบอกแม่อยู่พอดี” (แกไปทำอะไรไม่ดีมาหรือไง!) “แม่ใจเย็นนะ…เมจะบอกเฉยๆ ว่าจะลองหางานทำดูไหนๆ พี่โมก็กลับมาช่วยที่บ้านแล้วงานเมคงไม่มีอะไรมากน่ะ” นี่ฉันเกือบลืมบอกแม่ไปเลยนะเนี่ยเพราะพี่สาวฉันหรือพี่โมนากลับมาช่วยงานที่บ้านได้เต็มตัวแล้วหลังจากขอตัวไปเลี้ยงลูกมาสามสี่ปี ฉันก็เลยว่าจะหาเรื่องออกไปเจอสังคมสักหน่อยแหะๆ (อืม ก็แล้วแต่แกตัดสินใจอย่าไปทำงานหนักๆ ก็พอ…เดี๋ยวแม่บอกพ่อไว้ให้ แต่ไม่ใช่ว่าติดผู้ชายหรอกนะ?) “โห เห็นลูกสาวคนสวยเป็นคนแบบไหนเนี่ย ที่แม่โทรมาเพราะอยากรู้อะสิว่าไปเจอผู้ชายมาเป็นไงบ้าง” เธอคุยหยอกล้อกับคนปลายสายอย่างแม่ลูกที่สนิทกันเพราะก่อนจะออกไปเจอกับเขาเธอก็ส่งข้อความบอกแม่ไว้ด้วยเพราะรายนี้ชอบกังวลกลัวลูกสาวตัวเองจะไปทำมิดีมิร้ายผู้ชาย…นี่ฉันต้องดูเป็นคนยังไงกันนะ 55555 (แล้วเป็นไงบ้างพี่วินไรของแกนั่น เขาโอเคไหม แกลวนลามเขาหรือเปล่า?) “นี่แม่เห็นเมเป็นคนยังไงเนี่ยยยย” เมจิแทบอยากจะกรี๊ดออกมาจริงๆ ที่แม่ของเธอยังคงพูดออกมาแบบนั้นแต่สุดท้ายก็เป็นฝ่ายเบ่าออกไปเองอยู่ดี “อืมมม…เมว่าเขาก็น่ารักดีถ้าดูจากแค่ไม่กี่ชั่วโมงที่ได้เจอกันนะ ถึงเขาจะดูขี้เล่นกะล่อนแต่เอาเข้าจริงๆ ก็ดูเป็นคนจริงจังอยู่ดูเป็นผู้ใหญ่ดี” เธอบอกแม่ไปตามความรู้สึก (งั้นก็ดีแล้วใช้เวลาค่อยๆ ดูไปอย่ารีบร้อนละกันนะเรา) น้ำเสียงจากปลายสายที่ตอบกลับมาแฝงความเป็นห่วงอย่างชัดเจน “ไม่รีบ…แต่แอบแต๊ะอั๋งผู้ชายหน่อยได้เปล่า อิอิ” (แกมันก็ดีแต่ปากนั่นแหละเลี้ยงมาทำไมจะไม่รู้…งั้นแม่วางละนะรายการโปรดมาแล้ว ส่วนแกก็ไปอาบน้ำนอนได้แล้วดึกแล้ว) “จ้าๆ ฝันดีนะจ๊ะ จุ๊บบบบๆๆ” หมดเรื่องสนใจก็ไปเลยนะเนี่ยแม่ฉัน 07:30 น. เช้าอีกวัน กริ๊งงง ~ กริ๊งงงง ~ “งืมมม…” เมจิที่กำลังซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มดึงมือออกมาก่อนจะควานหามือถือที่อยู่ข้างตัวแล้วกดปิดนาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้เมื่อคืนให้เงียบลง หาวววว ~ ปากเล็กอ้ากว้างก่อนจะค่อยๆ ยันตัวเองลุกขึ้นมานั่งด้วยความทุลักทุเล ทำไมรู้สึกปวดเมื่อยตามตัวแบบนี้นะเหมือนคนแก่เลยสงสัยเป็นเพราะตีกอล์ฟเมื่อวานแน่ๆ ต้องขยันออกกำลังกายให้มากกว่านี้สักหน่อยแล้วมั้งยัยเม เท้าเรียวเล็กหย่อนลงจากที่นอนก่อนจะทำท่าทางยืดเส้นยืดสายแล้วเดินหายเข้าไปในห้องน้ำสักพักหนึ่งถึงได้ออกมาแต่งหน้าแต่งตัวพร้อมกับหาอะไรรองท้องนิดหน่อยยามเช้า “ออกไปเลยดีกว่า…เราจะประมาทการจราจรในกรุงเทพฯไม่ได้” เสียงหวานพูดขึ้นบอกกับตัวเองหลังจากเพิ่งแต่งตัวเสร็จแล้วเหลือบตามองเวลาที่ปาไปเก้าโมงกว่าแล้ว ถึงแม้วันนี้เธอจะมีนัดกับพี่วินตอนสิบโมงเช้าและเป็นห้างที่ไม่ห่างจากที่พักของเธอมากเท่าไหร่แต่เผื่อเวลาไว้หน่อยก็น่าจะดีกว่าล่ะนะ ใช้เวลาไม่นานเมจิก็มาถึงห้างที่นัดกันไว้ ขาเรียวสวยเดินเข้าไปในห้างพลางหันหัวมองซ้ายขวาหาจุดสังเกตก่อนจะส่งข้อความบอกพี่วินว่าเธอรอเขาอยู่ตรงไหนชั้นไหน พอส่งข้อความเรียบร้อยก็หย่อนมือถือเก็บลงกระเป๋าตามเดิมก่อนจะชะเง้อมองซ้ายมองขวาก็เห็นร้านขายชุดชั้นในสตรีที่มีป้ายโฆษณาลดราคา 70% เด่นดึงดูดสายตา…อืม ระหว่างรอพี่วินมาเดินเข้าไปดูหน่อยดีกว่า เมจิเดินดูไปเรื่อยๆ จับตัวนั้นทีตัวนี้ทีก่อนจะมาหยุดที่ชุดชั้นในเข้าเซตลายลูกไม้สีขาว นิ้วเรียวไล่หาไซซ์ของตัวเองก่อนจะหยิบขึ้นมาดูพลิกด้านหน้าด้านหลังด้วยความสนใจ “ขนาดนี้นี่เอง…พี่ว่าก็กำลังพอดีมือนะ” “!!!” ร่างบางสะดุ้งทันทีที่อยู่ดีๆ ก็ได้ยินเสียงทุ้มติดขี้เล่นพูดขึ้นชิดใบหู ทำให้เธอรีบวางสิ่งที่ถืออยู่ในมือกลับเข้าที่เดิมด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะหันกลับมาหาต้นตอของเสียงก็เห็นหนุ่มแว่นตัวสูงยืนอยู่พร้อมกับโน้มตัวเข้ามาหาเธอด้วยท่าเอามือไพล่หลังก่อนจะลากตาคมมองเลยไปที่เสื้อชั้นในที่เพิ่งถูกเธอวางกลับเข้าชั้นไปเมื่อสักครู่ “ไม่ซื้อหรอ?” “เมหิวข้าวแล้วไปกินข้าวกันดีกว่า” คนตัวเล็กไม่ตอบแต่รีบเบี่ยงประเด็นคว้าแขนชายหนุ่มเดินออกมานอกร้านทันที “สรุปไม่ซื้อจริงๆ หรอพี่ว่าสวยดีนะ” วินยังคงถามย้ำ “โอ๊ย พี่ก็…เดี๋ยวเมค่อยมาซื้อ” “55555 โถ่ก็นึกว่าเขินแล้วจะไม่เอา” เขาปล่อยเสียงหัวเราะออกมากับความน่าแกล้งของหญิงสาวข้างกาย นัยน์ตาสวยได้แต่มองผู้ชายตรงหน้าที่ยืนขำใส่เธอด้วยความชอบอกชอบใจกับคำตอบ…เขินมันก็เขินอยู่หรอกแต่ลดขนาดนี้กับคุณภาพดีแบบนั้นต้องเอาไว้ก่อนแหละไว้ค่อยเขินทีหลังแล้วกัน ร้านอาหารญี่ปุ่น “ข้าวหน้าเนื้อวากิวกับชุดเบนโตะซาซิมิ ทานให้อร่อยนะคะ” เสียงพนักงานเอ่ยขึ้นหลังจากเสิร์ฟอาหารลงบนโต๊ะเรียบร้อยก่อนจะเดินจากไป “ว่าแต่วันนี้เราจะไปไหนกันหรอพี่” เสียงหวานถามคนที่นั่งตรงข้ามเธอแล้วก็เริ่มจัดการกับอาหารที่อยู่ตรงหน้าไปด้วย “อืม…ไปปั่นเป็ดไหม? วันนี้น่าจะพอเดินเล่นข้างนอกได้นะแดดไม่จัดเท่าไหร่” “ได้ค่ะ เอ้อ จริงสิ เมว่าจะลองหางานทำดูด้วยช่วงนี้งานที่บ้านไม่ค่อยยุ่งเท่าไหร่” เธอบอกเขาทันทีที่นึกออก “จริงหรอ…แล้วมีดูๆ ไว้บ้างไหม ทำเรซูเม่หรือยัง” ใบหน้าหล่อเงยขึ้นมาจากอาหารตรงหน้าแล้วมองเธอด้วยสายตาจริงจัง “ก็ดูๆ ไว้บ้างแล้วนะ เมมีเรซูเม่อยู่แล้วอีกอย่างเมจบบริหารก็คงหางานได้ค่อนข้างหลากหลายอยู่มั้ง” “แล้วสนใจงานประเภทไหนเป็นพิเศษไหม เช่น เป็นเด็กเอ็นให้พี่?” “เฮ้อออออ!” เมจิถอนหายใจออกมาเสียงดังอย่างต้องการให้คนตรงข้ามรับรู้ถึงความรู้สึกภายในใจ… ขอถอนคำพูดที่ว่าพี่เขาดูเป็นคนจริงจังออกละกัน! “5555 โอเคๆ ไม่เล่นแล้ว พี่พอจะมีคนรู้จักอยู่ยังไงเดี๋ยวบอกอีกที” เสียงทุ้มเอ่ยบอกสาวน้อยตรงหน้าก่อนจะตักอาหารในจานเข้าปากไปอีกคำ หลังจากนั้นทั้งสองคนก็นั่งกินอาหารกันจนเกลี้ยงโดยที่เมจิก็เริ่มคุ้นชิ้นกับเขามากขึ้นแล้ว “เมว่าเราไปรถไฟฟ้าก็ได้นะแถวนั้นน่าจะหาที่จอดยากด้วย” เสียงหวานเอ่ยขึ้นหลังจากเดินออกมาจากร้านอาหาร… “พี่ไม่มีปัญหา…แต่เมอะไหวไหม” คนตัวสูงตอบก่อนจะใช้สายตามองเมจิที่วันนี้ใส่สูทโอเวอร์ไซซ์ด้านในเป็นครอปทอปสีดำกับกางเกงยีนส์ขายาวที่ผ้าก็ดูจะหนาอยู่ “ไหวสิ ทำไมจะไม่ไหวเห็นงี้เมแกร่งมากนะ” คนตัวเล็กกว่าตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่นพร้อมยักคิ้วให้อีกที เธอพอจะรู้อยู่ว่าจากห้างเดินไปสถานีรถไฟฟ้าไม่ใกล้เท่าไหร่…สบายมาก! 15 นาทีผ่านไป “แฮ่ก แฮ่ก เฮ้อออ ถึงส๊ากที!” เมจิหอบหายใจก่อนจะพูดออกมาพร้อมกับยกหลังมือขึ้นซับเหงื่อตรงขมับของตนเอง “หึ ไหนบอกว่า ไหวสิ ทำไมจะไม่ไหว” วินพูดพร้อมทำเสียงล้อเลียนร่างบางก่อนจะยักคิ้วให้หนึ่งที “ก็ไหวไงแต่ขอบ่นหน่อยไม่ได้หรอ” หน้าสวยๆ หันไปทำหน้ามุ่ยใส่คนที่แกล้งล้อเลียนเธอ “อ่อครับๆ ครับผมๆ” “พี่ นั่นเสียงรถไฟนี่ เรารีบไปกันเถอะเดี๋ยวไม่ทันขบวนนี้” เมจิพูดขึ้นหลังจากได้ยินเสียงรถไฟที่กำลังเคลื่อนตัวเข้าสถานีพร้อมกับขาเรียวรีบก้าวออกไปโดยไม่ลืมคว้าแขนของชายหนุ่มให้เดินตามมาด้วยเพราะถ้าไม่ทำแบบนั้นมีหวังได้พลัดหลงกันแน่ๆ ใช้เวลาอีกประมาณเกือบสามสิบนาทีทั้งคู่ก็มาถึงสวนสาธารณะขนาดใหญ่ใจกลางเมืองถึงแม้จะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์แต่ด้วยความที่พื้นที่ค่อนข้างกว้างคนเลยดูไม่ค่อยพลุกพล่านมากนัก ภายในสวนอากาศถ่ายเทร่มรื่นเพราะมีต้นไม้ใหญ่ปกคลุมเกือบทั่วทั้งบริเวณ มีพื้นที่สำหรับให้นั่งปิกนิก ปั่นจักรยาน และ แบ่งเป็นสัดเป็นส่วนระหว่างโซนสัตว์เลี้ยงกับโซนกิจกรรมไว้อย่างเป็นระเบียบ “อากาศดีกว่าที่คิดนะเนี่ย…เราไปตรงซุ้มปั่นเป็ดก่อนเลยดีไหม” เสียงทุ้มพูดขึ้นพร้อมกับหันไปมองคนตัวเล็กกว่าที่เดินอยู่ข้างๆ “อื้ม! พี่ว่าไงเมก็ตามนั้น” ร่างสูงพอได้ยินแบบนั้นก็พาเมจิเดินตรงไปยังซุ้มกิจกรรมด้านหน้าที่อยู่ห่างไปไม่มากจากจุดที่ทั้งสองคนยืนอยู่ พอเดินมาถึงก็มีเจ้าหน้าที่กำลังนำเสื้อชูชีพออกมาเรียงพร้อมกับลากเจ้าเรือเป็ดขึ้นมาตั้งรอไว้บนแพทุ่นลอยน้ำ “ขอโทษนะครับ…อันนี้เปิดหรือยังครับ” วินเอ่ยถามเจ้าหน้าที่หญิงคนนึงที่กำลังเอาสมุดรายชื่อออกมาวาง “เปิดแล้วค่ะพี่…เขียนชื่อลงสมุดนี่ได้เลยนะคะ” เจ้าหน้าที่หญิงคนนั้นตอบพร้อมกับส่งสายตาให้หนุ่มหล่อที่เอ่ยถามเธอ วินเขียนเพียงชื่อเล่นของตนเองกับเมจิลงไปโดยไม่รู้ตัวว่ามีคนตัวเล็กคอยแอบสังเกตการณ์เงียบๆ ว่าเขาได้เล่นหูเล่นตากับผู้หญิงคนนั้นไหม… ไม่ได้หรอกฉันต้องเก็บทุกรายละเอียดอีกอย่างเขาก็ดูจะกะล่อนอยู่เผื่อเป็นเสือตัวพ่อขึ้นมาเธอจะได้เผ่นทันยังไงล่ะ! “เดี๋ยวโดนัทไปหยิบชูชีพให้นะคะ” บริการดีเชียวนะหล่อน… “นี่ค่ะ…ของพี่” “ขอบคุณครับ” วินรับชูชีพมาก่อนจะหันมาหาเมจิที่ยืนอยู่ด้านหลังแล้วจัดการใส่ชูชีพให้เธอเสร็จสรรพก่อนจะใส่ของตัวเอง “ยินดีค่ะ” เสียงหวานเอ่ยบอกคนตรงหน้า “ถ้าเรียบร้อยแล้วมาทางนี้เลยครับขึ้นเป็ดเลยๆ” เสียงตะโกนดังมาจากแพทุ่นลอยน้ำด้านนอกเรียกให้ทั้งสองคนเดินไปขึ้นเรือเป็ดที่จอดรออยู่ซึ่งเธอกับพี่วินก็เดินไปตามที่เขาเรียก “โอเค…น้องผู้ชายเข้าไปก่อนเลยครับ ระวังหัวนะ น้องผู้หญิงยกขาดีๆ” พอทั้งคู่เข้าไปนั่งบนเรือเป็ดเป็นที่เรียบร้อยพี่ผู้ชายก็บอกวิธีการบังคับทิศทางซึ่งแน่นอนว่าเป็นพี่วินรับผิดชอบหน้าที่นี้ ส่วนเธอจะช่วยออกแรงขาอย่างเต็มกำลังก็แล้วกัน! “เอาล่ะจับแน่นๆ ผมจะดันลงแล้วนะ” ตู้มมมม!!! ว้ายยยย แน่นอนว่าเสียงกรี๊ดเมื่อกี้เป็นของฉันเอง “หึ โอเคไหมสาวน้อย” วินกระตุกยิ้มมุมปากกับท่าทางของเมจิเมื่อสักครู่ “สบายดีค่ะลุง อิอิ” มัวแต่เรียกเธอว่าสาวน้อยอยู่ได้ก็ต้องตอบแบบนี้แหละถูกต้อง! “ปากดีจริงๆ ช่วยปั่นเลยอย่าอู้ๆ” เอี๊ยด แอ๊ด อี๊ด ~ เสียงเรือเป็ดที่กำลังมุ่งหน้าไปตรงเกาะกลางเพื่อหามุมร่มๆ หลบแดด “จริงสิ น้องโดนัทอะไรนั่นดูท่าจะสนใจพี่นะ” “อืม…พอดีพี่ไม่ชอบกินขนมน่ะ ชอบกินนมเมจิมากกว่า” ใบหน้าหล่อคมของคนที่นั่งข้างๆ หันกลับมาตอบก่อนจะจ้องเธอตาไม่กระพริบ…นี่มันเป็นประโยคที่เธอควรจะใจฟูหรือต้องระวังตัวก่อนดี? บุ๋ม บุ๋ม ~ ไม่ทันได้คิดอะไรต่อใบหน้าสวยก็ต้องหันหน้ามองตามเสียงที่ดังขึ้นจากฝั่งข้างตัวเธอทำให้สายตาปะทะเข้ากับ…ตะ ตะ ตัว เหี้ย!!!! “พี่วิน!! เหี้ย!! ไปเร็ว!!!” เธอหันไปบอกเขาพร้อมกับเอามือเขย่าแขนคนข้างๆ ไปด้วยเป็นการเร่งให้ไปจากตรงนี้ไวๆ “แฮ่ก เมื่อกี้เราแอบด่าพี่เปล่าอะ?” วินเอ่ยถามติดหอบหลังจากที่เพิ่งเดินมาถึงสถานีรถไฟฟ้าเพื่อกลับไปยังห้างที่จอดรถทิ้งไว้ จะไม่ให้เขาเหนื่อยได้ยังไงพอเมจิตกใจก็ลืมช่วยเขาปั่นเลยน่ะสินั่งเขย่าแขนส่งกำลังใจอย่างเดียว…ยัยตัวแสบ! “ด่าอะไรเมตกใจเฉยๆ พี่คิดมาก…นี่คนเยอะกว่าขามาอีกนะเนี่ย” เมจิตอบโดยไม่มองหน้าแต่เลือกที่จะมองความแออัดของผู้คนในสถานีแทน “อืม เชื่อก็ได้ รถไฟมานู่นแล้วสงสัยเราต้องใช้วิชาลีบตัวเข้าไปแล้วล่ะ” คนตัวสูงไม่พูดเปล่าแต่ยกมือหนาจับไหล่บางไว้มั่นไม่ให้หลงกัน ครืดดดด ~ เสียงประตูรถไฟฟ้าเปิดออกก่อนที่คนจากด้านในจะพรั่งพรูกันออกมาพอเริ่มมีพื้นที่ว่างบางคนที่พอแทรกเข้าไปได้ก็เดินสวนเข้าไป เมจิค่อยๆ เดินเข้าไปโดยพยายามไม่ดันหรือเบียดใคร แต่ด้วยความหนาแน่นของคนทำให้ตัวเธอโดนเบียดกระแทกจนเซแต่เพราะมีพี่วินจับไหล่ประคองไว้ทำให้ไม่ล้มลงไป จนในที่สุดเธอก็พาร่างเข้ามายืนมุมที่ว่างด้านข้างประตูจนได้ก่อนจะรีบหันตัวกลับไปหาคนด้านหลังเพื่อรอให้เขาเข้ามา ปึง!! ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด เป็นจังหวะเดียวกับที่ตาเรียวหันไปเห็นคนตัวสูงกำลังแทรกตัวเองเข้ามาแต่ถูกประตูรถไฟฟ้าหนีบเข้าใส่อย่างจังจนตัวของเขากระเด็นออกไปด้านนอกรถไฟฟ้า เมจิตกใจกับภาพที่เห็นแต่ทันทีที่ประตูเลื่อนเปิดออกอีกครั้งเธอก็รีบเอื้อมมือออกไปดึงเขาให้เข้ามาก่อนจะใช้มือพลิกแขนแกร่งของชายหนุ่มเพื่อดูว่าเขาได้รับบาดเจ็บอะไรไหม “พี่เจ็บไหม เป็นอะไรมากหรือเปล่า” เธอถามขึ้นโดยไม่ได้มองหน้าเขาเพราะตายังคงมองสำรวจไปทั่วตัวของชายหนุ่มก่อนจะจับมือหนาให้จับกับที่จับด้านข้างไว้จะได้ไม่เสียหลัก…คนตัวเล็กแอบรู้สึกผิดอยู่ในใจที่เขาต้องมาเจ็บตัวเพราะเธอจนสีหน้าและแววตาฉายแววความกังวลออกมาโดยไม่รู้เลยว่ามีนัยน์ตาคมของวินสังเกตทุกกิริยาท่าทางของเธออยู่ตลอด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม