เสียงซ่าเบา ๆ ดังขึ้นจากทีวี เหมือนคลื่นสัญญาณรบกวน ก่อนที่ภาพขาวดำจะเผยการทดลองบางอย่างเกี่ยวกับ นกฮัมมิ่งเบิร์ด
อี๋หวังสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะรีบกดปิดทันที ใบหน้าของเขามีเงามืดปกคลุม ริมฝีปากบางขบแน่นเหมือนคนกำลังซ่อนความจริงบางอย่าง
“ฉัน…ขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”
น้ำเสียงเขาต่ำกว่าปกติ เหมือนพยายามปิดบังความรู้สึกอะไรบางอย่าง
เขาลุกขึ้นเดินหายไปทางประตูด้านใน ทิ้งให้ผมนั่งอยู่คนเดียวในห้องเงียบ ๆ
เวลาผ่านไปไม่ถึงห้านาที เสียง ปัง!! ปัง!! ดังสนั่นจากห้องน้ำ ทำให้ผมสะดุ้งเฮือก
ผมรีบวิ่งไปที่หน้าประตูแล้วพยายามหมุนลูกบิด แต่มันถูกล็อคแน่นไม่ขยับเลย
เสียงดังโครมครามจากด้านในเหมือนมีใครกำลังอาละวาด ผมใจเต้นแรงด้วยความกังวล ก่อนจะเงยหน้ามองผ่านบานกระจกเล็ก ๆ ด้านบน
สิ่งที่เห็นทำให้หัวใจผมหยุดเต้นไปชั่วขณะ—
อี๋หวังกำลังก้มหน้ามองเงาตัวเองในกระจก แววตาคมกริบเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง ริมฝีปากขยับพึมพำเหมือนกำลังคุยกับใครอีกคน
ผมรีบถอยออกมา รู้สึกว่าถ้าอยู่ต่อไปอาจจะโดนลากเข้าไปด้วย
ความอยากรู้อยากเห็นชนะความกลัว มือผมคว้ารีโมททีวีขึ้นมาอีกครั้งแล้วกดเปิด
หน้าจอสีฟ้าแตกเป็นลายเส้น ภาพสั่น ๆ ก่อนข้อความสีขาวจะปรากฏขึ้น
[โครงการ NG90-1: การดัดแปลงพันธุกรรมนกฮัมมิ่งเบิร์ด]
ชายในชุดอวกาศสีขาวปรากฏขึ้น เสียงของเขาเย็นชาไร้อารมณ์
> “นกจำนวน 977 ตัว ถูกฝัง เมล็ดปะการังเรืองแสง ไว้ที่หัวใจ เพื่อทดสอบความสามารถในการอยู่รอดในชั้นบรรยากาศของปี 2XXX”
ภาพตัดไปที่กล่องโปร่งใสคล้ายอุกกาบาต ภายในคือนกฮัมมิ่งเบิร์ดนับร้อยกำลังกระพือปีกสั่น ๆ ก่อนนักวิจัยจะฉีดสารเหลวคล้ายคริสตัลลงไปในร่างพวกมัน
เสียงกรีดร้องเล็ก ๆ ดังแหลมบาดหู บางตัวดิ้นจนกระดูกหัก บางตัวหยุดขยับทันที ร่างกลายเป็นก้อนหินสีแปลกประหลาด—ทองคำ เพชร ทับทิม เหล็ก—ราวกับร่างกายแปรสภาพเป็นแร่ธาตุจากโลกที่ไม่เคยมีมาก่อน
“เมื่อทดลองไป 100 ตัว ผลล้มเหลว… ร่างที่เหลือกลายเป็นแร่หรือแตกสลาย เราจึงปรับเปลี่ยนสารเคมีต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งนกตัวสุดท้ายหมดไป”
เสียงบันทึกแห้งแล้งไร้อารมณ์ แต่ภาพนกถูกยัดเข้าไปทีละตัว ๆ ทำให้ผมแทบอาเจียน
จู่ ๆ ภาพก็ตัดมาที่ข้อความสุดท้ายบนจอ
[ตัวอย่างที่รอด : 1 / 977]
ผมเบิกตากว้าง—
ก่อนจะรู้สึกได้ถึงเงาดำข้างตัว
อี๋หวังยืนอยู่ตรงนั้น ทั้งที่เมื่อครู่ผมยังได้ยินเสียงเขาในห้องน้ำ
แววตาของเขานิ่งสนิทเหมือนกำลังจับผิด ผมรีบกดปิดทีวี แต่ช้าไป—รีโมทในมือถูกแย่งไปอย่างง่ายดาย เขาโยนมันไปที่มุมห้องด้วยท่าทางไม่พอใจ
ทันใดนั้น ใบปลิวที่ผมถืออยู่ในมือเปลี่ยนไปเอง
[กฎข้อถัดไป]
ทำให้อี๋หวัง**ดี ภายใน 1 ชั่วโมง
ผมหน้าซีด หัวใจเต้นแรงจนแทบหลุดออกมา พยายามสื่อสารกับทีมนักวิจัยในหูฟัง แต่สัญญาณกลับเงียบสนิท
“ง้อคนต้องทำยังไง… ฉันไม่เคยมีแฟนสักหน่อย…” ผมพึมพำกับตัวเองอย่างจนปัญญา
แต่ทันใดนั้นผมก็นึกออกว่า—อี๋หวังชอบของหวาน เวลาที่เขาหงุดหงิดจะกินน้ำตาลตลอด ผมรีบลุกขึ้นจะไปที่ครัว
หมับ! มือเย็นเยียบของอี๋หวังคว้าข้อมือผมไว้แน่น เขาดึงแรงจนร่างผมล้มลงบนตักของเขา
“ใครอนุญาตให้นายลุกออกไป?” น้ำเสียงเรียบแต่กดดันจนผมหายใจไม่ออก
ผมกัดปากแน่น ความกดดันทำให้ริมฝีปากแตก เลือดสีแดงสดซึมออกมาเล็กน้อย
อี๋หวังชะงัก มองเลือดนั้นด้วยสายตาแปลกประหลาด ก่อนใช้มือยกคางผมขึ้นแล้วโน้มหน้าลง—
ริมฝีปากเขาประกบกับผมอย่างรุนแรง
รสชาติเข้มข้นของเลือดผสมกับความร้อนผ่าวจากลมหายใจทำให้ร่างกายผมร้อนวูบวาบ หัวใจเต้นแรงจนหูอื้อ
เสียงจูบสะท้อนก้องไปทั่วห้องเงียบงัน
“หวาน…มาก” เขาพูดด้วยน้ำเสียงพอใจ พร้อมรอยยิ้มโรคจิตบาง ๆ
ทันใดนั้นเสียงของนักวิจัยก็ดังขึ้นในหูฟัง
“โอ้…ขอโทษที เพิ่งไปเอากาแฟมา นายทำได้ดี บีนนี่—ภารกิจนี้ผ่านไปอีกหนึ่งก้าว”
ผมกำหมัดแน่น ตัวสั่นจนห้ามไม่อยู่… เพราะผมรู้ดีว่า นี่ไม่ใช่ความรัก แต่มันคือการทดลองที่ไม่มีวันหลุดพ้น