ตามคนหนีเที่ยว

1342 คำ
“เฮ้ย!” “อย่า...” เพล้ง! “กรี๊ด” เสียงทุกอย่างดังขึ้นไล่เลี่ยกันเพียงเสี้ยวนาที และจบที่เสียงกระจกร่วงลงกระทบพื้นกระเบื้องแตกกระจาย สร้างความแตกตื่นฮือฮาให้แก่พนักงานและแขกที่มาใช้บริการไม่น้อย เพราะกระจกที่แตกไม่ใช่กระจกธรรมดาแต่เป็นกระจกบานใหญ่หน้าร้านอาบ อบ นวด จากนั้นก็มีหญิงสาวเดินถือค้อนตีตะปูเข้ามาในร้าน กวาดสายตามองไปรอบร้านเพื่อหาตัวต้นเหตุที่ทำให้เธอมาเยือนที่นี่ “พ่อหนึ่ง! พ่อสอง! อยู่ไหนคะ ออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ ถ้าไม่ออกมารับรองร้านได้พังมากกว่านี้แน่” เสียงที่หวานในยามปกติบัดนี้ห้วนจัด ใบหน้าที่สวยหวานน่ารัก น่าเอ็นดู ตอนนี้บึ้งตึงอย่างเอาเรื่อง ดวงตากลมโตที่ชอบทอประกายระยิบระยับบัดนี้จ้องเขม็งไปยังผู้จัดการร้านที่ยืนหน้าซีดอยู่ตรงหน้า “เอ่อ...คุณครับ ผมว่า...” “ไปตามพ่อหนึ่งกับพ่อสองมาเดี๋ยวค่ะ ถ้าไม่อยากให้ร้านพังมากกว่านี้” “ครับๆ ...ไปตามมาเร็วสิ” ก่อนที่ร้านจะพัง กระจกทั้งร้านจะแตกทุกบาน ผู้จัดการจึงรีบให้พนักงานเข้าไปตามลูกค้าที่เพิ่งเข้ามาใช้บริการได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงออกมา ส่วนคนที่ต้องการตัวตอนนี้กำลังนอนคว่ำหน้าบนเตียงนอนในสภาพผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันรอบเอวสอบ กำลังให้พนักงานสาวที่ก็อยู่ในชุดผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันรอบตัวบีบนวดคลายเส้น ด้วยความที่ห้องพักเป็นห้องเก็บเสียง จึงทำให้ทั้งสองคนไม่ได้ยินเสียงหายนะที่เกิดขึ้นอยู่ด้านนอก หลับตาพริ้มมีความสุขทั้งกายและใจ “พี่ว่าถ้าลูกเรารู้ เราจะโดนอะไร” สองที่นอนหลับตาพริ้มให้หญิงสาวนั่งบีบนวดเอ่ยถามขึ้น หนึ่งหัวเราะหึออกมาในลำคอ เมื่อคิดถึงใบหน้าของลูกสาว “ก็คงงอนตามประสาแหละ แต่พี่ว่ามันคงไม่มีเหตุการณ์นั้นขึ้นหรอก ลืมไปแล้วเหรอว่าตอนนี้ลูกเราไม่อยู่ ไปเที่ยว” “จริงด้วย ผมก็ลืมไป” แมวร่าเริงสองตัวยิ้มกริ่ม ทว่ายังยิ้มได้ไม่เท่าไหร่เสียงเคาะประตูห้องก็ดังรัวติดกัน ก่อนจะถูกเปิดออกจากทางด้านนอก “ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าคุณสองคนชื่อหนึ่งกับสองหรือเปล่าครับ” คนที่นอนหลับตาพริ้มลืมตาขึ้นและหันหน้าไปฝั่งพนักงานที่ยืนหน้าซีดตัวสั่น หนึ่งจึงเอ่ยตอบไป “ใช่ ทำไม มีอะไร” ณชานั่งสงบสติอารมณ์ ท่องพุทโธ นะโม ตัสสะ ไม่รู้กี่รอบ นั่งกำหนดลมหายใจเข้าออกไม่รู้กี่ร้อยครั้ง แต่กลับดับความร้อนระอุในใจไม่ได้เลยสักนิด ยังคงร้อนดั่งมีคนมาสุมไฟในใจ ถ้าเธอไม่โกหกว่าจะไปเที่ยวคงไม่รู้เลยใช่ไหม ว่าพ่อของเธอพากันมาเที่ยวสถานที่แบบนี้ ทั้งที่รับปากกับเธอหนักแน่น ว่าจะไม่ไปเถลไถลที่ไหน จะทำตัวดีอยู่บ้านเฝ้าบ้าน นี่เธอไปยังไม่ทันข้ามคืนก็พากันมาลงอ่างซะแล้ว รวมหัวกันโกหกเธอทั้งพี่ทั้งน้อง มันน่านัก... หนึ่งและสองเดินหน้าซีด ใจเต้นแรง เหลือบมองหน้ากันเป็นระยะ เมื่อเห็นมาแต่ไกลว่าคนที่นั่งอยู่ภายในร้านคือใคร และยังแอบมองความเสียหายของร้านที่คงเกิดจากฝีมือใครไม่ได้ นอกจากคนที่นั่งหน้าบึ้งอยู่ที่โซฟารับรอง “พี่ เราจะรอดไหมวะ หรือจะเละเหมือนกระจกพวกนั้น” สองที่ว่าแน่เมื่อเห็นสีหน้าของณชาก็ยังเกิดความหวั่นใจ หนึ่งที่คิดว่าตัวเองเป็นคนนิ่งขรึมและคุมอารมณ์ได้ดี ก็ยังแอบหวั่นใจไม่ต่างจากน้องชายนัก “พี่ไม่รู้เหมือนกัน รู้แต่ว่าทำยังไงก็ได้ให้ชาหายโกรธ” แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าช่างยากเย็นแสนเข็ญก็ตาม “จะยืนซุบซิบกันอีกนานไหมคะ ชานั่งรอนานแล้วนะ” เสียงห้วนดังแทรกความเงียบสงัดขึ้นมา ทำให้สองพี่น้องถึงกับสะดุ้ง รีบพากันเดินเข้ามาหาลูกสาวด้วยความเร็ว “มาแล้วครับน้องชา” สองที่อยู่เป็นรีบยิ้มเอาใจ เดินเข้ามาหาณชา ทว่ากลับได้สายตาขวางตวัดมองกลับมา “ไม่ต้องเข้ามาใกล้เลยค่ะพ่อสอง พ่อหนึ่งก็เหมือนกัน จัดการเคลียร์ค่าใช้จ่ายให้ร้านซะ เดี๋ยวชากลับไปรอที่บ้าน ให้เวลาแค่หนึ่งชั่วโมงเท่านั้นนะคะ ไม่เกินสี่ทุ่ม พ่อทั้งสองคนต้องถึงบ้าน ถ้าช้าแม้แต่นาทีเดียว ไม่ต้องบอกนะคะว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง” ว่าจบก็คว้าค้อนเดินฉับๆ ออกจากร้านไป และก่อนจะไปยังไม่วายจะทุบกระจกอีกบานเพื่อระบายอารมณ์โมโหของตัวเอง เล่นเอาทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นสะดุ้งไปตามๆ กัน “สองแกรีบไปจัดการเลย” “ครับพี่” สองรีบไปเคลียร์ค่าใช้จ่าย ส่วนหนึ่งก็มองสำรวจความเสียหายพลางส่ายหน้าให้กับอารมณ์ของณชา แต่จะโทษใครได้ ในเมื่อเขาและน้องหาเรื่องใส่ตัวเองทั้งนั้น ทั้งที่รับปากกับหญิงสาวเสียดิบดีว่าจะไม่นอกลู่นอกทาง แต่ก็ยังไม่วายพากันออกมาเริงร่าจนได้เรื่อง เมื่อมาถึงบ้าน ณชาก็ไม่ได้เดินเข้าไปรอคนที่เธอเรียกเขาว่าพ่อทั้งสองคน ทว่าหญิงสาวกลับมานั่งเล่นที่สวนหน้าบ้าน เงยหน้ามองท้องนภาในยามราตรี ในความมืดมิดที่กว้างใหญ่ยังคงมีดวงดาวทอประกายระยิบระยับประดับเพิ่มแสงสว่าง ทำให้ท้องฟ้าไม่ดูน่ากลัวและอ้างว้างจนเกินไป คงเหมือนเธอที่ต้องอยู่บนท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ เป็นดาวดวงเล็กที่มองแทบไม่เห็นแสงของมัน แต่ยังดีที่มีดาวดวงใหญ่สองดวงโอบกอดเธอไว้ และคอยอยู่เคียงข้างเธอไม่ให้เธออ้างว้างเดียวดายจนเกินไป ดาวที่ได้ชื่อว่าพ่อ... ทว่ากลับไม่ใช่พ่อแท้ๆ แต่เป็นพ่อบุญธรรมที่รับเธอมาเลี้ยงดูจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อ ที่เธอกำลังจะจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่สาม หนึ่งและสองเข้าไปทำธุระที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า และบังเอิญเห็นเธอเข้าพอดี จึงรับเธอมาอุปการะเลี้ยงดู ส่งเสียเธอได้เล่าเรียนจนเกือบจบปริญญาตรีในอีกไม่ช้า และแน่นอนว่าของฟรีไม่มีในโลก ไม่มีใครเลี้ยงใครโดยไม่หวังผลตอบแทน เช่นเดียวกับหนึ่งและสอง การที่เขาเสียเงินมากมายในการเลี้ยงดูเธอมา เขาย่อมต้องการสิ่งตอบแทน และสิ่งตอบแทนของเขาก็ไม่ใช่เงินทอง ทว่ามันคือความต้องการทางเพศที่เขาต้องการจากเธอ ด้วยรสนิยมทางเพศที่ไม่ปกติ ทำให้พ่อของเธอทั้งสองคนต้องรับเธอมาเลี้ยงดู หากถามว่าทำไมเธอถึงยอม เธอก็อยากถามกลับเช่นกัน ว่าเธอมีสิทธิ์อะไรไม่ยอมอย่างนั้นเหรอ ในเมื่อชีวิตของเธออยู่ในกำมือเขา คนที่ไม่มีแม้กระทั่งที่จะซุกหัวนอน คนที่แบมือขอเงินเขากินใช้ทุกวัน คนที่ต้องการเงินของเขาเพื่อจ่ายค่าเทอม และอะไรอีกหลายอย่าง แต่ที่สำคัญที่สุดในการตัดสินใจคงหนีไม่พ้นความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจลึกๆ เธอยอมรับว่าครั้งแรกที่เธอเห็นหน้าเขาสองคน ด้วยใบหน้าที่หล่อเหลาคมเข้มทำให้เธอชอบเขาทั้งสองคนตั้งแต่แรกเห็น จึงไม่แปลกเมื่อได้มาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันความรู้สึกที่มีมาตั้งแต่ต้นจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม