วันเปิดร้าน Le Rêve Café
“จานนี้อร่อยมากเลยฝัน พาพาชอบมาก”
“คงเพราะหวานมั้ง เด็ก ๆ ถึงชอบเมนูนี้กันเยอะ แล้วนี่เจ้พิชกับเฮียฟาร์อยากสั่งอะไรเพิ่มอีกไหม เดี๋ยวฝันไปจัดการให้”
‘พิชชา’ ทำหน้าครุ่นคิดก่อนหันไปถามความเห็น ‘ฟาโรห์’ ที่กำลังเช็ดปากให้ลูกชาย เขาเงยหน้าหล่อ ๆ ขึ้นมองนับฝัน แววตาคมกริบที่เคยน่ากลัวในอดีต ยามนี้ดูอ่อนโยนขึ้นเยอะ ถึงแม้จะยังแฝงความดุดันอยู่บ้างก็เถอะ ทั้งสองต่างเป็นลูกพี่ลูกน้องของนับฝัน พิชชาเป็นลูกสาวคนโตของอา ‘จอมพล’ น้องชายของพ่อ ส่วนฟาโรห์เป็นลูกชายคนเล็กของลุง ‘เดวิล’ พี่ชายของแม่นับฝัน
“เฮียขออเมริกาโน่เพิ่มสองช็อต”
“แก้วที่สามของวันแล้วนะเฮีย เบา ๆ ลงหน่อยดีไหม คิดจะตาค้างไปทั้งคืนเลยหรือไง” พิชชาเอ่ยปราม ฟาโรห์เลิกคิ้วมองภรรยาคนสวย ก่อนเงยหน้ามองนับฝันอีกครั้ง
“งั้นเพิ่มสามช็อตไปเลย ‘เอาให้ฟ้าเหลือง’ กันไปข้าง เพราะเฮียไม่คิดจะตาค้างคนเดียวทั้งคืนอยู่แล้ว” มุมปากกระตุกยิ้มกริ่ม แววตาคมกริบพราวระยับยามจับจ้องใบหน้าสวยของภรรยาสุดที่รัก
“เฮียฟาร์!” มีหรือภรรยาสุดที่รักของเขาจะทานทนไหว ว่าแล้วพิชชาก็อดฟาดมือลงบนแขนล่ำ ๆ ของฟาโรห์ไม่ได้ มันใช่เวลามาพูดจาสองแง่สองง่ามไหมเนี่ย ไม่อายปากบ้างเลย แล้วดูสิ พาริสเงยหน้ามองพ่อแม่ตาแป๋วแล้ว
“เอ่อ ฝันว่าไม่เพิ่มช็อตให้เฮียจะดีกว่า เจ้จะได้พักบ้าง เอ๊ย หมายถึงเฮียจะได้นอนหลับสบายอ่ะ” นับฝันรีบปรับคำพูดใหม่เมื่อโดนสายตาเอือมระอาของพิชชาตวัดมอง ส่วนฟาโรห์นั้นนั่งอมยิ้มอารมณ์ดีเสียเหลือเกินที่ได้หยอกเย้าเมียรัก
เอาเถอะ ก็ถือว่าเป็นคู่สร้างคู่สมกันล่ะนะ กิ่งทองใบหยกกันจริง ๆ นั่นแหละ
กรุ้งกริ้ง~
“อ้าว ไอ้ชาลี ทำไมมึงเพิ่งโผล่หัวมาวะ บ้านก็อยู่แค่นี้ ขนาดไอ้ฟาร์อยู่ตั้งชลบุรียังมาถึงก่อนมึงอีกนะ” เสียงนับกาลตะโกนถามคนที่เพิ่งเปิดประตูร้านเข้ามา นับฝันหันมองตาม ตรงนั้นปรากฏร่างสูงของ ‘ชาลี’ ลูกชายคนเล็กของอา ‘พริบพราว’ หรือลูกพี่ลูกน้องฝั่งพ่อของนับฝัน
“มัวแต่เปลี่ยนผ้าอ้อมลูกอยู่สิมึง งี้แหละพ่อลูกอ่อน กูเคยผ่านจุดนั้นมาแล้ว ฮึ ๆ”
‘นาวา’ ลูกชายคนเล็กของน้า ‘เพลงพราย’ ลูกพี่ลูกน้องฝั่งแม่ของนับฝันละความสนใจจากการป้อนเค้กให้ลูกสาวแล้วหันมาแซะชาลีบ้าง
“โอ้โห นี่งานเปิดร้านหรืองานแซะแห่งชาติครับเนี่ย” ชาลีกลอกตาเดินมานั่งโต๊ะที่ยังว่าง พี่น้องคนอื่นพาครอบครัวมาด้วย เขาผู้มาคนเดียวจึงต้องนั่งเหงาหงอยอยู่คนเดียวเพราะเมียเพิ่งคลอดลูกได้ไม่กี่เดือน หอบมาด้วยกันไม่ได้ นับกาลลุกมานั่งโต๊ะเดียวกัน นาวาก็เช่นกัน พอชายหนุ่มสามคนนั่งร่วมโต๊ะด้วยกัน สายตาทั้งสามคู่ก็หันไปจ้องใครอีกคนเป็นตาเดียว
“หม่ำ ๆ อ้าม~”
รอยยิ้มอ่อนโยนละมุนละไมปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลายามมองลูกสาวสุดที่รักออกเสียงอ้อแอ้พร้อมกับเคี้ยวตุ้ย ๆ จนแก้มยุ้ยน่าเอ็นดู ก่อนความละมุนละไมนั้นจะหายไปในพริบตาเมื่อเงยหน้าขึ้นมาปะทะกับสายตาทั้งสามคู่ที่กำลังจ้องมองมา ‘คชา’ ใบหน้าเรียบตึงทันที เขาคือน้องชายคนเล็กของพิชชา เป็นลูกพี่ลูกน้องฝั่งพ่อของนับฝันอีกคน “มองอะไร”
“โคตรคุณพ่อ” ชาลี
“อ่อนโยนสัด ๆ!” นาวา
“อย่าสบถคำหยาบสิไอ้วา มึงก็เป็นพ่อคนแล้วนะ หัดเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกบ้าง” นับกาลยกเท้าเตะหน้าแข้งนาวาใต้โต๊ะ คนโดนเตะร้องซี๊ดดังลั่น ทำเอาพวกเด็ก ๆ ที่กำลังวิ่งเล่นกันในร้านหันมองอย่างสนใจใคร่รู้ นาวารีบส่งยิ้มให้เด็ก ๆ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อเห็นว่าเด็ก ๆ กลับไปวิ่งเล่นกันต่อแล้วจึงหันกลับมากัดฟันพูด
“มันเจ็บนะโดม่อนคุง! ชอบเล่นทีเผลออ่ะ!”
“ถ้ายังเรียกกูด้วยชื่อเวร ๆ นั่นอีก จะไม่ใช่แค่ถีบแล้วนะ”
“โด่ ทำเป็นลืมฉายาเก่านะเฮีย แก่แล้วก็งี้ อะไรมันก็เลอะเลือนไปหมด”
“ไอ้นาวา” นับกาลยกเท้าอีกรอบ คราวนี้นาวาชักขาหลบทัน พลางยิ้มทะเล้น
“โอ๊ะ ๆ ช้าไปนะตาเฒ่า”
“เฒ่าพ่องสิ!”
“ด่าพ่องงี้ ผมฟ้องพ่องแน่”
นับฝันมองผู้ชายร่างโตสองคนถกเถียงกันเสียงเบา เพราะกลัวจะหลุดคำหยาบออกมาให้เด็ก ๆ ได้ยิน นับกาลเลือดขึ้นหน้าแล้ว ขณะนาวากลับยิ้มร่า ชาลีถอนหายใจส่ายหน้าเอือมระอา ส่วนคชา… รายนั้นน่ะทำเมินหันกลับไปป้อนเค้กให้ลูกสาวแสนน่ารักน่าชังต่อแล้ว
“เคยได้ยินคนโบราณเขาพูดกันว่าผู้ชายเจ้าชู้จะได้ลูกคนแรกจะเป็นลูกสาว” จู่ ๆ ชาลีก็พูดขึ้นมา เขาขมวดคิ้วมองคชาสลับกับนาวาซึ่งมีลูกสาวเป็นลูกคนแรก “กูว่าคงจะจริง”
คชาเช็ดปากให้ลลิตาลูกสาวตัวน้อยวัยหนึ่งขวบกว่า ก่อนลุกเดินมาหาสามหนุ่มสามมุมที่นั่งอยู่โต๊ะถัดไปด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ไม่ใช่ไร ลูกสาวเขากำลังหัดพูดหัดจำเลยไม่อยากพูดคำหยาบต่อหน้าลูก
“ตรรกะอะไรของมึงอีกไอ้ชาลี”
“เออนั่นดิ มึงมั่วป่ะเนี่ย กูออกจะรักเดียวใจเดียวเหอะ”
“น้ำหน้าอย่างมึงกล้าพูดได้ไม่อายหมาเลยเนอะ”
“เอ้า ผมพูดจริงนิเฮีย ถ้าตรรกะไอ้ชาลีเป็นจริง ทำไมเฮียได้ลูกชายอ่ะ เสือผู้หญิงอย่างเฮียควรได้ลูกสาวมากกว่าพวกผมอีกป่ะ?”
นับกาลมุมปากกระตุก เงื้อมือโบกศีรษะนาวาไปหนึ่งทีเน้น ๆ ทำเอาคนโดนโบกร้องลั่นร้าน
“มันเจ็บนะเฮีย! เลิกตีผมเป็นลูกเมียน้อยสักทีเหอะ! อายลูกอายหลานมันมั่ง”
“มึงอายเป็นด้วยเหรอไอ้วา กูล่ะสงสารหลานจริง ๆ มีพ่อหน้าด้านหน้าทนอย่างมึงเนี่ย”
“หาว่า! วิวี่สุดดวงใจของผมน่ารักปานนางฟ้าตัวน้อย ๆ ไม่จำเป็นต้องให้ลุงแก่ ๆ อย่างเฮียมาสงสารหรอกนะ” เขาพร่ำพรรณนาถึงลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนขณะสายตามองไปทางวิฬาร์ตัวน้อยที่กำลังวิ่งเล่นกับพวกพี่ ๆ อย่างสนุกสนาน
นับฝันส่ายหน้าเอือม ๆ ให้กับความคลั่งรักลูกสาวของนาวา ความจริงไม่ใช่แค่นาวาหรอก คชาเองก็คลั่งรักลูกสาวไม่แพ้กัน แต่ไม่ได้อาการหนักเท่านาวา ทำเอาคนไม่มีลูกสาวอย่างนับกาลและชาลีอดจะแบะปากหมั่นไส้ไม่ได้
สงสัยกลับบ้านไปต้องรีบทำลูกสาวหน่อยแล้วเว้ย!
“เห็นแบบนี้แล้วนึกถึงบรรยากาศเก่า ๆ สมัยเรียนจังเนอะ” หยาดฟ้าหยุดยืนด้านข้างนับฝัน ดวงตาหวานเหม่อมองบรรยากาศภายในร้าน สีหน้าคล้ายกำลังคิดถึงความหลัง
นับฝันนิ่งงัน หวนคิดถึงเรื่องราวในอดีต สมัยนั้นตอนอยู่บ้านแมด ภาพเหล่านี้เป็นสิ่งที่เธอเห็นจนชินตา และมักคิดว่ามันช่างน่ารำคาญและวุ่นวายมาก
ทว่าตอนนี้เธอกลับรู้สึกคิดถึงมันอย่างบอกไม่ถูก…