บทนำ

2280 คำ
บทนำ บริษัท อรุณ ซีซเท็ม จำกัด ตื๊ดดด “อีกสามก้าวฉันจะถึงห้องทำงานแกแล้วยัยนริน” [เดี๋ยว!] “เฮ้ย!” ปัง! พิมพ์พัชรปิดประตูห้องทำงานของนรินดาลงอย่างรวดเร็ว หันกลับมาอีกทีก็เจอกับเพื่อนรักที่เธอตั้งใจจะแวะมาหาเพื่อขอติดรถกลับคอนโดด้วย ซึ่งควรจะเป็นคนที่นั่งอยู่ในห้องทำงานเมื่อครู่ แต่มันน่าจะมีความเข้าใจผิดอะไรกันบางอย่าง เพราะนรินดาวิ่งกระหืดกระหอบมาจากทางไหนไม่รู้ ยืนหอบหายใจเสียงดัง ยกมือข้างหนึ่งขึ้นกดหน้าอก ส่วนมืออีกข้างถือโทรศัพท์ที่คุยกับเธอค้างอยู่เมื่อครู่ “ทำไมไม่เคาะประตู” น้ำเสียงทุ้มเข้มของคนที่เพิ่งจะเปิดประตูออกมาทำเอาพิมพ์พัชรกัดฟันแน่น แยกเขี้ยวใส่นรินดาไปทีหนึ่งอย่างเอาเรื่อง ทำไมถึงไม่เตือนเธอให้เร็วกว่านี้สักหน่อย เธอจะได้ไม่ต้องเปิดเข้าไปเห็นภาพที่ไม่ควรจะเห็น “ขอโทษค่ะ พิมพ์คิดว่ายัยนรินอยู่ในห้อง ไม่คิดว่าจะเป็นเฮีย” ยกมือไหว้ขอโทษ ‘เพียงคุณ’ ไปตามระเบียบ ถึงอย่างไรเขาก็เป็นพี่ชายของนรินดา อีกทั้งยังเป็นผู้บริหารของที่นี่ แม้ในใจจะแย้งเสียงดังว่านี่มันห้องทำงานของนรินดา หรือต่อให้ไม่ใช่ ไอ้สิ่งที่เธอเห็นว่าเขาทำเมื่อครู่ก็ไม่ใช่เรื่องสมควรเกิดขึ้นในที่ทำงานสักหน่อย แต่เถียงไปเธอก็น่าจะแพ้อยู่วันยังค่ำ สีหน้าของเพียงคุณดูไม่ค่อยเต็มใจรับคำขอโทษจากเธอสักเท่าไร กระทั่งผู้หญิงที่เธอเห็นว่านั่งอยู่บนตักของเขาเมื่อครู่เดินตามออกมา “เรากลับก่อนนะคุณ” “อืม” แม้จะก้มหน้าแต่ก็อดจะลอบมองสักหน่อยไม่ได้ เห็นพวกเขายิ้มให้กันแล้วเธอก็ต้องเบะปากเพราะรู้สึกหมั่นไส้ “ยังไงคืนนี้เราโทรหาอีกทีแล้วกันนะ” “อืม” พูดเป็นอยู่คำเดียวหรือไง? พิมพ์พัชรนึกสงสัยในใจ ก่อนจะหันไปมองนรินดาที่ยื่นมือมากระตุกชายเสื้อเธออยู่หลายที “แกเห็นอะไรในห้องวะ” “เห็น...” “นริน” “คะพี่เฌอ” พิมพ์พัชรไม่ทันได้ตอบ นรินดาก็ถูกเรียกเสียก่อน ดูท่าว่านรินดากับผู้หญิงที่เดินตามเพียงคุณออกมาจะรู้จักกันมาก่อน “พี่ฝากความคิดถึงไปถึงคุณตากับน้าทิพย์ด้วยนะ” “ได้ค่ะ” นอกจากรู้จักกับนรินดาแล้ว ยังรู้จักไปถึงคุณตากับนรินทิพย์ แม่ของนรินดาอีกด้วย บางทีอาจเป็นความสนิทสนมกันในระดับครอบครัว รอจนผู้หญิงคนนั้นเดินออกไปพิมพ์พัชรถึงได้ลอบถอนหายใจ แต่พอเธอมองกลับไปที่เพียงคุณอีกครั้ง ก็ต้องกลั้นหายใจโดยอัตโนมัติอีกรอบ ค่อยๆ เหลือบมองนรินดาที่ยื่นมือมาจับมือเธอเมื่อครู่เพื่อรอสัญญาณ พอรู้สึกว่ามีแรงกระชับที่ฝ่ามือปุ๊บก็พากันวิ่งทันที “หยุด!” วิ่งกันได้คนละสามก้าวถ้วนก็ต้องพากันเบรกตัวโก่ง เป็นนรินดาที่ค่อยๆ หันกลับไปมองเพียงคุณที่ยืนหน้านิ่งยกมือขึ้นกอดอกอยู่ด้านหลัง ในขณะที่พิมพ์พัชรแสร้งมองไปทางอื่น “พิมพ์” “คะ” หัวใจเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ เมื่อถูกเรียกเสียงเข้มราวกับว่าเธอทำความผิดอะไรเอาไว้ “เมื่อกี้นี้มันไม่มีอะไรแบบที่เราคิด” พิมพ์พัชรขมวดคิ้วใส่ ไม่ค่อยเข้าใจนักหรอกว่าเขาหมายความว่าอย่างไร “ยัยนริน” หันมาแอบถามนรินดาสักหน่อยก็แล้วกัน เผื่อพี่น้องกัน จะเข้าอกเข้าใจกันมากกว่าเธอ “อะไร” “เมื่อกี้เฮียแกหมายความว่ายังไงวะ” “ฉันจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ นี่ฉันยังไม่รู้เลยว่าแกเห็นอะไรในห้อง” “เห็น...” “แค่อุบัติเหตุ” เพียงคุณพูดแทรกทั้งยังส่ายหัวไปมาไม่หยุด สีหน้าดูหงุดหงิดที่พวกเธอสองคนกล้าที่จะซุบซิบนินทาเขาต่อหน้าต่อตา พูดจบก็เดินออกไปด้วยท่าทีหัวเสีย พาให้นรินดาขมวดคิ้วอีกคน “อุบัติเหตุอะไรวะ” “อุบัติเหตุรักมั้ง ขย่มกันกลางห้องอย่างนั้น” “ขย่มกัน!” นรินดาเบิกตาโพลง ตะโกนเสียงดังลั่นจนพิมพ์พัชรต้องรีบยกมือขึ้นปิดปาก เพราะถ้าหากมีคนอื่นเดินมาได้ยินเข้า คนซวยคงไม่พ้นเธอแน่ๆ “แกจะเสียงดังทำไมยัยนริน อยากให้เฮียคุณเดินกลับมาบีบคอฉันหรือไง” “ก็แกบอกว่าเฮียคุณกับพี่เฌอขย่มกันไม่ใช่เหรอ ฉันก็ตกใจน่ะสิ” “ฉันอาจจะตาฝาดไปเองก็ได้” พิมพ์พัชรแก้ต่างตะกุกตะกัก “บ้าจริง นี่มันห้องทำงานฉันนะโว้ย ไอ้เฮียนี่!” “ใจเย็นๆ น่า บอกแล้วไงว่าฉันอาจจะตาฝาด” “ไม่ได้ ยังไงฉันก็ต้องไปถามให้รู้เรื่อง แกไปรอที่รถเฮียคุณเลย เดี๋ยวฉันตามไป เขาน่าจะกำลังไปเก็บของอยู่” “แล้วทำไมฉันต้องไปที่รถเฮียคุณ” “ฉันยังไม่ได้บอกแกหรอกเหรอว่าวันนี้ฉันไม่ได้ขับรถมา” “อ้าว” พิมพ์พัชรหน้าเหวอ “เอาน่า รถใครก็ส่งแกกลับถึงคอนโดเหมือนกัน ไปๆ ฉันรีบไปจัดการเฮียแป๊บแล้วจะรีบตามไป” นรินดาดันหลังพิมพ์พัชรให้เดินนำออกไปก่อน ส่วนเธอรีบเดินย้อนกลับไปที่ห้องทำงานของเพียงคุณเพื่อถามให้รู้เรื่อง พิมพ์พัชรจะกลับตัวตอนนี้ก็ไม่ได้เสียแล้ว คงต้องโทษตัวเองที่ไม่ได้ถามนรินดาให้เคลียร์ก่อนตั้งแต่แรก “อ้าว เฮียไม่ได้อยู่ที่ห้องทำงานหรอกเหรอคะ ยัยนรินมันเดินไปหาเฮียที่ห้องทำงานน่ะ” เดินมาถึงรถก็เจอเจ้าของรถที่น่าจะเพิ่งเดินมาถึงก่อนเธอไม่นานกำลังเก็บของที่ท้ายรถอยู่พอดี “นรินบอกว่ารถเราเสียอีกแล้วเหรอ” หันมามองเธอด้วยสีหน้าเอือมระอาแล้วเปลี่ยนเป็นฝ่ายถามเธอหน้าตาเฉย แต่คำถามของเธอ เขาดันไม่ยอมตอบ “ค่ะ เพิ่งโทรให้ช่างที่ศูนย์มารับไปเช็กให้เมื่อเช้า” “แล้วเราไปทำงานยังไง” “ให้พี่ที่ทำงานแวะมารับค่ะ พอดีเป็นทางผ่าน” ตื๊ดดด โทรศัพท์มือถือของพิมพ์พัชรดังแทรก เธอรีบหยิบมันออกมาจากกระเป๋าด้วยท่าทีกระตือรือร้น แต่ทันทีที่เห็นชื่อคนปลายสายบนหน้าจอ เธอกลับแยกเขี้ยวใส่โทรศัพท์ นึกอยากจะแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินเสียง แต่เพียงคุณที่เก็บของท้ายรถเสร็จหันมาเห็นพอดี สายตาเขาดูมีความสงสัย สมกับความเป็นเครื่องจับเท็จเคลื่อนที่อย่างที่เธอตั้งฉายาให้ “สวัสดีค่ะพี่ภักดิ์” จนแล้วจนรอดพิมพ์พัชรก็ต้องรับสายเพื่อตัดปัญหา ก่อนจะเดินมาขึ้นรถเพราะเพียงคุณเดินนำไปก่อนแล้ว สตาร์ตรถเปิดแอร์เย็นฉ่ำรอนรินดาที่น่าจะกำลังเดินลงมา ส่วนเธอนั่งประจำที่เบาะด้านหลัง “อะไรนะคะ” เสียงสูงๆ ของเธอทำให้เจ้าของรถเหลือบมอง “เฮีย...” “ชู่” เพียงคุณส่งสัญญาณให้นรินดาเงียบลง สายตาเหลือบมองไปทางพิมพ์พัชรที่เริ่มมีสีหน้าหงุดหงิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นรินดาจึงขึ้นรถมาเงียบๆ ก่อนที่เขาจะออกรถทันที “วันนี้ไม่ว่างค่ะ พิมพ์ทำโอ ยังไม่รู้จะเลิกกี่โมง” สองคนหน้ารถมองหน้ากันเลิ่กลั่ก พิมพ์พัชรจะทำโอได้อย่างไรในเมื่อตอนนี้เธอนั่งอยู่บนรถและกำลังจะกลับคอนโด “พรุ่งนี้ก็ไม่ว่างค่ะ มีประชุมทั้งวัน ช่วงเย็นต้องพาลูกค้าไปเลี้ยง” ตุ้บๆ นรินดาสะดุ้งตัวโยนเมื่อพิมพ์พัชรทุบกำปั้นลงบนเบาะรถสองสามที มองหน้ากันเพื่อส่งสัญญาณบางอย่างที่เพียงคุณส่ายหัวรอ แม้จะยังไม่รู้ว่าคือสัญญาณอะไร “พิมพ์ยังไม่สะดวกค่ะ” ตุ้บ! “งานที่พี่สั่งเรียบร้อยดีไหมพิมพ์” นรินดายกมือขึ้นป้องปากแล้วแสร้งตะโกน “เสร็จแล้วค่ะ ป้ามะยมมาตามหางานแล้วค่ะพี่ภักดิ์ แค่นี้ก่อนนะคะ บาย” พิมพ์พัชรรีบตัดบทแล้ววางสายทันที โยนโทรศัพท์ทิ้งลงจากมือราวกับเป็นของร้อน “ชาติที่แล้วตายคาเล้าไก่หรือไง ชาตินี้ถึงได้จิกเก่งขนาดนี้” พิมพ์พัชรบ่นอุบพลางยกมือขึ้นปาดเหงื่อ เพียงคุณถึงกับต้องเหลือบมองอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศในรถซึ่งก็ยังปกติดี “ใครวะ” “จะใครเสียอีกล่ะ” “แล้วใครเสียอีกนี่ใคร” ไหนๆ ก็ได้ยินมาตั้งแต่ต้นแล้ว เพียงคุณจึงอดจะถามสักหน่อยไม่ได้ สังเกตเห็นตั้งแต่แรกแล้วว่าพิมพ์พัชรดูไม่ค่อยอยากจะรับสายสักเท่าไร “ไม่มีอะไรค่ะ” “ไม่มีอะไรได้ยังไงวะ” นรินดาที่ยังไม่รู้ว่าใครเหมือนกันถามงงๆ เพราะไอ้ ‘ใครเสียอีก’ ของพิมพ์พัชรนี่มันมีความเป็นไปได้ตั้งหลายคน “ชื่อภักดิ์น่ะ” “เฮีย!” พิมพ์พัชรโวยวายเสียงดังเมื่อเพียงคุณเกริ่นนำ เพราะแค่นี้ นรินดาก็น่าจะรู้แล้วว่าเมื่อครู่เธอคุยโทรศัพท์กับใคร “อ้อ คุณหมอจิรภักดิ์คนดีคนเดิมของน้องพิมพ์พัชรนี่เอง” ตุ้บ! น้ำเสียงกระแนะกระแหนของนรินดาทำให้พิมพ์พัชรอยากจะทุบเบาะรถให้พังเสียเหลือเกิน “ใครคือคุณหมอจิรภักดิ์คนดีคนเดิม” บนรถคันนี้เหลือแค่เพียงคุณที่ยังไม่รู้จัก ‘จิรภักดิ์’ “ผัวในอนาคตของยัยพิมพ์ค่ะเฮีย” “อ้อ อยากมีผัวเป็นไก่” “ฮ่าๆๆ” นรินดาหัวเราะเสียงดังจนพิมพ์พัชรต้องยื่นมือไปผลักหัวแรงๆ ทำเอาหน้าทิ่ม “ใครจะอยากมีผัวเป็นไก่ล่ะเฮีย แกก็เหมือนกันยัยนริน ไม่ต้องขำเลย ช่วยฉันหาวิธีไล่ไก่เดี๋ยวนี้” พิมพ์พัชรเริ่มจะหงุดหงิด “แล้วแกจะให้ฉันช่วยอะไร แกยังไม่ได้บอกฉันเลยว่าตกลงเขาโทรมาจิกแกเรื่องอะไร แล้วฉันจะช่วยถูกไหม” “ก็จะอะไรเสียอีกถ้าไม่ใช่ชวนกลับไปกินข้าวที่บ้าน ใครจะโง่กลับ” “กลับไปกินข้าวที่บ้านต้องโง่ด้วยเหรอ” เพียงคุณแสร้งถาม ทั้งที่พอจะคาดเดาเค้าโครงเรื่องได้ประมาณหนึ่ง “ถ้าแค่กินข้าวก็ไม่โง่ค่ะ แต่มันจะไม่แค่นั้นน่ะสิคะเฮีย นี่หายหน้าหายตาไปสักพัก คิดว่าได้ดีมีลูกมีเมียแล้ว ไม่รู้คราวเคราะห์หรือเวรกรรมอะไรของพิมพ์ อยู่ๆ คิดจะมาก็โผล่กลับมาเฉย” “เขาไม่หล่อหรือไง” “หล่อค่ะ แต่เฮียไม่เข้าใจคำว่านิสัยเหมือนไก่เหรอคะ พิมพ์อยากมีผัวค่ะ ไม่ได้อยากมีนาฬิกาปลุกส่วนตัวที่โทรมาทุกครึ่งชั่วโมง” พิมพ์พัชรหันไปดึงหน้าใส่เสียเลย รู้ตัวอีกที บทสนทนาบนรถก็กลายเป็นเรื่องของเธอไปเสียแล้ว “ก็แล้วทำไมไม่บอกเขาไปตรงๆ ล่ะว่าไม่ชอบ” “ยัยพิมพ์มันพูดจนปากจะฉีกแล้วเฮีย รายนั้นสนใจเสียที่ไหน ยึดมั่นในหลักการตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก ยัยพิมพ์ถึงขนาดขู่จะหนีไปทำงานที่เมืองนอกมาแล้ว แต่เฮียรู้ไหมว่าคุณไก่เขาทำยังไง” เพียงคุณส่ายหัวแล้วรอฟังคำตอบ “ลิชรายชื่อบริษัทที่มีความมั่นคงในต่างประเทศมาให้มันเลือกพร้อมกับตารางเที่ยวบิน วางแผนอนาคตมาให้มันเรียบร้อยว่าตัวเขาจะลาพักร้อนช่วงไหนบ้างจะได้บินไปหามัน” พิมพ์พัชรกลอกตาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดูท่าทางว่าเธอคงต้องคิดหาวิธีหลีกหนีจากจิรภักดิ์อย่างจริงจังเสียแล้ว “ถ้าเป็นเฮียๆ จะทำยังไงคะ” ถือโอกาสปรึกษาเพียงคุณตรงๆ เสียเลย เผื่อว่าเขาจะมีความคิดดีๆ เพราะเธอกับนรินดาคุยเรื่องนี้กันหลายครั้งแล้ว ลองมาหมดทุกวิธีแล้วแต่ไม่ได้ผล “หมายถึงอะไร” “ก็ถ้าสมมติว่ามีผู้หญิงมาตามตื๊อเฮียจนน่ารำคาญ ไล่เท่าไรก็ไม่ไปน่ะสิคะ เป็นประเภทแยกความดีกับความรักไม่ออก คิดแต่ว่าตัวเองเป็นคนดีแล้วผู้หญิงจะรักน่ะค่ะ” พิมพ์พัชรอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมเผื่อเพียงคุณจะใช้ประกอบการพิจารณาแล้วมีความคิดดีๆ “อ้อ ไอ้เรื่องหาแฟนมาควงบังหน้านี่เลิกคิดไปเลยนะเฮีย พิมพ์เล่นมาสองรอบแล้ว” เพียงคุณถึงกับกลอกตาพร้อมกับถอนหายใจ “คิดออกแล้วๆๆๆ” “โอ๊ย คิดอะไรออกแกก็พูดมาเลย เสียงดังทำไม หูจะหนวก” “ก็ถ้าแผนมีแฟนหลอกไม่ได้ผล แกก็ลองหาแฟนจริงๆ ไปเลยสักคนสิ” นรินดาเสนอความเห็นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “แกคิดว่ามันหาง่ายเหมือนกดน้ำที่ตู้หยอดเหรียญหรือไงยัยนริน” พิมพ์พัชรย้อนถามด้วยสีหน้าเอือมระอา เพราะถ้าแฟนดีๆ มันหาได้ง่าย เธอจะยังเป็นโสดอยู่แบบนี้ทำไม “เฮีย” “อะไร” “เฮียสนใจจะ โอ๊ย ยัยพิมพ์! ฉันช่วยแกอยู่นะโว้ย” “ช่วยหุบปากแล้วนั่งเฉยๆ ไปเลย” พิมพ์พัชรยื่นมือไปปิดปากนรินดาเอาไว้แทบไม่ทัน “อะไร” “เปล่าค่ะๆ ไม่มีอะไร เฮียขับรถไปเถอะ ปัญหาของพิมพ์เดี๋ยวพิมพ์แก้เองค่ะ ไม่รบกวนเฮียดีกว่า พิมพ์เกรงใจ” พิมพ์พัชรยิ้มแห้ง นรินดานะนรินดา จะเล่นเธอแล้วไหม อยู่ดีไม่ว่าดีให้เธอหนีไก่ไปเอาเครื่องจับเท็จ! 
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม