6
หยาดละอองไอน้ำบางเบาลอยละล่องอยู่เหนืออากาศโปรยปรายเป็นละอองพร่างพราวพร่าเลือน ทว่ายังคงไออุ่นคลับคล้ายคลับคลาเหมือนดาวตกกลุ่มน้อย คอยตกกระทบพรมผิวกายของหญิงชายคู่หนึ่งในท่วงท่าแนบชิดสนิทสนมไร้สิ่งกีดขวางคั่นกลาง เรือนร่างเปลือยเปล่าสะกดใจผู้คนเบียดเสียดแผงอกกล้าจนเขาร้อนรุ่มเลือดลมเดือดพล่านยิ่งนางขยับหลีกหนี ร่างกำยำล่ำสันกลับยิ่งโถมเข้าหาตักตวงความอิ่มเอิบชวนรัญจวนใจ ฝ่ามือหนาประคองท้ายทอยใช้เรี่ยวแรงที่มีมากกว่ารั้งใบหน้างามหยาดเยิ้มแนบชิดจนได้กลิ่นหอมจรุงจากเรือนกายนาง
หญิงสาวเบิกตากว้างจนแทบถล่น สองเรียวแขนพยายามดันคนป่าเถื่อนต่ำช้าให้ขยับออกห่าง ครั้นไม่เห็นคนหน้าหนาสะทกสะท้านก็เปลี่ยนแผนทั้งข่วนจนเลือดซิบก็แล้ว หยิกเนื้อตัวหยาบกระด้างก็แล้ว เขาก็ยังไม่ยอมปล่อยนางให้เป็นอิสระ
โทสะถูกเก็บสะสมตั้งแต่เขาเผยโฉมหน้าเดินออกมาจากที่หลบซ่อนพวยพุ่งกระจุกอยู่กลางอก นางอยากจะตบหน้าเขาสักฉาดให้หายแค้นเคืองถือดีอะไรถึงกล้ามาฉกฉวยทำลายความบริสุทธิ์ผุดผ่องที่นางเก็บรักษามาเป็นอย่างดีให้ป่นปี้ราบคาบในพริบตาเดียว
“อื้อ!”
กลับกันความเจ็บปวดบางเบาเสมือนขนนกไล่สัมผัสผิวเนื้อหยาบกร้านเหล่านั้นกลับเป็นเชื้อเพลิงชั้นดี ดีจนถึงขั้นได้ยินเสียงครางคำรามต่ำหลุดลอดออกมาจากริมฝีปากเฉียบ รอยยิ้มกรุ่มกริ่มคลุมเคลือประดับบนใบหน้าเรียบเฉย ปล่อยให้นางชำระความได้ตามใจต้องการโดยไม่มีท่าทีปัดป้องราวกับว่าเต็มใจยอมรับความเจ็บปวดนี้แต่โดยดี ชายหนุ่มรุกรานบดขยี้ริมฝีปากอิ่มเอิบตามใจปรารถนา ฝ่ามือหยาบหนาอีกข้างค่อยๆ เลื่อนไต่ลงมากอบกุมลำคอขาวผ่องไล่จรดปลายนิ้วชี้เคล้าคลึงโอบล้อมให้นางผ่อนปรนความตึงเครียด
“ทุบตีข้าอีกสิ หยุดทำไม” เสียงแหบพร่าเจือความอาวรณ์กระซิบข้างใบหูเล็ก หยอกเย้านางพร้อมลวนลามสัมผัสเรือนร่างอิ่มเอิบอย่างใจกล้าหน้าหนาสะบัดคุณธรรมอันดีงามออกไปหมดลอกคราบกลายเป็นบุรุษเสเพลเอาแต่ใจ เล่นเอาหญิงสาวขนลุกเกลียวทั่วทั้งเรือนร่าง
จะทุบตีให้เอ็งสมปรารถนารึ!
“......” พลับพลึงพยายามฝืนยิ้มหวานตะล่อมให้เขาคลายวงแขน แต่หารู้ไม่ว่ารอยยิ้มหวานนั้นดูยั่วยวนเหมือนคำเชื้อเชิญให้เขาลงมือรวดเร็วเสียมากกว่า
“ใต้หล้า เรากลับไปคุยกันที่กระท่อมดีหรือไม่ ร่างกายข้ายังไม่หายดี ข้ากลัวว่าพรุ่งนี้ข้าจะป่วย” นางได้ยินสหายเรียกชื่อเขาหลายครั้งจึงมั่นใจว่าเขามีนามว่าใต้หล้า จึงเอื้อนเอ่ยออดอ้อนเสียงหวานประจบประแจงเอาใจเขา
“มันจะเสียงดังที่นี่สะดวกกว่า ครั้งแรกไม่ใช่หรืออยากจะกรีดร้องดังเท่าใดก็ได้หรือโกรธเคืองจะระบายอารมณ์ใส่ข้าเท่าใดก็ได้แต่ถ้ากลับกระท่อมข้าจำต้องปิดปากเอ็งให้ผ่อนเสียงลง” ชายหนุ่มก้มโค้งศรีษระกดฝังริมฝีปากลงบนพวงแก้มอวบอิ่มแดงเรื่อแผ่วเบา ท่าทียึดมั่นไม่เสื่อมคลาย หัวเข่าแกร่งขยับแทรกกลางหว่างขาเรียวใช้เนื้อแน่นเบียดเสียดสัมผัสเนินเนื้อนุ่มใจกลางความเป็นสาวคล้ายไม่ตั้งใจสัมผัสแตะต้องแต่กลับแฝงความจงใจ
“คิดอะไรของเอ็งในสมองมีแต่เรื่องพวกนี้หรือ! เอ็งมีดีอะไรถึงเสนอหน้าจะเป็นเขยขวัญของครอบครัวข้า” พลับพลึงหน้าบูดเบี้ยวไม่สบอารมณ์ยิ่ง จนลืมหลบหลีกมือไม้ปลาหมึกที่กำลังลูบไล้สำรวจความอิ่มเอิบแสนเย้ายวน
นางเจอคนหน้าหนามาก็มากแต่ไม่เคยเจอใครพูดไม่รู้เรื่อง ฟังไม่รู้ความเท่าเขามาก่อน...
“อืม อยู่ใกล้หญิงงามใครจะมีจิตใจคิดเป็นอื่น อยู่กันไปข้าจะให้เอ็งเฟ้นหาข้อดีในตัวข้าทีละข้อดีหรือไม่เล่า ข้าจะค่อยๆ ถอดเปลือกนอกให้เอ็งเห็นทีละสัดส่วน ‘ข้อดี’ ก็มีหลายข้อเชียว อย่างเช่น ‘เอวข้า’ อย่างไร” ประโยคคลุมเคลือแฝงความนัยหลายประโยคแทบจะเป็นการหลอกล่อให้นางยินยอมรับการกระทำอาจหาญของเขาในค่ำคืนนี้ทั้งหมด
“ชื่อเสียงเรียงนามข้าเอ็งก็ไม่รู้ ข้าเป็นใครมาจากไหนเอ็งก็ไม่ทราบ เพียงข้าเผยโฉมไม่ทันระวังเอ็งก็กระโจนเข้ามาฉวยโอกาส เอ็งคิดว่าเอ็งเป็นบุรุษที่ดีแล้วหรือ” หญิงสาวเงยใบหน้าแหงนมองสบดวงตาคมเฉียบ ไฟปรารถนาลุกโชนโชติช่วงในแววตาบดบังไม่มิดความเสน่หาที่เขามีต่อนางแรงกล้าจนใจนางกระตุก
ทั้งตกใจและไม่เข้าใจว่าเหตุใดเหตุการณ์จึงดูรุนแรงทั้งที่เขาและนางไม่ถือว่าเป็นคนที่ใช้เวลาร่วมกันนานนัก อีกทั้งยังมีฐานะเจ้านายและสัตว์เลี้ยงลอยเหนือศรีษระในระยะเวลาเพียงหนึ่งถึงสองวัน สายตาปรารถนาเช่นนี้ใช่ว่านางจะไม่เคยประสบพบเจอเพียงแต่ไม่เคยเจอผู้ใดที่แสดงออกว่าต้องการนางอย่างโจ่งแจ้งและน่าขยาดหวาดกลัวถึงเพียงนี้
“คำว่า ‘ข้ารับผิดชอบ’ ข้าไม่เคยพูดเล่นแม้แต่นิดเดียว หากข้าบิดพริ้วขอให้ฟ้าผ่าตายคาเตียงนอน อีกอย่างเอ็งมั่นใจได้อย่างไรว่าข้าจะไม่ทำความรู้จักเอ็งทีหลัง”
“ที่ข้ากำลังทำก็คือรวบหัวรวบหางจับทำเมียก่อน ข้ากลัวว่าเอ็งจะคิดหนี พูดสิว่าในหัวสมองไม่มีแผนการหาทางหนีทีไล่”
“ข้าบาดเจ็บจะมีปัญญาหนีคนหยาบช้าเยี่ยงเอ็งได้อย่างไร มนต์ข้าก็ใช้ไม่ได้แค่คืนสู่ร่างเดิมข้าต้องใช้พลังกายไปเท่าใดเอ็งรู้บ้างหรือเปล่า” พลับพลึงปะเหลาะ
“แล้วถ้าหายดีเล่า!? จะมาหลอกกินดื่มพักรักษาตัวแล้วก็หนีไปช่างเป็นแม่หญิงใจดำไม่รู้คุณ” ใต้หล้าเลิกคิ้ว ริมฝีปากเฉียบกระตุกรอยยิ้มรู้ทันมุมปาก
“แต่เอ็งเป็นคนยิงข้า!” พลับพลึงขึงตาดุดันใส่เขา เขาเป็นคนทำให้นางต้องตกอยู่ในสภาพอเนจอนาถแท้ๆ กล้ามายัดเยียดคำว่าหญิงเนรคุณใส่นาง คนแบบนี้ก็มีด้วย!
“ข้าขอโทษ ภายหลังข้าจะชดใช้ให้ไม่มีอิดออดอยากจะลงโทษข้าเช่นไรก็ได้ตามใจเอ็งละออง” ชายหนุ่มเสียงอ่อนลงราวกับต้องการปลอบประโลมความไม่เป็นธรรมที่นางได้รับ
“ข้าไม่ได้ชื่อละออง!” หญิงสาวแย้งเสียงสูง
“เอ็งชื่ออะไร”
“ไม่มีความจำเป็นจะต้องบอก” หญิงสาวเค้นเสียงเหนือจมูกเย้ยหยันยิ้มเยาะ นิสัยถือดีเย่อหยิ่งจองหองพลันกลับมาประดับประดาบนเรือนร่างสง่างามอีกครั้ง
“งั้นข้าเรียกเอ็งว่าละอองตามเดิม” ชายหนุ่มมองเห็นความพยศในตัวนาง พลันกระตุกยิ้มมุมปากโดยไม่รู้ตัว นางเป็นเช่นนี้ช่างน่ารักน่าเอ็นดูและน่ากำราบในคราวเดียวกัน
และคืนนี้จะเป็นคืนที่เขากำราบนาง!
“......” หญิงสาวขมวดหัวคิ้ว นางไม่อยากได้ชื่อละอองอะไรนั่นเสียหน่อย ขืนใจแข็งไม่ยอมบอกคงถึงคราวเคราะห์ต้องใช้ชื่อนั้นจริงๆ ริมฝีปากอิ่มกระตุกก่อนจะจำยอมเอื้อนเอ่ยนามที่แท้จริงให้เขาล่วงรู้แบบไม่จำยอม
“พลับพลึง”
“อืม พลับพลึง...” ใต้หล้าทอดมองหญิงสาวผู้งดงาม พลางใช้แววตาเสน่หาลุ่มหลงไล่มองเหนือจรดล่างชวนให้ผู้ไร้อาภรณ์ปกปิดขวยเขินจนต้องเบี่ยงกายหลบสายตาซุกซนคู่นั้น
“ถ้าข้าเป็นผีพรายหลอกล่อเอ็งลงมาตาย เอ็งจะยินยอมหรือไม่”
“ข้ายอมตาย” ชายหนุ่มตอบตามสัตย์จริง
“งั้นไสหัวไปตายให้ข้าดูก่อน”
“ข้าตายแล้วใครจะรับผิดชอบเอ็ง เนื้อตัวนี้ข้าแตะต้องไปแล้วเหลือขั้นตอนสุดท้ายเท่านั้นเอ็งก็ถือเป็นเมียข้าแล้ว” ใต้หล้าตอบหน้าตาย
“หึ...ปลิ้นปล้อน!”
หญิงสาวยากจะข่มความอดทนอดกลั้นจึงใช้กำลังอันน้อยนิดระดมทุบตีขีดข่วนเรือนกายช่วงบนไม่เว้นแม้กระทั่งใบหน้าและลำคอจนทิ้งร่องรอยบาดแผลเป็นทางยาว
เหมือนมีแมวตัวน้อยซุกซนฝังกรงเล็บแหลมคมเป็นจำนวนมาก ทว่าเขากลับไม่โกรธภายในใจกลับเป็นสุขเพิ่มพูนปล่อยให้นางระบายโทสะโดยมีเขายืนนิ่งคอยหาช่องทางสัมผัสเนื้อนุ่มนิ่มในระหว่างที่นางไม่ทันระแวดระวังตัว
“เอ็งมันต่ำช้า หยาบกระด้าง ป่าเถื่อน!”
“บัดซบ! บัดซบที่สุด!”
“ข้าทำเวรทำกรรมอะไรมาถึงได้มาเจอคนไร้ยางอายอย่างเอ็งกันนะ!!!”
“ทำบุญร่วมชาติตักบาตรร่วมขันกันมามากกว่า” ชายหนุ่มพยายามแก้ไขคำพูดนาง ขณะใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาประดุจก้อนน้ำแข็งเพียงเปลือกนอกซุกไซร้ซอกคอขาวผ่องหอมกรุ่น ริมฝีปากเฉียบขบเม้มสร้างรอยรักสลับซ้ายขวาคลอเคลียสูดดมกลิ่นกายสาวจนช่วงล่างแข็งขืนดุนดันกางเกงนอนผืนบาง
พลับพลึงผู้กำลังระบายไฟโทสะสุมอกสัมผัสได้ถึงสิ่งของแปลกปลอมบางอย่างตรงกลางหว่างขา นางหลุบสายตามองต่ำแต่มองเห็นไม่ชัดเพราะพวกเขาอยู่กลางบ่อน้ำพุร้อนทั้งยังอยู่ในช่วงดึกดื่นค่ำมืด จึงขยับเบี่ยงกายออกห่าง จะได้ไม่โดนสิ่งแปลกปลอมแข็งขืนทิ่มแทง
“เอ็งพกมีดสั้นติดตัวมาด้วยหรอ” น้ำเสียงหวานเอ่ยถามอย่างไร้เดียงสาไม่รู้ความ ชายหนุ่มพยายามสะกดกลั้นร่างกายไม่ให้สั่นเทิ่มกลบเสียงหัวเราะไม่ให้หลุดลอยเล็ดลอด
“อืม เอาไว้ป้องกันตัวต้องติดตัวตลอดเวลา” เขาโกหกโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อย
ฝ่ามือหยาบช้อนประคองร่างอิ่มเอิบขึ้นมาจากบ่อน้ำพุร้อน หญิงสาวถูกอุ้มขึ้นมากระทันหันจึงโผเข้าหาแนบซบชายหนุ่มพร้อมโอบรอบลำคอแกร่งแน่น กางเกงนอนผืนบางเพียงตัวเดียวถูกปลดออกพร้อมนำมาวางปูพรมบนพื้นหญ้านุ่มนิ่มป้องกันสิ่งแปลกปลอมทิ่มแทงเรือนร่างสะโอดสะองเย้ายวนที่เขาหวงแหน
สองแขนกำยำวางร่างอิ่มเอิบลงบนกางเกงนอนที่เขาใช้ปูเป็นผ้ารองพื้นพร้อมโถมร่างคล่อมกายหญิงสาว กักนางให้อยู่ใต้อาณัติ ก่อนจะใช้หน้าแข้งแยกเรียวขาขาวให้ออกห่างทั้งยังเบียดเสียดแทรกกายเข้ามาคั่นกลาง ลมหายใจอุ่นร้อนแปรปรวนจนติดขัด
ความปรารถนาครอบครองนางรุนแรงจนเขายากยับยั้งชั่งใจ ความอยากจะรั้งนางเคียงกายจนแก่เฒ่าผมขาวโพลน อยากจะรั้งนางไว้ข้างกายดูแลทะนุถนอมให้นางไร้ซึ่งทุกข์โศก อยากจะรั้งนางเอาไว้ให้นางถลึงตาขึงขังใส่เขายามโมโห เชิ่ดใบหน้าหยาดเยิ้มยามถูกเขาขัดใจทำให้ขุ่นเคือง เผยเสียงหัวเราะและรอยยิ้มหยาดเยิ้มให้เขาเพียงผู้เดียวยามมีความสุข และให้นางออดอ้อนฉอเลาะยามต้องการสิ่งใด
“จะ...จะทำอะไร!” พลับพลึงเห็นท่วงท่าไม่น่าไว้วางใจจนเอ่ยถามเสียงสั่นเคลือเหมือนเหยื่อเสียขวัญยามเผชิญหน้ากับนักล่าผู้แข็งแกร่ง
“ทำในสิ่งที่ต้องทำจะได้ไม่เสียใจทีหลัง” ใต้หล้าเผยรอยยิ้มร้ายกาจเป็นครั้งแรก สิ่งใดที่เขาหมายมั่นอยากจะได้เขาย่อมต้องไขว่คว้ามาไม่ว่าจะต้องแลกหรือทุ่มเทไปมากน้อยเท่าไหร่เขาก็ไม่สน
“ว่าแล้ว หยาบช้าพูดออกมาดิบดีความหมายเท่าเดิม เอ็งจะช่วงชิงความบริสุทธิ์ข้า เจ้าโจรต่ำช้า!” หญิงสาวขีดข่วนไปตามใบหน้าและช่วงแขนบ้าคลั่ง หวังให้เขาฉุกคิดนึกถึงศีลธรรมอันดี
“ข้าเป็นนายพรานหาใช่โจรชั่ว คนเป็นเมียเรียกว่าที่ผัวแบบนี้ได้ยังไง”
“!!?!!”
“ปล่อยข้าไปเถิดใต้หล้า”
“เดี๋ยวก็ปล่อยแล้ว ไม่นานถึงขนาดทำให้เอ็งขาดใจตายหรอก”
ใบหน้าคมคร้ามหล่อเหลาเย็นชานานทีจะมีรอยยิ้มหวานอ่อนโยนประดับบนใบหน้า การเคลื่อนไหวมั่นคงแฝงการใส่ใจดูภายนอกเขาก็เป็นคนเงียบขรึมดูซื่อทึ่มแต่ทำให้นางรับรู้ถึงการปกป้องคุ้มภัย ไม่คิดว่าเนื้อแท้ในจิตใจจะกลายมาเป็นคนป่าเถื่อนไร้ยางอายเช่นนี้ได้ เรียกได้ว่าครั้งนี้นางตกหลุมพรางถูกรูปลักษณ์ภายนอกของเขาตบตาเข้าอย่างจัง
พลับพลึงจับสังเกตอาการของชายหนุ่มดิบเถื่อนตรงหน้า ก่อนจะรีบยั้งมือสงบนิ่ง สมองใคร่ครวญไปใคร่ครวญมาก็พบว่าตนเองเสียรู้เขาเข้าแล้ว ศรีษระพลันชาวาบเหมือนมีค้อนตอกลงมากลางกบาลอย่างจัง บุรุษผู้นี้มีรสนิยมเสพติดความเจ็บปวดหรือ!
พ่อจ๋า แม่จ๋า ลุงจ๋า น้องข้า
ด้วยคุณงามความดีแม้นิสัยของข้าจะเย่อหยิ่งจองหองชอบกำแหงไม่รู้ฟ้าดินสูงต่ำ แต่สวรรค์อย่าส่งบุรุษผู้มีจิตใจวิปริตผิดมนุษย์มนาผู้นี้มาเป็นสามีข้าเลยนะเจ้าคะ ฮือ...
ริมฝีปากเฉียบประกบจุมพิตดูดดื่มดูดกลืนคำออดอ้อนวิงวอนร้องขอหายกลับเข้าไปในลำคอ รสสัมผัสดุดัน เดือดพล่าน และเร้าร้อนแฝงความอบอุ่นนุ่มนวล ทั้งเอาแต่ใจและปลอบประโลมเชยชิมความหวานอย่างละเมียดละไมระคนซาบซ่านแนบแน่น ลิ้นร้อนพยายามแทรกกลางเบียดเสียดเข้าสู่โพรงปากฉ่ำเกี่ยวกระหวัดลิ้นเล็กพัวพันในยามที่นางยังคงสับสนมึนงง
พลันได้สติพลับพลึงพยายามบิดหน้าหนีดันลิ้นร้อนหนาที่เอาแต่ไล่ต้อนออกห่าง หากไม่ถูกฝ่ามือหนาบีบเคล้นทรวงอกเต็มแรงจนตกใจนางคงยังไม่ได้สติแล้วเหม่อลอยตกอยู่ในห้วงอารมณ์แปลกใหม่ที่เขาเป็นผู้ปรนเปรอมอบให้
อากัปกิริยาต่อต้านปรากฎทำให้ชายหนุ่มจำต้องกัดริมฝีปากอิ่มเป็นการสั่งสอน ฝ่ามือหนาพรมลูบไล้ทั่วเรือนร่างเปี่ยมเสน่ห์ฟ้อนเฟ้นสัมผัสทุกซอกทุกมุม ปลุกเร้าความเสน่หาอันดับมอบสนิทในกายนางให้เริ่มคุกรุ่นจนร่างเล็กสั่นสะท้าน ดวงตาใสกระจ่างจับจ้องการกระทำของชายหนุ่มทั้งใคร่รู้และหวาดกลัว
“อย่าดื้อ...”
“ตามใจข้าแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว ชั่วชีวิตครึ่งหลังที่เหลือข้าจะเป็นคนตามใจเอ็งเอง”
ใบหน้าคมคร้ามเคลื่อนลงต่ำฝากฝังร่องรอยรักเป็นทางยาว เห็นร่างเล็กผ่อนคลายความตึงเครียดภายใต้การชักนำของเขาก็ยินดีปลาบปลื้มเป็นอย่างยิ่ง ริมฝีปากร้อนพะเน้าพะนอคลอเคลียทรวงอกอิ่มล้นมือ ครอบครองยอดปถุมถันสีชมพูระเรื่อพลางดูดดุนโลมเลียใช้เวลาอยู่ส่วนนี้ค่อนข้างนาน นิ้วชี้สากเกลี่ยริมฝีปากล่างอวบอิ่มหยอกเย้าไปมาก่อนจะสอดแทรกเข้าสู่โพรงปากเล็กฉ่ำน้ำ
“ดูดสิ”
“......” พลับพลึงแสดงท่าทีลังเลเล็กน้อย กระนั้นความรู้สึกซาบซ่านรัญจวนใจที่ไม่เคยสัมผัสแตะต้องมาก่อนก็ตีขึ้นมาจนนางเผลอส่งเสียงครางสุดหักห้ามใจ จนตอบรับคำเชื้อเชิญดูดกลืนนิ้วชี้สากกร้านตามคำแนะนำ
ชายหนุ่มอาศัยความชำนาญช่ำชองที่ถูกกลบมานานหลายปีขึ้นมาปัดสนิม ลิ้นร้อนโลมเลียสร้างความกระสันเสียวตั้งแต่หัวไหล่กลมมนจรดหน้าท้องแบนราบ ร่างเล็กสั่นกระตุกทุกครั้งยามถูกเขาปลุกปั่นอารมณ์ให้พวยพุ่งขึ้นสูง เนินเนื้อใจกลางความเป็นหญิงถูกนิ้วสากอีกข้างบดขยี้ยอดติ่งเกสรก่อนจะสอดแทรกรุกรานเข้าไปในช่องรักสุดแสนคับแคบที่ไม่เคยมีผู้ใดกล้ำกลายรุกรานมาก่อน
เขาเป็นคนแรก...
และจะเป็นเพียงคนเดียวที่ได้สัมผัสแตะต้องนาง...
“ยะ...อย่าแตะต้องส่วนนั้น” เสียงหวานเอ่ยตะกุกตะกัก สะโพกกลมกลึงถูกเขากดทับไม่สามารถขยับเขยื้อนหลีกหนีได้ตามใจปรารถนาจึงทำได้เพียงวิงวอน
“ส่วนนั้นคือส่วนไหน หืม”
“อ่า...”
“ดีไหม”
“ไสหัวไป!”