๑๐ ความเปลี่ยนแปลง

1320 คำ
๑๐ ความเปลี่ยนแปลง วันรุ่งขึ้น กอหญ้าดันรถเข็นพาภพธรออกมาพบกับเพื่อนๆ ที่ระเบียงกว้าง อาหารถูกจัดพรั่งพร้อมรอท่า มารดาของชายหนุ่มเองก็รออยู่ที่นี่เช่นกัน เมื่อเขาปรากฏตัว เพื่อนๆ ก็หันมาส่งเสียงเรียกด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ไอ้หนึ่งมาแล้ว” ชัชรีบเดินเข้าไปรับเพื่อน เขายิ้มให้กอหญ้า สายตาที่มองหญิงสาวบ่งบอกถึงความรู้สึกดีๆ ก่อนจะรับหน้าที่ต่อจากคนตัวเล็ก “กินอะไรดีวะหนึ่ง วันนี้มีหลายอย่าง มีข้าวต้มกุ้งร้อนๆ มีผัดปลาสามรส ต้มยำปลาไข่รสแซบ น้ำพริกหนุ่ม แคบหมู ผักลวกจิ้ม ไส้อั่ว แกงอ่อมหมู ขนมจีนน้ำเงี้ยว...ข้าวเหนียวหมูทอดด้วยนะมึง” ภพธรฟังแล้วถอนหายใจ ตั้งแต่เดินไม่ได้มองไม่เห็น เขาก็อยากอาหารน้อยลง “ขอข้าวต้มกุ้งก็แล้วกัน พวกนายตามสบายนะ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่สีหน้าเจือยิ้ม กอหญ้าที่ยืนอยู่ข้างหลังภพธรจึงรับชามข้าวต้มจากสาวใช้ ก่อนจะนำมาวางตั้งลงบนโต๊ะตรงหน้าของชายหนุ่ม พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่อ่อนหวาน จากนั้นก็หยิบช้อนใส่มือให้เขา พลางบอกว่าอะไรอยู่ตรงไหน ทุกอย่างที่หญิงสาวทำตกอยู่ในสายตาของทุกคน ทำให้เพื่อนในกลุ่มที่เป็นผู้หญิงเอ่ยกระซิบกันเบาๆ “น้องหญ้าน่ารักนะ ดูแลเพื่อนเราอย่างดี เพื่อนเราเองก็เชื่อฟังเหมือนแมวเชื่องๆ เลยว่าไหม” “ฉันก็สังเกตนะ ดูเหมือนเพื่อนเราจะชอบให้น้องหญ้าดูแลกว่าพยาบาลคนเก่า” สองสาวหัวเราะคิกคักเบาๆ แต่ชัชยังพอได้ยิน เขาหันไปมองเพื่อนทั้งสอง ก่อนจะหันมาทางกอหญ้าและภพธรด้วยสายตาสังเกตการณ์ที่ทั้งคู่มีต่อกันเพิ่มขึ้น “อิ่มแล้วเหรอคะ” หญิงสาวเอ่ยถามเมื่อคนไข้ของหล่อนวางช้อนลง แต่ข้าวต้มพร่องลงไปแค่ครึ่งเดียว “อืม ขอน้ำ” คนตัวเล็กขมวดคิ้วเข้าหากัน ก่อนจะหยิบแก้วน้ำใส่มือใหญ่ จังหวะที่เขากำลังจะรับ ปลายนิ้วเรียวยาวของเขาก็รวบลงบนหลังมือนุ่ม ทำให้หญิงสาวชะงักก่อนจะค่อยๆ ดึงมือของตนเองออกด้วยอาการสงบเมื่อคิดว่าเขาไม่ได้ตั้งใจ “คุณหนึ่งรับของหวานเพิ่มไหมคะ” หญิงสาวเอ่ยถามเมื่อเขาส่งแก้วคืน “ไม่ดีกว่า” “งั้นผลไม้สักหน่อยนะคะ วันนี้มีส้ม ชมพู่ มะละกอ องุ่นแล้วก็ลำไยค่ะ” หญิงสาวไม่ละความพยายาม เพราะเขากินน้อยเกินไป และเงียบขรึมลงตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว “ชมพู่ก็ได้” เขาตอบ ทำให้หญิงสาวหยิบชมพู่วางตรงหน้า แล้วหยิบชิ้นหนึ่งป้อนให้เขา ลืมไปว่ากำลังตกอยู่ในสายตาของทุกคน ภพธรนิ่งอึ้งไปนิดเมื่อรับรู้ถึงบางอย่างที่แตะลงมาบนริมฝีปาก แต่ก็ยอมอ้าปากรับ จนถูกเพื่อนๆ ของเขาส่งเสียงแซวออกมา “ชักอยากป่วยมั่งแล้วว่ะ เผื่อจะมีสาวน้อยมาป้อนข้าวป้อนน้ำป้อนผลไม้มั่ง” คำพูดของเพื่อนเขาทำให้กอหญ้าชะงักงัน เงยหน้าขึ้นมองคนอื่นๆ แล้วก็หน้าร้อนผ่าวที่ถูกสายตานับสิบคู่มองมาอย่างล้อเลียน “ไม่ยากว่ะ” ภพธรเอ่ยขึ้น ใบหน้าเจือยิ้ม “แค่ขับรถพุ่งลงเหวเดี๋ยวพวกมึงก็มีสภาพเหมือนกูเอง เผลอๆ อาจต้องใช้บริการป้อนข้าวป้อนน้ำไปตลอดชีวิต” สิ้นคำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์ตรง ก็ทำเอาเพื่อน ๆ หัวเราะร่วน พวกเขาทั้งหมดเป็นเพื่อนรักกัน ชายหนุ่มจึงไม่ถือสาหาความ เพราะตั้งแต่วันแรกที่เขาประสบอุบัติเหตุ ก็ได้พวกนี้นี่แหละที่ร่วมแรงร่วมใจกันออกตามหา ต่างผลัดเปลี่ยนแวะเวียนมาเยี่ยมเยือนเสมอ คอยสรรหาเรื่องมาเล่าให้ฟัง มานั่งกินเหล้ากินเบียร์ให้ได้กลิ่น มานอนค้างอ้างแรมทำเสียงดังให้ได้ยิน มาทำให้รู้สึกว่าเขาไม่โดดเดี่ยวเหลือตัวคนเดียวอีกต่อไป... “งั้นกินเองดีกว่าว่ะ” สิ้นเสียงของคนอยากสบาย เสียงหัวเราะก็ดังขึ้นกว่าเมื่อครู่ ภพธรเองก็อดที่จะหัวเราะไปด้วยไม่ได้ คุณนายงามตามองลูกชายด้วยสายตาอ่อนแสง เมื่อเขายิ้มและหัวเราะออกมาได้ ท่านก็สบายใจขึ้น ก่อนมองไปยังกอหญ้าที่คอยดูแลอยู่ไม่ห่าง แล้วความคิดหนึ่งก็ปรากฏ เป็นความคิดที่ท่านไม่เคยยอมรับมาตลอดเวลาที่ผ่านมา แต่เมื่อมองลูกชายอีกครั้ง ท่านก็พบว่าไม่มีทางเลือกให้กับท่านเลย เพราะต่อจากนี้คงไม่มีผู้หญิงคนไหนที่จะทนอยู่กับลูกชายพิการของท่านได้ นอกเสียจาก... กอหญ้าเงยหน้าขึ้นแล้วมีอาการชะงักลงเล็กน้อยเมื่อสบตาของคุณนายงามตา แต่เพียงครู่เดียวท่านก็เมินหน้าไปยังกลุ่มเพื่อนของลูกชาย ทำให้หญิงสาวเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ อย่างนึกแปลกใจก่อนจะหันไปทางภพธร แล้วบอกให้เขาดื่มน้ำอีกครั้ง ช่วงสาย คุณนายงามตาออกจากบ้านไปพร้อมคนขับรถ ตกบ่ายเพื่อนๆ ของเขาก็ลากลับ บ้านจึงเงียบเสียงลงอีกครั้งในช่วงประมาณสี่โมงเย็น หญิงสาวถือโอกาสนั้นดันรถเข็นพาชายหนุ่มออกไปรับลมนอกบ้านเหมือนวันที่แล้วมา ภพธรได้กลิ่นดินและหญ้าจึงเผลอสูดอากาศเสียเต็มปอด ตั้งแต่เขาพิการก็แทบไม่ได้สัมผัสกลิ่นนี้อีกเลย ทำให้คิดถึงชีวิตที่ผ่านมา คิดถึงการเดินทาง แต่แล้วเขาก็ต้องก้มหน้าลงอย่างยอมจำนน เพราะนอกจากเดินไม่ได้แล้ว เขายังมองไม่เห็นอีกด้วย... หญิงสาวมองท่าทางเหม่อลอยของชายหนุ่มแล้วรู้สึกเห็นใจ เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นอย่างห้ามไม่ได้เสียด้วย อาจเป็นเพราะหล่อนถูกสอนมาให้ช่วยชีวิต ให้เห็นอกเห็นใจผู้อื่น เมื่อต้องรู้สึกขัดแย้งในบางครั้ง ก็ทำให้เกิดความรู้สึกละอายต่อวิชาชีพเสียไม่ได้ “หญ้า” หญิงสาวหลุบตามองคนเรียก “ตั้งแต่เธอมาเป็นพยาบาลส่วนตัวให้ฉัน ฉันไม่เคยถามว่าเธอเต็มใจหรือเปล่าที่ต้องมาดูแลคนพิการแบบนี้ เพราะงั้นวันนี้เธอบอกมาได้เลยนะ ว่าเต็มใจหรือไม่เต็มใจ ฉันจะได้ทำทุกอย่างให้ถูกต้อง” คำถามของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวนิ่งงัน ต้องมองเขาด้วยสายตาแบบใหม่ สีหน้าของภพธรยามนี้แม้จะดูเรียบเฉย แต่แววตาของเขาไม่อาจกลบความรู้สึกได้ หัวใจดวงน้อยรู้สึกปวดแปลบขึ้นมาเมื่อมองตาคู่คม ทำไมหล่อนจะต้องเจ็บปวด จะต้องทุกข์เมื่อเห็นเขาเศร้าแบบนี้ หญิงสาวได้แต่ขบเม้มริมฝีปาก และเงียบงันอยู่เช่นนั้น จนกระทั่งชายหนุ่มกล่าวออกมาอีกครั้ง “บอกมาเถอะหญ้า สิ่งไหนที่เธอต้องการ หากฉันให้ได้ ฉันจะให้เธอทั้งหมด” น้ำเสียงหนักแน่นของชายหนุ่มยิ่งทำให้หญิงสาวรู้สึกใจหายลงอย่างอธิบายไม่ถูก โดยเฉพาะเมื่อกวาดสายตามองความบกพร่องของเขายามนี้ จากคนที่ไม่เคยหยุดนิ่งอยู่กับที่ เคยปราดเปรียวแข็งแรง ดวงหน้าคมเข้มนั้นสดใส แววตาคู่คมเต็มไปด้วยประกายแห่งความกระตือรือร้น ยามนี้ทุกอย่างไม่หลงเหลืออยู่อีกแล้ว ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกผิดที่เคยคิดร้ายต่อเขา ภพธรทุกข์ทนกับผลที่ได้รับจากอุบัติเหตุครั้งนั้นอยู่เงียบๆ แม้เขาจะไม่แสดงออกหรือทำตัวร้ายๆ หงุดหงิดใส่ใคร แต่ความเงียบของเขาคือสิ่งที่ทำให้หล่อนรับรู้อย่างชัดเจนว่าชายหนุ่มกำลังตรมตรอมเพียงไหน แต่ในเมื่อเขาถามออกมาอย่างนี้ หญิงสาวจึงตัดสินใจเอ่ยถามออกไปเช่นกัน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม