๕ ฉันจะรอ2

1278 คำ
ทว่าชายหนุ่มไม่ได้ให้ความสนใจคนตรงหน้าอีก เพราะเขายังคงสอดส่ายสายตามองตามร่างระหงของกอหญ้าเป็นระยะ ตั้งแต่หล่อนเข้ามาเรียนหนังสือในเมืองใหญ่ได้เพียงไม่นาน ดูเหมือนเด็กสาวที่เขาคุ้นตาจะเปลี่ยนไปมากพอควร อย่างน้อยๆ คือหล่อนดูเป็นสาวมากขึ้น รูปร่างเพรียวระหงขึ้น ดวงหน้าจิ้มลิ้มงดงามขึ้น ผิวพรรณผุดผ่องยิ่งกว่าเดิม คิดแล้วก็ถอนหายใจยาว ทำให้คนตรงข้ามหรี่ตามองเขาสลับกับสาวสวยคนนั้น จึงแอบถ่ายภาพผู้หญิงคนนั้นเอาไว้ยามที่ภพธรเผลอ “คุณป้าบ่นๆ อยู่นะคะว่าคุณหนึ่งไม่ค่อยกลับบ้าน” วิกานดาสาวสวยที่มารดาของเขาหมายตาอยากให้หมั้นหมายด้วยเปรยขึ้น ทำให้มือที่กำลังหยิบช้อนตักอาหารใส่ปากมีอาการชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็กลับเป็นปกติ “ผมไม่ค่อยว่างน่ะ” วิกานดาปรายตามองคนตรงหน้าอีกแวบ พลางเอ่ยขึ้นเรื่อยๆ ขณะเริ่มรับประทานอาหาร “ท่านเหงามากนะคะ วิไปหาท่านทีไรเป็นต้องบ่นคิดถึงคุณตลอดเวลา น่าสงสารจริงๆ” คนเป็นลูกเพียงรับฟังผู้หญิงที่แม่หมายตาอยู่เงียบๆ เขาไม่มีคำตอบให้คนตรงหน้า เพราะยอมรับว่านับแต่กอหญ้าเข้ามาศึกษาต่อในเมืองหลวง เขากับมารดายิ่งห่างกันออกไป ท่านหมายตาคนตรงหน้าให้ เขาเองก็เพิ่งจะรู้ จึงโกรธมารดาจนไม่อยากเจอหน้า และละอายใจต่อสองยายหลานอีกด้วย ทุกครั้งที่เขากลับบ้านจะต้องเจอกับนางเรียม ต้องสบสายตาตัดพ้อของนางทุกเมื่อเชื่อวัน เป็นเขาที่ไม่เด็ดขาดตั้งแต่แรก จึงทำให้กลายเป็นคนที่ผิดคำพูดทั้งที่เขาไม่ตั้งใจให้เป็นเช่นนั้นเลยสักนิด ยิ่งได้มาเจอเด็กสาวอีกครั้งเขายิ่งรู้สึกผิด แต่ในความรู้สึกผิดมีความรู้สึกอื่นเพิ่มเติมเข้ามาด้วย... ระหว่างนั้น เขาเลื่อนหาเบอร์โทรศัพท์ของ กอหญ้า เมื่อเจอก็หยุดนิ่ง อันที่จริงหล่อนเปลี่ยนเบอร์ใหม่แล้ว แต่เขาก็สามารถรู้จนได้ว่าหล่อนใช้เบอร์ไหนในตอนนี้ แค่ยังไม่เคยโทรศัพท์หาหล่อนสักครั้ง ทว่าหลายครั้งที่เข้าเมืองหลวง เขาจะขับรถผ่านหน้ามหาวิทยาลัยที่หล่อนศึกษาเสมอ แต่มีเพียงครั้งเดียวที่เขาโชคดีได้เห็นหญิงสาวกำลังเดินอยู่กับกลุ่มเพื่อนนักศึกษา แต่มันก็เพียงแค่นั้น เขาไม่ได้หยุดทักทาย เพียงแค่มองหล่อนเดินผ่านไปเฉยๆ แพรพริมาขยับเข้าไปชิดเพื่อนพลางสะกิดเบาๆ ที่ท่อนแขนกลมกลึงของอีกฝ่าย “นี่ๆ หนุ่มหล่อคนนั้น คนที่ใส่ชุดดำน่ะมองหญ้าใหญ่เลย สงสัยจะสนใจหญ้านะ แต่ทำไมมองเหมือนรู้จักกันมาก่อน” กอหญ้าหันไปตามสายตาของแพรพริมา จึงได้สบตากับภพธรเข้าจนได้ หญิงสาวรีบเมินหน้ากลับมาแล้วเอ่ยเสียงเรียบ “หน้าหญ้าคงเหมือนหน้าคนรู้จักของเขามั้ง” ตอบเพียงเท่านั้นก็รีบหยิบสมุดรายการอาหารตรงไปยังโต๊ะลูกค้าที่มาใหม่ ทำตัวให้ยุ่งเข้าไว้เป็นการดี ทำให้คนเป็นเพื่อนร้องออกมาเบาๆ อย่างงุนงง “เอ้า จะรีบไปไหน” แพรพริมาร้องถาม แต่เมื่อเห็นลูกค้ามาใหม่จึงหุบปาก แล้วหันไปคุยกับพนักงานคนอื่นแทน ระหว่างที่กอหญ้าพยายามทำตัวยุ่ง ภพธรที่หาจังหวะคุยกับหญิงสาวไม่ได้จึงตัดใจกลับออกไป กอหญ้าผ่อนลมหายใจยาวด้วยความโล่งอกเมื่ออีกฝ่ายจากไปแล้ว และภาวนาว่าคงไม่ต้องเจอเขาอีกจนกว่าจะถึงเวลาอันสมควร หลังเลิกงาน หญิงสาวแวะซื้อของใช้กลับห้องพัก ขณะที่กำลังจะก้าวเข้าหอ ร่างเพรียวบางก็ต้องชะงักงันเมื่อพบกับชายชุดดำคนเดิม... “คุณหนึ่ง” เจ้าของชื่อที่ยืนอิงไหล่กับผนังยืดลำตัวตรง ดวงตาสีเข้มจดจ้องมายังร่างเล็กของกอหญ้าพร้อมกับสืบเท้าก้าวเข้าไปหาหญิงสาว “ขอคุยด้วยหน่อย” เขากล่าวสั้นๆ แล้วเดินนำไปยังโต๊ะที่ตั้งชิดผนัง ทำให้หญิงสาวจำต้องสาวเท้าตามไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ชายหนุ่มมองหล่อนไม่คลาดสายตาจนกระทั่งสาวน้อยนั่งลงบนม้านั่งตัวตรงข้ามกับตน คนตัวเล็กยกมือไหว้เขาเงียบๆ ไม่มีคำถามใดหลุดจากปาก ดูเหมือนหล่อนจะเตรียมใจเป็นผู้รับฟังเพียงเท่านั้น ทำให้คนที่มารอกว่าชั่วโมงถอนหายใจยาว บางครั้งเขาก็อยากจับเด็กสาวมาเขย่าให้หัวสั่นหัวคลอน... “สบายดีใช่ไหม” คนถูกถามที่หลุบตามองโต๊ะ เงยหน้าขึ้นสบตาเขา ก่อนจะหลุบตาลงอีกครั้งราวกับไม่มีความกล้ามากพอที่จะเผชิญหน้ากับชายหนุ่ม ผู้คนเดินผ่านไปมาเป็นระยะ บ้างไม่สนใจใครอื่น บ้างมองมาอย่างสนใจ “สบายดีค่ะ” ตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ทำให้คนฟังมุมปากกระตุก จะยิ้มก็ไม่ใช่ จะบึ้งก็ไม่เชิง เขากำลังคิดว่าหล่อนตอบเหมือนกลัวดอกพิกุลจะร่วงออกมาจากปากกระนั้น “ทำไมไม่รอ” กอหญ้าสบตาคนถาม ไม่เข้าใจคำถามของเขา กระทั่งชายหนุ่มเอ่ยออกมาอีกประโยคหนึ่ง “วันที่เธอเดินทางมาเรียนต่อ ทำไมไม่รอฉันก่อน” คนฟังได้แต่นิ่งเงียบ ดวงตาคู่สวยหลุบมองมือของตนที่วางอยู่บนโต๊ะ กระทั่งได้สบตาคมกริบของเขาอีกครั้งจึงผ่อนลมหายใจด้วยความอึดอัด “คุณหนึ่งไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอกนะคะ อันที่จริงเรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว อีกหน่อยคนก็ลืมกันไปเอง เราแค่ไม่พูด ไม่มีใครพูด ทุกอย่างจะค่อยๆ ถูกลืมเลือนไป ซึ่งมันดีกับเราทั้งสองฝ่ายไม่ใช่เหรอคะ” เจ้าของน้ำเสียงหวานๆ กล่าวออกมาแผ่วเบา ดวงหน้างามติดจะเย็นชาจนเขานึกแปลกใจ หล่อนควรอยู่ในวัยที่ร่าเริงสดใสมากกว่าที่เป็นอยู่ ทว่าเขาคงเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้หล่อนต้องกลายเป็นสาวน้อยอมทุกข์ แล้วแบบนี้ทุกคนยังจะให้เขาอยู่เฉยอีกได้อย่างไร... “ฉันยืนยันคำเดิม เธอเรียนจบเมื่อไร เราจะแต่งงานกัน” กอหญ้าเงยหน้าขึ้นมองคนที่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงอย่างตกตะลึง ทั้งที่หล่อนคิดว่าพวกเขาคงจะวางมือจากเรื่องนี้ไปแล้ว แต่จู่ๆ ภพธรก็เดินมาตอกย้ำกับหล่อนอีกครั้ง เพิ่มความสับสนให้กับหญิงสาว แต่ที่แน่ๆ หล่อนไม่ได้ต้องการให้เขามารับผิดชอบอะไรอีก สิ่งเดียวที่ต้องการจากพวกเขาในเวลานี้คือปล่อยหล่อนไป เพียงแค่นั้น แค่นั้นจริงๆ “คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น” ภพธรยิ้มเครียด เขาส่ายหน้าแล้วบอก “จำเป็นสิ ฉันจะรับผิดชอบทุกอย่างที่เกิดขึ้น” เขาสบตาหล่อนนิ่งอยู่อึดใจ ก่อนเปรยออกมาอีกหนึ่งประโยค “ฉันจะรอ” ร่างบางลุกขึ้นยืนเมื่อชายหนุ่มเดินจากไปอย่างรวดเร็วและเงียบเชียบ หญิงสาวมองตามเขาตาไม่กะพริบ ก่อนร่างสูงจะเข้าไปนั่งในรถ เขาหันมามองหล่อนอีกแวบหนึ่งก่อนจากไป กอหญ้ายืนอยู่ตรงนั้นนิ่งนาน แทบไม่ได้ยินเสียงรอบกาย นอกเสียจากเสียงของภพธรกับประโยคที่บีบคั้นจิตใจ ฉันจะรอ...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม