๗
อุบัติเหตุ
ปีสุดท้ายของการศึกษา ภพธรแวะเวียนมาน้อยครั้ง ในที่สุดก็หายหน้าไป หลายครั้งหลายคราวกอหญ้าเผลอคิดถึงเขาขึ้นมา แต่สุดท้ายก็มักจะปัดความคิดถึงนั้นทิ้งไป แล้วกลบฝังความรู้สึกที่เกิดขึ้นด้วยการตั้งใจเรียนอย่างหนัก จนกระทั่งใกล้จบการศึกษา กอหญ้าก็ได้รับข่าวร้าย...
ครืด... ครืด...
เสียงสั่นจากโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ทำให้คนที่กำลังนั่งอ่านหนังสือภายในห้องพักเงยหน้ามอง เมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ของแม่ใหญ่จึงรีบรับสายทันที
“จ้ะแม่ใหญ่...” หญิงสาวขานรับ แต่หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วินาทีดวงหน้าที่เจือยิ้มอ่อนหวานก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นซีดเผือดลงทีละน้อย
หญิงสาวนั่งเงียบ ไม่ขยับเขยื้อนเป็นนานหลังจากวางสายของยาย สิ่งที่รับรู้ทำให้รู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก ทั้งที่ควรดีใจ สะใจกับเรื่องที่ได้รู้ แต่ในความเป็นจริงที่กำลังเผชิญคืออาการวูบโหวงที่อกข้างซ้ายแทน...
กอหญ้าถูกเรียกตัวกลับทันทีเมื่อเรียนจบ แทบไม่ทันได้ร่ำลาเพื่อนฝูงเสียด้วยซ้ำ เพราะคุณนายงามตาส่งคนมาช่วยหล่อนขนของอย่างปัจจุบันทันด่วน...
หญิงสาวสูดลมหายใจยาว เมื่อก้าวเท้าลงเหยียบย่างบนแผ่นดินของคุณนายงามตาอีกครั้ง หล่อนไม่เคยลืมสิ่งที่นางทำเอาไว้
ทันทีที่ร่างบอบบางปรากฏ นางเรียมที่ออกมายืนรอหลานสาวก็ยิ้มกว้างด้วยความดีใจ กอหญ้าเห็นแม่ใหญ่ของตนจึงเดินเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว
“แม่ใหญ่” หญิงสาวสวมกอดนางเอาไว้แน่น คิดถึงสุดหัวใจ สี่ปีที่ไปเรียนหนังสือ กอหญ้ากลับมาที่นี่นับครั้งได้ เพราะไม่อยากคิดถึงเรื่องเก่าๆ และไม่อยากเห็นหน้าคนใจร้าย ทว่าเวลานี้ต่อให้ไม่อยากกลับแค่ไหนก็จำต้องกลับมา คิดเสียว่าทำเพื่อชดใช้บุญคุณแก่คุณนายงามตาเป็นครั้งสุดท้าย และเมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม หล่อนและแม่ใหญ่จะไปจากที่นี่และไม่กลับมาเหยียบอีกเลย
“กลับมาอยู่กับแม่ใหญ่เสียทีนะกอหญ้า” นางเรียมลูบหลังลูบไหล่หลานสาวคนดี นางมองคนตัวบางในอ้อมแขนด้วยสายตาที่เปี่ยมด้วยความรักใคร่และชื่นชม ตอนจากไป กอหญ้ายังเป็นแค่เด็กสาวตัวเล็กบาง เมื่อกลับมาอีกครั้ง กอหญ้าไม่เพียงกลับมาพร้อมความรู้ ทว่ายังกลับมาพร้อมกับความงามสะพรั่ง น่ารักน่าชังกว่าเดิมเป็นไหนๆ แต่เมื่อคิดถึงอดีตบาดใจนางเรียมก็หยุดคิด ก่อนจะเอ่ยกับหลานสาวว่า
“เข้าไปกราบคุณนายก่อนเถอะ เดี๋ยวท่านจะตำหนิเอาได้ว่าเราไม่มีสัมมาคารวะ”
กอหญ้ามีสีหน้าเรียบขรึมลงทันทีที่นางเรียมกล่าวเช่นนั้น แต่เพียงประเดี๋ยวเดียวก็แต้มยิ้มอีกหนเมื่อพี่ๆ สาวใช้ในบ้านออกมาทักทายและช่วยหล่อนขนข้าวของเอาไปเก็บไว้ที่ห้องเดิมของหล่อน
“หญ้าเข้าไปไหว้คุณนายก่อนเถอะ ส่วนของพวกนี้พวกพี่จะช่วยกันยกเอาไปเก็บไว้ที่ห้องก็แล้วกันนะ”
“ขอบคุณพี่ๆ มากนะจ๊ะ” หญิงสาวยิ้มให้คนเหล่านั้น ก่อนจะสบตานางเรียมแล้วพากันเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ซึ่งมีคุณนายงามตานั่งรออยู่ในนั้น
คุณนายงามตาเงยหน้าขึ้นจากเอกสารเมื่อแม่บ้านคู่ใจกระซิบบอก ท่านถอดแว่นตาวางลงบนโต๊ะตรงหน้า แล้วมองร่างระหงงดงามยิ่งกว่าเดิมของกอหญ้าด้วยสายตาคมปลาบ
เมื่อก่อนกอหญ้ายังเป็นแค่เด็กสาวที่หน้าตาน่ารัก แต่เวลานี้ หล่อนกลายเป็นสาวสะพรั่ง สวยสดงดงามล่อตาล่อใจเหล่าหมู่ภมร ลูกชายของท่านอาจจะเป็นหนึ่งในนั้นหากเขาไม่...
คุณนายงามตาชะงักความคิดลงเพียงแค่นั้น ก่อนจะเอ่ยกับคนทั้งสองด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างอ่อนล้า
“นั่งก่อนสิ นั่งบนเก้าอี้นั่น” ท่านบุ้ยปากให้สองยายหลานนั่งลงบนเก้าอี้ เมื่อทั้งคู่ทำท่าจะนั่งลงบนพื้นอย่างที่เคยปฏิบัติมาตลอด ทั้งสองสบตากันแวบหนึ่ง ก่อนจะขยับลุกขึ้นนั่งบนเก้าอี้ตรงหน้าคุณนายงามตาด้วยท่าทางพินอบพิเทา
กอหญ้าสังเกตเห็นความร่วงโรยและความอ่อนล้าจากดวงหน้าและแววตาของคุณนายงามตาอย่างชัดเจน แน่นอนอยู่แล้วว่าความเจ็บป่วยของลูกชายเพียงคนเดียวสั่นคลอนจิตใจของท่านอย่างมหาศาล เรียกได้ว่าหากท่านตายแทนได้ คงตายไปนานแล้ว...
“สวัสดีค่ะคุณนาย”
คุณนายงามตาพยักหน้ารับ ดวงตาที่อ่อนโรยมองสาวสวยตรงหน้าด้วยสายตาพินิจพิเคราะห์
“เธอเรียนจบแล้วสินะ”
หญิงสาวหลุบตาลงมองฝ่ามือที่วางบนตักของตนเอง ก่อนสบตาผู้ที่เป็นทั้งเจ้านายและคนที่ส่งเสียให้ร่ำเรียนจนจบอีกครั้ง
“จบแล้วค่ะ”
“เธอคงไม่โกรธนะที่ฉันเรียกให้เธอกลับมาทันทีแบบนี้ แทนที่เธอจะได้ทำงานตรงตามสายอย่างที่เธอต้องการ”
หญิงสาวนิ่งเงียบไปอึดใจ
“ไม่ค่ะ”
คุณนายงามตานิ่งเงียบไปอึดใจแล้วบอก
“ดี เธอคงรู้เรื่องตาหนึ่งแล้วใช่ไหม”
หญิงสาวพยักหน้ารับ
“ค่ะ”
คุณนายมองหญิงสาวด้วยสายตาสงบนิ่ง
“ฉันต้องการให้เธอดูแลตาหนึ่ง เป็นพยาบาลส่วนตัวให้กับเขา”
หญิงสาวสบตาท่านอยู่อึดใจก่อนรับคำ
“ค่ะ”
“เธอไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้น ถึงแม้จะไม่ได้ทำงานในโรงพยาบาล แต่เธอก็ได้ทำงานใกล้เคียงกับที่เธอเคยเรียนมา เรื่องเงินเดือน ฉันจะให้เธอเดือนละสามหมื่นบาทในปีแรก และจะขึ้นเงินเดือนให้เธอทุกปี ขอแค่เธอช่วยดูแลเขาให้ดีที่สุดก็เท่านั้น อย่างน้อย เธอกับเขาก็...”
คุณนายงามตาเงียบไป ขณะที่หญิงสาวกำมือแน่นขึ้นเมื่ออีกฝ่ายเอ่ยถึงเรื่องนั้นออกมา
“หญ้าจะดูแลคุณหนึ่งตามที่คุณนายต้องการค่ะ”
หญิงสาวตัดบทด้วยการตอบรับคำขอของอีกฝ่าย
คุณนายงามตาถึงกับโล่งใจทันที สีหน้าที่ค่อนข้างอึมครึมก่อนหน้านี้ดูเบาใจลง
“แต่มีข้อแม้หนึ่งข้อค่ะ...”
สีหน้าและท่าทางโล่งใจของคุณนายแปรเปลี่ยนเป็นชะงัก คิ้วบางขมวดเข้าหากันขณะมองสาวสวยตรงหน้า
“ข้อแม้อะไร”
หญิงสาวสบตานายจ้างอยู่อึดใจก่อนตอบ
“หากวันใดคุณหนึ่งกลับมาช่วยเหลือตัวเองได้อีกครั้ง วันนั้นหญ้ากับแม่ใหญ่ขอออกไปอยู่ข้างนอก และเราจะไม่กลับมาที่นี่อีก ให้ถือว่าไม่มีอะไรติดค้างกันอีกต่อไป ได้ไหมคะ”
ทุกคนที่ได้รับฟังข้อแม้ของกอหญ้าต่างนิ่งอึ้งไปตามกัน ต่างจากนางเรียมที่ยกยิ้มบางๆ ส่วนผู้เป็นนายกำลังมองอดีตเด็กสาวที่เคยอ่อนแอ ทว่าวันนี้เด็กคนนั้นไม่หลงเหลืออยู่ในตัวตนของคนตรงหน้าอีกต่อไป เมื่อสบนัยน์ตาคู่งามจึงได้เห็นความหนักแน่นและเข้มแข็งจนใจไหวไปวูบหนึ่ง สุดท้ายนางยอมรับข้อเสนอนั้น
“ตกลง...เธอจะได้ตามนั้น ฉันรับรอง”
หญิงสาวสบตาแม่ใหญ่ มีรอยยิ้มปรากฏอยู่นัยน์ตาคู่งามวูบหนึ่ง
“แม่เรียม พาหลานสาวไปพักผ่อนเสียก่อน แล้วหลังมื้อเย็นค่อยพาขึ้นไปหาฉันบนห้องของตาหนึ่ง”
คุณนายงามตาหันไปมองกอหญ้าอีกครั้ง
“ยังไงก็ขอบใจเธอมากนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ” หญิงสาวตอบแล้วออกมาจากห้องนั้นพร้อมลมหายใจพรั่งพรู