BAD ENG' : 10

1674 คำ
[🌞 ลองดูสักตั้งไหม...? ใครจะแพ้ทางใคร ] ----------------- BAD ENG' : 10 “จะกลับบ้านเลยไหม เดี๋ยวเฮียนั่งไปส่ง” น้ำเสียงแหบติดหอบเอ่ยถามหลังรถแล่นมาได้เกือบห้านาที เขาเบนสายตาไปสำรวจเรือนร่างสวยที่ตกอยู่ในสภาวะทิ้งตัว เบาะหนังสีเทาอ่อนกลายเป็นสิ่งรองรับน้ำหนักทั้งหมดของเธอไว้ ตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก! แม่ง!! ใจสั่นสัส! เขายกมือหนึ่งขึ้นทาบอกซ้ายเมื่ออัตราการเต้นกลับมารุนแรงอีกครั้ง ในตอนที่ภาพเหตุการณ์ก่อนหน้าเริ่มฉายซ้ำ สัมผัสใกล้ชิดบวกกลิ่นหอมเฉพาะตัวยังชัดเจนในความรู้สึก “ไม่ต้องค่ะ กลับคนเดียวได้” ตะวันถูกปลุกให้ตื่นจากภวังค์ด้วยคำพูดห้วนๆ คิ้วเข้มกระตุกขึ้นเล็กน้อย ขณะจ้องมองใบหน้าครึ่งซีกที่ตามไรผมเปียกชื้นไปด้วยคราบเหงื่อเป็นทางยาวลงมายันต้นคอขาวเนียน และนั้นเป็นจังหวะเดียวกับที่เขาเผลอกลืนน้ำลายอึกใหญ่ สาบานได้เลยว่าไม่เคยหวั่นไหวกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน... โชคดีที่เจ้าตัวกำลังให้ความสนใจทัศนียภาพนอกรถเลยไม่ทันได้สังเกตเห็นรีแอคชั่นอีกด้านของเสือร้ายที่เก็บกดเผื่อรอเวลาสมควรในการออกล่าเหยื่อ “ให้ลุงไปส่งที่ไหนครับ” คราวนี้เป็นเสียงจากเจ้าของรถที่ดึงความสนใจเขาไปได้ ตะวันหันไปยืนยันพิกัดอย่างไม่ลังเลผ่านกระจกกลาง “ไปหมู่บ้านพิงค์ดอยครับ” “พี่รู้จักบ้านฉันได้ไง!” คนพักอาศัย ณ ที่แห่งนั้น ตวัดมองด้วยความตกใจ มิหนำซ้ำเธอยังพานนึกย้อนไปถึงข้อสันนิษฐานซึ่งเกือบจะเลือนรางไปแล้วอีกครั้ง “รู้แล้วกันละ” พูดแค่นั้นแล้วเอนกายไปพิงเบาะตามเดิม ก่อนจะใช้มือปัดรอยบาทาบนเสื้อยืดสีขาวตัวโปรดท่าทางฟึดฟัดไม่วายก่นด่าไอ้คนทำไปด้วย “ไอ้เวรเอ๊ย...” สีหน้าเขาบ่งบอกชัดเจนว่าต้องเอาคืนแน่…ไม่มีคำว่าอภัยอยู่ในแววตาคู่คมแม้แต่เศษเสี้ยว “ฉันถามว่าพี่รู้ได้ยังไง ไม่ได้ถามว่ารู้ไหม ฟังภาษาไทยไม่แตกฉานเหรอ” เมื่อไม่ได้คำตอบที่ต้องการจึงเกิดการถามย้ำ ร่างเล็กตะแคงเข้าหาคู่สนทนาจริงจัง ในขณะที่อีกฝ่ายก็หันมาโต้กลับเช่นกัน “แล้วบอกให้เรียกเฮีย ทำไมไม่จำ สมองเท่าปลาทองเหรอ หรือเรียกแล้วมันจะตายห่า...” ประโยคถูกหยุดกะทันหัน ริมฝีปากหยักปิดสนิทหลังยั้งคำพูดหยาบคายไว้ไม่ทัน ทำเอาคนฟังฉุนกึก “ก็ไม่แปลกใจหรอกที่จะโดนดักตี ปากหมาซะขนาดนี้” สาวน้อยไม่เคยมีความคิดจะทำตัวปีนเกลียวกับรุ่นพี่ แต่กับนายภูตะวันคงเป็นข้อยกเว้น ซึ่งเขาเองก็ทำเหมือนเป็นคำพูดปกติที่ได้ยินบ่อยจนชินชา ไม่รู้สึกขุ่นเคือง แถมยังเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์อีกต่างหาก ใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนเข้าใกล้ขึ้นอีกคืบ ส่งผลให้ฝ่ายหญิงหงายไปข้างหลังตามสัญชาตญาณ “ไม่หมาอย่างเดียวนะ หวานด้วย ลองไหม” สุ้มเสียงทุ้มปรับให้อยู่ในระดับที่ได้ยินกันแค่สองคน ฉับพลันใบหน้าสวยก็เปลี่ยนเป็นเหยเกแล้วส่งฝ่ามือไปดันแผงอกแกร่งไว้ กำลังจะอ้าปากด่า แต่คนหลังพวงมาลัยดันหลุดแซวขึ้นมาซะก่อน “ฮึ่ม เบาหน่อยไอ้หนุ่ม เกรงใจลุงบ้าง” “โทษทีครับลุง พอดีเครื่องมันร้อน” “พี่ตะวัน!” สาวน้อยกดเสียงต่ำเป็นเชิงปรามคนที่ติดพูดเล่นไปเรื่อย และเขาแสร้งเม้มปากเข้าหากันจนเป็นเส้นตรง “หึ หล่อแค่ไหนก็ไม่พ้นกลัวแฟนละเนอะ” “ดุขนาดนี้ ใครจะไม่กลัวละ…อุ๊บ” เขาสนทนาโต้ตอบราวกับรู้จักกันมาแรมปี ไม่แม้จะเว้นช่องไฟให้คนถูกกล่าวหาได้แก้ต่าง สุดท้ายใบชาต้องเลื่อนมือไปอุดปากที่ขยับปาวๆ นั่นไว้ “หยุดพูดดิ๊” ดุทางนี้เสร็จก็หันไปปฏิเสธ “ไม่ใช่นะคะ หนูไม่ใช่แฟนเขาค่ะ” “หื้อ ไม่ต้องเขินหรอก สมัยนี้หนุ่มสาวรักกันเป็นเรื่องปกติ ลุงเจอบ่อยแล้ว ไม่ได้อะไร แค่อยากแซวเล่นเฉยๆ” ใบชาในตอนนี้ก็เหมือนจะอยากบอกอะไรสักอย่าง แต่อ้าปากงับไม่ทันหนุ่มหล่อข้างๆ เลย “ใช่ไหมล่ะครับ” ตะวันขยับปากเสริมทันทีหลังดึงมือเล็กออกมากุมไว้แบบเนียนๆ “ลุงว่าแฟนผมสวยไหม” “นี่!...” เธอดึงมือออกแล้วฟาดไปบนต้นแขนแกร่งเต็มแรง คล้ายกับเธอกำลังขัดใจที่เขาฉวยโอกาสแอบอ้างแบบนั้น แต่คนมึนหาได้รู้สึกรู้สา เขายิ้มร่า ขณะเลื่อนมือขึ้นลูบบริเวณนั้นป้อยๆ “ฮ่าๆๆ ลุงมีสิทธิ์เลือกด้วยเหรอ” คนถูกถามกลั้วหัวเราะชอบใจเรียกให้สายตาถมึงทึงใส่รุ่นพี่วิศวะในตอนแรก เบนไปหาเจ้าของประโยคที่แฝงความนัยทันควัน “อ้าว แบบนั้นหมายความว่าหนูไม่สวยเหรอคะ” “ลุงเปล่าพูดแบบนั้นนะ” ระหว่างที่คนเพิ่งรู้จักกำลังโต้เถียงกันเหมือนเด็กน้อยแง่งอนใส่พ่ออยู่นั้น ตะวันเผลอจ้องสาวรุ่นน้องด้วยแววตาหลากหลายความรู้สึกจนยากอธิบาย แต่มีอย่างหนึ่งที่แน่ชัด เขาอยากให้เรื่องที่คุยกันอยู่ตอนนี้เป็นความจริง “ไหนดู...” พูดพร้อมกับจับปลายคางมนหันซ้ายทีขวาที “แต่เฮียว่าเธอก็…ไม่สวยจริงนั่นแหละ” “ไอ้คนบ้า!” ใบชาปัดมือเข้าออก “ตัวเองหล่อตายแหละ หน้ายังกับปลาจวด” “เดี๋ยวๆ เฮียเป็นถึงอันดับหนึ่งเลยนะ” “พวกเขาตาบอดละสิ” “เธอสิตาบอด!” “ลูกดกแน่ๆ” “…!” ใบชาค้อนขวับ จนชายสูงวัยที่เหลือบมองกระจกอยู่ถึงกับสะดุ้ง “อุ๊ย!” “หนูไม่มีวันลงเอยกับคนปากเสียแบบนี้แน่” เธอยืนยันด้วยน้ำเสียงหนักแน่นพลางกอดอกจ้องเขม็งอย่างไม่ยอมกัน จังหวะนั้นตะวันก็ยกยิ้มมุมปากยียวน ก่อนจะหันไปหาบุคคลที่สาม “ผมขอเบอร์ไว้หน่อยครับลุง เดี๋ยวจะโทรเชิญมาร่วมงานมงคล” “มันต้องยังงี้สิวะ! เรามันเลือดนักสู้อยู่แล้ว ตื๊อไป เดี๋ยวก็ใจอ่อน” เป็นหน่วยเสริมที่ดีจนตะวันอยากดิลไปเป็นสะพานในการจีบสาวใจแข็งคนนี้ “จอดตรงนี้เลยค่ะ” ใบชาออกคำสั่งทั้งที่จุดโฟกัสยังไม่เปลี่ยนแปลง “อะไรแค่นี้ถึงกับจะลงเลยเหรอ” “ไม่ใช่ฉัน แต่เป็นพี่ต่างหาก” “อะ…อ้าว” ตะวันทำหน้าเหลอหลา อยู่ดีๆ ก็โดนไล่ซะงั้น “ลงไปเดี๋ยวนี้!” วันต่อมา… ห้องอาหารใต้ตึกบริหาร “อือหือ…” พายุหลุดครางในคอเมื่อละสายตาจากห่อขนมขบเคี้ยวแล้วเห็นใบหน้าหล่อเหลาของไอ้หนุ่มวิศวะเต็มไปด้วยบาดแผลและรอยฟกช้ำ ทำให้ม่านหมอกและจันทร์เจ้าที่จดจ่ออยู่กับการแข่งขันในโลกออนไลน์ต้องเหลือบมองแวบหนึ่งหลังตะวันหยุดยืนแถวๆ มุมโต๊ะ ก่อนพากันกลับมาโฟกัสหน้าจอมือถือของตัวเองดังเดิม สีหน้าเรียบเฉยราวกับไม่พบสิ่งปกติใดๆ เรียกได้ว่าเป็นภาพที่เห็นจนชินจะดีกว่า “ถึงว่า เมื่อคืนไม่กลับบ้าน” จันทร์เจ้าพึมพำออกมาหนึ่งประโยค ขณะผู้มาใหม่หอบสังขารยับเยินไปหย่อนก้นลงนั่งข้างม่านหมอกด้วยความทุลักทุเล แต่ก็ไม่มีใครคิดจะช่วย! นี่สินะ…ที่มาของว่ามิตรแท้ “นายหญิงว่าไงบ้างอะ” ตะวันสานต่อในเรื่องที่แฝดน้องกล่าวถึง และได้รับการสวนกลับมาเป็นความหงุดหงิดขั้นสุด “ก็บ่นดิ ถามได้ หูชาหมดแล้วเนี่ย!” วินาทีเดียวกันนั้นพายุก็แอบซู้ดปากเบาๆ ตอนที่ไล่พินิจบาดแผลของคนฝั่งตรงข้ามอย่างถี่ถ้วน ไม่ได้เจ็บแทนเพื่อน แต่เขากำลังจินตนาการถึงอีกฝ่าย “มึงยังขนาดนี้ ไอ้พวกเวรนั่น ไม่จองศาลาแล้วเหรอ แต่มึงก็เก่งเนอะ ยังมาได้” “ถ้าไม่ติดว่ามีเทส กูไม่มาหรอก แม่ง! ปวดตัวฉิบหาย” บ่นไปพลาง เบ้หน้าไปพลาง ปลายนิ้วยังแตะเบาๆ ตามมุมปาก “พวกไหนวะ แล้วซ่าห่าอะไรขนาดนั้น ถึงไม่เรียกพวกกู” สุ้มเสียงทุ้มติดตึงเครียดของม่านหมอกเรียกให้คนถูกถามปรายตามองเล็กน้อย แล้วก็ค้นพบว่าทั้งเพื่อนทั้งน้องยังไม่หลุดออกจากโลกออนไลน์ และที่ดูเหมือนซีเรียสกันอยู่ตอนนี้ก็คงไม่ใช่เรื่องกูสินะ…เยี่ยม! โคลงศีรษะแล้วตอบ “ก็ไอ้เหี้ยเจไง” “มึงไปเจอมันตอนไหน เมื่อเย็นมึงบอกว่าจะไปหาน้องใบชาคนสวยไม่ใช่ไง๊” “อย่าบอกนะ…” จันทร์เจ้าโพล่งขึ้นด้วยความตกใจหลังพายุทิ้งประโยคไว้ให้คิด ตอนนี้เกมหมดความสำคัญไปในทันที มือถือถูกวางลงบนโต๊ะเพื่อจับจ้องคู่สนทนาจริงจัง แววตาเธอดูมีความกังวลและเป็นห่วงคละเคล้ากัน เพราะมันจะมีปัญหาใหญ่ตามมาอีกเป็นพรวน หากพวกบรรดาคู่อริรู้ว่าใครคือผู้หญิงของนายภูตะวัน “เออ แล้วน้องมึงนะ อย่างแสบ พกสเปย์พริกไทยติดตัวด้วย กูนี่ผวาเลย” พูดแล้วก็อดทำท่าทางขยาดไม่ได้ ขนาดผ่านไปหลายชั่วโมงในตอนที่เขาย้อนกลับไป แต่ละคนยังตาแดงก่ำกันอยู่เลย “จริงดิ เจ๋งวะ” พายุดูเป็นคนเดียวที่ตื่นเต้นกับเรื่องนี้ “เจ๋งพ่อง! จะโดนดักเล่นเอาดิ” “มึงก็เลยต้องไปจัดการก่อนสินะ หึ!” ม่านหมอกกระตุกมุมปากอย่างรู้ทัน พร้อมกับกดล็อกหน้าจอมือถือหลังเกมจบลง “ใช่ โอย…เชี่ยเอ๊ย” เสียงอวดครวญแทรกขึ้นเมื่อเจ้าตัวเผลอเอี้ยวตัวเกินความจำเป็น ส่วนที่ได้รับบาดเจ็บหนักสุดอย่างหน้าท้องข้างซ้ายถูกประคบด้วยฝ่ามือโดยอัตโนมัติ “อะ...อ้าว น้องใบ วันนี้มากินข้าวที่นี่อ๋อ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม