๖
เอาคืน
กษิดิศเลือกร้านอาหารที่ค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวสูง โดยเลือกร้านอาหารไทยร้านหนึ่ง ตัวเรือนก่อสร้างเรียนแบบเรือนไทย เครื่องเรือนที่ใช้ตกแต่งบ่งบอกความเก่าแก่ มีต้นไม้ขึ้นหนาแน่นภายใน ทำให้บริเวณโดยรอบมีอากาศสดชื่นและร่มเย็น เหมาะสำหรับผู้ที่รักความสงบ เป็นส่วนตัวและกระเป๋าหนัก...
“นั่งตรงนี้ดีกว่า” เขาดึงมือเรียวของภรรยาให้หยุดที่โต๊ะด้านหนึ่งซึ่งว่างและเป็นส่วนตัว หญิงสาวค้อนคมเมื่อถูกอีกฝ่ายจับจูงด้วยการทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้ ราวกับไม่เคยบาดหมางหรือไม่เคยมีเรื่องผิดใจกันมาก่อน ชายหนุ่มปล่อยมือนุ่มพลางเลื่อนเก้าอี้ให้หญิงสาวนั่ง อันธิตาขอบคุณเขาเบาๆ ขณะที่ชายหนุ่มอ้อมไปนั่งฝั่งตรงข้าม เพียงครู่พนักงานก็ก้าวเข้ามาพร้อมเมนู
“อันอยากทานอะไรครับ พี่จะสั่งให้” เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้นและเอาใจในที ทำให้อันธิตาต้องมองเขาด้วยความรู้สึกค่อนข้างแปลกใจ
“อันไม่หิวนี่คะ”
“แล้วอันจะให้พี่นั่งกินคนเดียวเหรอ” คนตัวโตเงยหน้าขึ้นทำเสียงงอน สีหน้างอเง้า “ไม่รู้ละ อันต้องกินเป็นเพื่อนพี่”
อันธิตาถลึงตาใส่สามี แต่ไม่กล้าโวยวายเพราะมีพนักงานเสิร์ฟยืนยิ้มอยู่ข้างๆ จึงโยนให้เขาตัดสินใจแทน เพราะถึงไม่อยากกินเขาก็บังคับเอาจนได้อยู่ดี หญิงสาวมองเขาอย่างครุ่นคิด ไม่เคยรู้ว่ากษิดิศจะเป็นคนเอาแต่ใจได้มากขนาดนี้ หากไม่ได้ดั่งใจขึ้นมาละก็ พ่อรวนได้ตลอดเวลา!
“ถ้าอย่างนั้นพี่ดิศช่วยสั่งให้อันด้วยแล้วกันค่ะ”
แม้จะรู้ว่าหญิงสาวพูดเพราะตัดความรำคาญแต่ก็ทำให้กษิดิศค่อยยิ้มออก ก่อนจะหันไปสั่งอาหารกับพนักงาน แล้วหันมาถามว่าหญิงสาวจะดื่มอะไร ครู่ต่อมาพนักงานห่างออกไปพร้อมออร์เดอร์ ทั้งสองจึงได้อยู่ด้วยกันตามลำพังอีกครั้ง ชายหนุ่มใช้ช่วงเวลานี้กวาดมองดวงหน้าอ่อนหวานของภรรยานิ่งๆ สายตาของเขาอ่อนโยนจนทำให้คนถูกมองแก้มร้อนและเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข
“หน้าอันมีอะไรติดหรือคะ พี่ดิศถึงได้มองตาไม่กะพริบ”
คนถามทำหน้าเง้ากลบเกลื่อนความรู้สึกขัดเขิน กษิดิศนั่งอมยิ้มพอใจ รู้สึกสุขล้ำต่างออกไปจากเวลาที่อยู่กับปาริสา...
พลันรอยยิ้มสุขใจก็เลือนหาย เมื่อคิดถึงคนรักขึ้นมา ความรู้สึกผิดเกาะกินใจอีกคราว เขาปฏิเสธเสียงแข็งไม่ยอมพาคนรักไปรับประทานอาหารมื้อเที่ยง แต่กลับมานั่งหิ้วท้องรออันธิตาคุยงานกับผู้ชายอื่นเป็นนานสองนาน นี่เขากำลังคิดอะไรอยู่ ทำบ้าอะไรอยู่ ปาริสาไม่ใช่หรือที่เขาควรใส่ใจ แต่ทำไม
อันธิตาย่นคิ้วเมื่อจู่ๆ ชายหนุ่มมีอาการคล้ายกำลังกังวลใจเรื่องอะไรสักอย่าง กระทั่งพนักงานเสิร์ฟอาหาร ทั้งคู่จึงลงมือรับประทาน หญิงสาวลอบสังเกตชายหนุ่มเป็นระยะ อาการกรุ้มกริ่มก่อนหน้ากลายเป็นความเงียบเฉย ทำให้คนที่ถูกบังคับออกมาหมดความอดทน
“ถ้าพี่ดิศมีเรื่องไม่สบายใจ หรือมีอะไรสำคัญที่จะต้องรีบไปทำ จะไปส่งอันที่ทำงานตอนนี้เลยก็ได้ หรือถ้าไม่สะดวก อันกลับเองก็ได้ค่ะ อันอิ่มพอดี” หญิงสาวบอกพลางรวบช้อนเข้าหากัน ทำให้คนที่กำลังคิดหนักเงยหน้าขึ้นสบตาหญิงสาวอย่างตกใจ และเมื่อเห็นสีหน้าเรียบเฉยของภรรยาเขาก็ผ่อนลมหายใจยาว
“ไม่มีอะไรหรอก อันทานต่อเถอะนะ อิ่มแล้วพี่จะไปส่งอันเอง” เขาบอกอย่างเอาใจ พลางยิ้มให้พร้อมกับตักอาหารใส่จานหญิงสาว แล้วคะยั้นคะยอให้หล่อนรับประทานต่อ อันธิตาไม่คิดว่าตัวเองคิดผิดจึงมองเขาอย่างไม่เชื่อในคำพูด ก่อนจะฝืนรับประทานอาหารต่อไปจนกระทั่งหมดจาน จากนั้นชายหนุ่มจึงขับรถพาหญิงสาวไปส่งที่บริษัท แต่ยังโอ้เอ้อยู่ที่นั่นกับหญิงสาวไม่ยอมกลับ...
“ไม่กลับเข้าบริษัทหรือคะ” อันธิตาเอ่ยถามชายหนุ่มที่เข้ามานั่งรอหญิงสาวในห้องยกนาฬิกาขึ้นดู
“ไม่ละ” เขาพูดยังไม่ทันขาดคำ เสียงโทรศัพท์ส่วนตัวกลับดังขึ้น คิ้วหนาขมวดมุ่นขณะที่อันธิตาชำเลืองมองเขาแวบหนึ่งก่อนจะหลุบตาแสร้งสนใจงานตรงหน้า ชายหนุ่มเหลือบตามองภรรยาก่อนจะลุกจากโซฟาไปหยุดที่กระจกใส กรุตลอดแนวตั้งแต่เพดานจรดพื้นแล้วรับสาย
“ฮัลโหล...”
ปาริสานิ่วหน้านิดหนึ่งกับน้ำเสียงที่ดูแปลกไปของคนรักก่อนจะส่งเสียงทักทายออกมา
“ดิศคะ ใกล้เลิกงานแล้วอย่าลืมนัดของเรานะคะ ถ้าให้ดีออกมาก่อนเลิกงานสักนิดก็น่าจะดีนะคะ รถจะได้ไม่ติดมาก” เสียงหวานเจื้อยแจ้วทำให้กษิดิศเกิดความลำบากใจขึ้นอีกครั้ง หางตาปรายมองภรรยาหลังโต๊ะทำงานด้วยอาการครุ่นคิดก่อนบอกตนเองว่าคำพูดต้องเป็นคำพูด
“ตกลง อีกสักพักผมจะไปรับคุณแล้วกัน”
“ดีเลยค่ะ งั้นไว้เจอกันนะคะ”
“ครับ”
กษิดิศหย่อนโทรศัพท์ลงกระเป๋าก่อนจะหมุนตัวเดินไปนั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของหญิงสาว แล้วมองหล่อนนิ่งอยู่เช่นนั้นจนอันธิตาหยุดมือที่กำลังเซ็นเอกสารชั่วครู่ เงยหน้าขึ้นสบตาชายหนุ่ม
“ถ้ามีธุระก็ไปเถอะค่ะ”เสียงถอนหายใจราวกับคนลังเลทำให้หญิงสาวเม้มปาก หล่อนคิดว่าเดาไม่ผิดนักหรอก สายเมื่อครู่คงเป็นคนรักของเขา
“เมื่อครู่คุณปลาคงโทร.มาสินะคะ อย่าให้เธอรอนานเลยค่ะ”
คิ้วหนากระตุก ดวงตาหรี่มองคนพูดพลางถาม
“ไม่โกรธพี่เหรอ”
อันธิตายักยิ้ม ดวงตาคู่สวยสบตาคมนั้นมีแววเยาะหยันจนชายหนุ่มหน้าตึง
“ไม่เห็นจะต้องโกรธ ในเมื่อรู้ๆ กันอยู่แล้ว ว่าอะไรเป็นอะไร โกรธไปก็เปลืองพลังงานเปล่าๆ”
คำพูดราวไม่แยแสของอันธิตาทำให้คนที่มานั่งเฝ้าหล่อนตั้งแต่เที่ยงยันบ่ายเม้มปากอย่างไม่พอใจนัก จะว่าน้อยใจก็คงไม่ผิดสักเท่าไร
“ก็ได้ ในเมื่อเมียอนุญาตให้ผัวไปหาผู้หญิงอื่นอย่างหน้าชื่นตาบานแบบนี้ มีหรือพี่จะปล่อยโอกาสทองให้หลุดลอยไปง่ายๆ ยังไงคืนนี้พี่คงกลับดึกเหมือนคืนก่อนๆ นั่นแหละ” บอกพลางสบตาหญิงสาวยิ้มๆ ตั้งใจยั่วเย้าให้หล่อนโกรธ แต่แทนที่หญิงสาวจะโกรธ กลับยิ้มเย้ยออกมา
“แหม... ไม่ต้องย้ำบ่อยนักหรอกค่ะเรื่องกลับดึก อันน่ะชินเสียแล้ว จะไปไหนก็รีบๆ ไปเถอะค่ะ อยู่ตรงนี้นานๆ เกะกะลูกตาอัน”
คนฟังถึงกับสะอึก เมื่ออันธิตาพูดออกมาราวกับไม่รู้สึกใดๆ ทำให้ร่างสูงผุดลุกด้วยความโกรธขึ้ง ก่อนจะก้าวยาวๆ ออกจากห้องโดยไม่เหลียวหลังกลับมาอีก
เมื่อลับร่างของกษิดิศ คนที่แสร้งก้มหน้าก้มตาทำงานก็ผ่อนลมหายใจราวกับสิ้นแรง ใบหน้างามที่ก้มเมื่อครู่เงยขึ้น น้ำตาคลอ พยายามบอกกับตนเองว่าหล่อนทำถูกที่สุดแล้ว ในเมื่อเขามีคนที่รักมั่นคงปานนั้น จึงไม่ควรมีความหวังกับคนแบบเขา เพราะไม่นานจนเกินไปนัก เขาและหล่อนคงต้องแยกจากกันในที่สุด...