ตอนที่ 2 แต่งออกเหมือนสาดน้ำ

1414 คำ
หลังจากนั้นไม่นาน จวนสกุลไป๋ก็มีงานมงคล ทว่าแววตาของผู้อาวุโสแต่ละคนกลับไร้แววชื่นมื่นมิหนำซ้ำบนใบหน้ายังไร้รอยยิ้มสุขใจอย่างที่ควรจะเป็น แม้แต่เสแสร้งฝืนใจแกล้งทำท่าทียินดีก็ยังไม่มี ยิ่งได้เห็นผู้เป็นเจ้าสาวเดินเข้ามาในโถงพิธีก็แทบเมินหน้าหนี แต่ฤกษ์งามยามดีเช่นนี้จะทำเมินได้อย่างไร พวกเขาจำต้องทำตามขั้นตอนให้เสร็จสิ้นไปแต่โดยดี บุตรสาวผู้นี้ไม่สมควรอยู่สกุลไป๋อีกต่อไปแม้แต่เค่อเดียว ท่ามกลางผู้คน สายตานั้นของผู้อาวุโสบ้านตน แม้อยู่ภายใต้ผ้าคลุมหน้าสีแดงแต่ไป๋เล่อชิงก็ยังรับรู้ได้ ทว่าแล้วอย่างไร? ใครอยากสนใจกัน? ตอนนี้นางเหนื่อยแล้ว พอแล้ว ในเมื่อไม่เคยมีใครใส่ใจ ไม่เคยเห็นค่าเลยสักครา นางก็ไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไปแม้แต่เค่อเดียวเช่นกัน การแต่งงานและออกไปให้พ้นๆ คนสกุลไป๋แห่งนี้คือหนทางเดียวเท่านั้น! ไป๋เล่อชิงเชิดหน้าเย่อหยิ่ง ท่าทีจองหองทะนงตนขณะก้าวเท้าเดินออกจากจวนไป๋อย่างแน่วแน่มั่นคง ไม่คิดหันหลังกลับมาอีก! เรือนสกุลอู๋ หลังเสร็จสิ้นพิธีการ กระทั่งส่งตัวเจ้าสาวมานั่งรอในห้องหออย่างสงบเสงี่ยม เจ้าบ่าวอยู่ร่วมดื่มสุรารับคำอวยพรที่โถงหน้าเสร็จย่อมถึงเวลามงคลที่แท้จริง เวลาล่วงเลยอย่างเชื่องช้า ในที่สุดเจ้าบ่าวก็เข้ามาตามฤกษ์งามที่กำหนดเอาไว้ ผ้าคลุมหน้าถูกเปิดออก ไป๋เล่อชิงจึงเห็นเจ้าบ่าว นางเงยหน้ามองเขาเงียบงัน มีแววขัดเขินกระดากอายอยู่ในดวงตานั้น ทว่ากลับน้อยกว่าแววสำนึกผิดอ่อนจาง นางเห็นเขาค่อยๆ หย่อนกายนั่งลงตรงขอบเตียงด้านข้างด้วยสีหน้าราบเรียบยากหยั่งถึงห้วงอารมณ์ หรือบางที เขาอาจเป็นคนที่ไร้อารมณ์อย่างสิ้นเชิงก็เป็นได้ อู๋หมิง คือนามของเขา บุรุษร่างสูง หน้าตาคมสัน บุคลิกนิ่งขรึมเย็นชา ไม่ค่อยพูดจา หากถามว่าหล่อเหลางามสง่าหรือไม่ก็คงตอบได้ว่าใช่ เพียงแต่อาจไม่เต็มปากนัก เนื่องจากตัวเขามีท่วงท่าทึมทื่อไปสักหน่อย ทั้งยังดูใสซื่อบริสุทธิ์ไม่ทันคนและไร้เดียงสาไม่น้อย บุรุษส่วนใหญ่ที่สตรีพึงใจล้วนต้ององอาจผึ่งผายปราดเปรียวเฉลียวฉลาดโดดเด่น แต่อู๋หมิงผู้นี้กลับตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะตอนที่เขาทำหน้านิ่งๆ อึมครึมเช่นนี้ ช่างดูเรียบเฉยไร้เสน่ห์เหลือเกิน ไม่โดดเด่นดึงดูดสายตาเอาเสียเลย กระนั้นไป๋เล่อชิงกลับมิได้รังเกียจเลยสักนิด ดีเสียอีก จะได้ไม่มีสตรีอื่นมาแย่งชิงให้ปวดหัว การแต่งงานที่จวนตัวกับเขา ในข้อหาไร้ยางอาย เป็นสตรียังไม่ออกเรือนกลับอยู่กับผู้ชายสองต่อสอง คล้ายหนีตามกันวันนั้น ทำตัวเสื่อมเสียฉาวโฉ่จนจวนไป๋รีบแต่งให้นางออกจากบ้านวันนี้ ก็เป็นนางเองที่ลงมือกระทำอย่างสมยอม ก่อนนี้นางมีคู่เหมยเขียวม้าไม้ไผ่ นามว่าฉางเฟิง ตั้งแต่เยาว์วัยพวกเราตกลงคบหาหมายหมั้นพัฒนาความสัมพันธ์ไปถึงขั้นแต่งงาน แต่ทว่ายิ่งเติบใหญ่ ฉางเฟิงก็ยิ่งรูปงามหล่อเหลาเปี่ยมสง่าราศีเป็นที่พึงใจของอิสตรี ในขณะที่พี่หญิงของนาง เดิมทีไม่เคยสนใจหรือมีความเสน่หาต่อฉางเฟิงกลับเข้าหาเขาอย่างจงใจ และฉางเฟิงก็หวั่นไหว! ท้ายที่สุดเขาก็เปลี่ยนใจจากนางอย่างสิ้นเชิง... แน่นอนนางเสียใจ แต่สิ่งที่ช้ำใจยิ่งกว่าคือผู้อาวุโสที่บ้านสกุลไป๋ล้วนเป็นใจให้สองคนนั้นแต่งงานกัน ช่างไร้มโนธรรม! และสาเหตุที่ผู้อาวุโสเห็นดีเห็นงามให้เกี่ยวดองกับพี่สาวก็เพราะฉางเฟิงร่ำเรียนจนสามารถเข้าสอบเคอจวี่และได้ซิ่วไฉ ส่วนนางที่ไม่ใช่ลูกรักก็ถูกผลักไสเหมือนเคย ในอดีตเพราะมารดาของนางมีนิสัยร้ายกาจเป็นที่เลื่องลือ แม้นางทำตัวแสนดีย่อมมีคดีติดตัวมิอาจลบล้าง และยามนี้บุตรสาวของนายหญิงรองผู้ล่วงลับเช่นนาง ไหนเลยจะสู้บุตรสาวของนายหญิงใหญ่ที่ยังมีชีวิตอยู่ ที่สำคัญแม่เลี้ยงยังมีบุตรชายค้ำชู ไม่บอกก็รู้ว่านางที่ตัวคนเดียวไร้มารดาไม่มีพี่หรือน้องชายร่วมอุทร ต้องเจอนรกขุมไหน ไม่ว่าจะทนกัดฟันยืนหยัดอย่างไร ก็ต้องแพ้พ่ายในทุกวัน พี่หญิงได้แต่งงานกับฉางเฟิง ส่วนนางต้องแต่งงานตามการตัดสินใจของบิดามารดาและวาจาของแม่สื่อ วันนั้น นางบังเอิญแอบได้ยินท่านพ่อกับแม่เลี้ยงพูดคุยกันว่าจะให้นางแต่งกับพ่อหม้ายผู้ร่ำรวย พอไปสืบถึงรู้ว่าคนผู้นั้นแก่กว่านางยี่สิบกว่าปี มีร้านค้ามากมายเป็นสินสอดสู่ขอ แต่เขามีอนุเต็มเรือน ลูกหลานครบถ้วน ในจวนที่กำแพงสูงลิบนั้นเป็นครอบครัวใหญ่ ปัญหาเยอะ มีทั้งนายท่านผู้เฒ่าบ้าอำนาจ นายหญิงผู้เฒ่าที่เคร่งจารีตแต่ลำเอียงรักบุตรหลานผู้ชายเป็นที่สุด เห็นบุตรหลานผู้หญิงเป็นขยะไร้ค่า ทั้งยังมีท่านลุง มีท่านอา รวมกันหลายคน และมีบุรุษที่แต่งสะใภ้คนแล้วคนเล่ารับอนุไม่เว้นแต่ละวัน นับเป็นครอบครัวถ้ำเสือรังหมาป่าเฉกจวนไป๋ทุกประการ ซึ่งนางไม่มีทางแต่งกับคนบ้านนั้น และนั่นจึงทำให้เกิดการแต่งงานระหว่างนางกับอู๋หมิงในวันนี้ คืนนั้น ที่หออวิ๋นเซียว นางเมามายอย่างจงใจ ส่วนเขาก็เมาเหล้า ‘ชนิดพิเศษ’ ที่นางรินให้ นี่คือแผนการสิ้นคิดอย่างที่สุดในชีวิตนี้ของนาง กระนั้นก็ยังกล้าตัดสินใจทำ! นางไร้ยางอายหรือ? ไม่หรอก! นี่คือการเอาชีวิตรอดต่างหาก นางทำถูกแล้ว... ต่อให้ย้อนกลับไปได้ก็ยังจะทำ! มันเป็นวิธีเดียวที่จะหลุดพ้นจากว่าที่สามีเฒ่าบ้ากามและไม่ต้องพบเจอครอบครัวสามีที่เหมือนตระกูลไป๋ทุกอย่าง ท่ามกลางกลิ่นอายมงคล ไป๋เล่อชิงตกอยู่ในภวังค์ห้วงคำนึงแห่งตนนิ่งนาน จนผู้เป็นเจ้าบ่าวต้องกระแอมไอเพื่อเรียกสติ “คุณหนูไป๋ ไม่นอนหรือไร?” น้ำเสียงราบเรียบและห้าวห้วนทำไป๋เล่อชิงสะดุ้ง นางยิ้มแห้ง “นอนสิ นอนเจ้าค่ะ” หญิงสาวรีบลุกขึ้นปลดชุดมงคลออกและถอดเครื่องหัวออกด้วยตัวเองอย่างคล่องแคล่ว แต่ไหนแต่ไรนางต้องอยู่แบบช่วยเหลือตัวเองมาโดยตลอด แค่ถอดชุดจึงไม่นับว่ายากอันใด ใช้เวลาไม่นานก็เดินกลับมาที่เตียงนอน “มาเถอะท่านพี่ ข้าปลดชุดให้” “ไม่ต้อง ข้าทำเองได้” อู๋หมิงเอ่ยเสียงเนิบเช่นเดิม ปลดอาภรณ์สีแดงลงกองบนพื้นห้องอย่างไม่ใส่ใจ ไป๋เล่อชิงนึกขึ้นได้ “จริงด้วยท่านพี่ พวกเรายังไม่ได้ดื่มเหล้ามงคลกันเลย” อู๋หมิงปรายตามองสุรากับขนมมงคลบนโต๊ะนิ่งๆ ก่อนหันกายเดินมานั่งลงที่เก้าอี้ด้วยท่าทีราบเรียบเฉยเมยพลางว่าด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “เจ้าคงไม่ใส่ยาแปลกๆในเหล้าอีก ใช่หรือไม่?” วาจาเขาทำไป๋เล่อชิงขนลุกซู่ ลำตัวชาวาบ ใช่แล้ว คืนนั้น ที่นางมอมเหล้าเขา ล้วนยากปิดบัง อู๋หมิงรู้ความจริงว่านางตั้งใจให้เกิดเรื่องราววสันต์ ไม่ใช่ล่วงเกินนางอย่างมิอาจหักห้ามใจเพราะความเมา เขารู้กระทั่งว่าเหตุที่ตัวเองเมามายจนควบคุมตัวเองมิได้ล้วนเป็นเพราะฤทธิ์ยามิใช่ฤทธิ์สุราเหมือนที่คนอื่นเข้าใจ เขายอมรับผิดว่าดื่มเหล้าจนขาดสติจึงล่วงเกินนาง และขอรับผิดชอบทุกอย่าง ไม่พูดถึงอาการผิดปกติจากการดื่มเหล้าสักนิด และก็ใช่อีกเช่นกันที่นางมองเขาผิดไปอย่างมหันต์ อู๋หมิงมิได้เป็นบุรุษทึมทื่อใสซื่อเฉกรูปลักษณ์ภายนอก! หวังว่าชีวิตหลังแต่งงานจะไม่กลายร่างเป็นชิ้นเนื้อบนเขียงให้ผู้เป็นสามีสับจนเละหรอกนะ!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม