หญิงสาวยังคงนอนซบอยู่บนแผงอกของเขา ลมหายใจอบอุ่นของเธอเป่าผ่านเสื้อนอนผ้ายืดเนื้อบางมากระทบยอดดอกจนมันหดเกร็ง ความเสียวซ่านแล่นพล่านไปทั่วร่างยิ่งทำให้เขาแกร่งชันมากขึ้นทุกขณะทั้งที่พยายามหักห้ามใจ
มาร์คัสหลับตาสูดลมหายใจเข้าลึกอีกครั้งแต่กลิ่นหอมอ่อนๆ คล้ายกลิ่นดอกไม้ที่ลอยฟุ้งมาจากเส้นผมนุ่มสลวยซึ่งคลอเคลียอยู่บริเวณปลายคางของเขานั้นกลับยิ่งกระตุ้นเร้าความปรารถนาของเขาให้ลุกโชนมากยิ่งขึ้น
“ลิลลี่” ชายหนุ่มพึมพำเคลิบเคลิ้ม
“คุณเรียกฉันว่าอะไรนะคะ” หญิงสาวงัวเงียเงยหน้าขึ้นถามเสียงแผ่วหวาน
“ลิลลี่...ตัวคุณหอมเหมือนดอกลิลลี่เลย”
“ฉันชอบให้คุณเรียกแบบนี้จัง” เธอยิ้มอ่อนหวานพลางขยับตัวเบียดเข้ามาซุกในอ้อมกอดของเขาให้แนบชิดยิ่งขึ้น
ชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงความนุ่มหยุ่นของทรวงอกที่กดทับลงมาบนแผงอกแกร่ง รวมถึงความอ่อนนุ่มของเนินเนื้อกึ่งกลางร่างกายของเธอที่เสียดสีอยู่กับสะโพกเพรียวนั่นด้วย แม้จะมีเสื้อผ้ากางกั้นแต่มันก็สร้างความซ่านสยิวให้แก่เขาได้อย่างมากมาย และที่ร้ายที่สุดคือเธอขยับต้นขาถูไถกับเจ้ามังกรยักษ์ของเขาจนมันเริ่มเหยียดขยาย
“คุณอย่าดิ้นสิ ฉันจักจี้” เธอพูดพึมพำคล้ายละเมอพลางกดหน้าขาทับลงบนความเป็นชายที่กำลังสั่นระริกของเขาเพราะคิดว่าจะทำให้มันสงบนิ่งได้ แต่เธอคิดผิด เพาะยิ่งกดทับมันก็ยิ่งดิ้นพล่าน
“คุณนั่นแหละที่ต้องนอนนิ่งๆ ก่อนที่ผมจะทนไม่ไหว” การกระทำที่ไร้สติของคนครึ่งหลับครึ่งตื่นทำให้มาร์คัสอยากระเบิดตัวเองให้แตกสลายอยู่ตรงนี้ให้รู้แล้วรู้รอด
“ทนไม่ไหวก็ไม่ต้องทนสิคะ” น้ำเสียงที่ตอบกลับมานั้นเต็มไปด้วยความสดใสร่าเริง ต่างจากน้ำเสียงงัวเงียเมื่อสักครู่นี้อย่างสิ้นเชิง
“นี่คุณแกล้งยั่วผมเหรอ!?”
“ฉันชอบเวลาที่มังกรยักษ์ของคุณดิ้นดุ๊กดิ๊กแบบนี้ มันน่ารักดี” เธอเงยหน้าขึ้นสบตาเขาด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ขี้เล่น
ฉับพลันเหมือนมีพลังงานยั่วยุอย่างแรงกล้าสั่งให้มาร์คัสโน้มใบหน้าลงไปแนบริมฝีปากกับเธอแล้วออกแรงกดเชื่องช้าทว่ามั่นคงอย่างยากจะห้ามใจ เธอจูบตอบเขาพร้อมกับเอียงใบหน้าให้ได้องศาที่พอเหมาะสำหรับการจูบที่ล้ำลึกยิ่งขึ้น
ชายหนุ่มกระชับวงแขนรั้งตัวหญิงสาวเข้ามาแนบชิดก่อนจะสอดมือเข้าไปใต้กระโปรงชุดนอนลูบไล้บั้นท้ายนวลเนียนอ่อนนุ่มและพบว่าเธอไม่ได้สวมกางเกงชั้นใน และเมื่อไล้ฝ่ามือร้อนผ่าวขึ้นมาตามแนวสะโพกและไล้เรื่อยขึ้นไปจนถึงทรวงอกที่ปราศจากบราเซียก็ทำให้เขาถึงกับอุทานในอกด้วยหัวใจที่เต้นโลด
เธอเซ็กซี่น่าหลงใหลเป็นบ้า
มาร์คัสสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วพลิกตัวขึ้นมานอนทาบทับอยู่เหนือร่างเธอแล้วกกัดฟันบอกเสียงทุ้มต่ำอย่างยากจะห้ามใจ “ผมจะอกแตกตายเพราะคุณอยู่แล้ว คืนนี้ผมขอนะ”
“ขออะไรคะ”
“ขอเข้าไปอยู่ในตัวคุณ”
เอวารินยังไม่ทันจะได้ตอบรับหรือปฏิเสธ ชายหนุ่มก็ถอดเสื้อและกางเกงของตัวเองออกแล้วดึงชุดนอนสีแดงสดของเธอออกไปทางศีรษะอย่างรวดเร็วแล้วโถมร่างกลับลงมาระดมจูบซุกไซ้ที่ซอกคอเธออย่างหิวกระหายผิดจากที่เคย เธอได้ยินเสียงลมหายใจเขาถี่กระชั้น ความเป็นชายเต้นระทึกร้อนระอุเบียดดันอยู่กับเนินเนื้อเบื้องล่างทำให้เธอนึกกลัวขึ้นมาฉับพลัน
“คุณจะ...ทำอะไรฉัน...นะคะ” เธอถามอึกอัก น้ำเสียงสั่นระริกอย่างควบคุมไม่ได้
“ผมจะร่วมรักกับคุณ” เขาบอกน้ำเสียงแหบพร่า ความปรารถนาที่มีต่อตัวเธอมันจุกอยู่ที่อกจนแทบหายใจไม่ออก “คุณอยากรู้ไม่ใช่เหรอว่ามันมีความสุขมากแค่ไหนเวลาที่เราทำแบบนั้นกัน”
ชายหนุ่มจับขาคู่งามให้แยกออกก่อนจะเบียดสะโพกเข้ามาแล้วกรีดปลายโค้งมนเรียบลื่นขึ้นลงตามรอยแยกของเนินเนื้อสองถึงสามครั้งก่อนจะจรดมันลงบนปากทางที่อ่อนนุ่ม จังหวะหัวใจของเขาเต้นถี่รัวเมื่อนึกถึงความคับแน่นและความอบอุ่นภายในตัวเธอที่จะโอบรัดตัวตนของเขา
“ผมจะเข้าไปแล้วนะ” เขากระซิบเตือนแล้วกดส่วนปลายเข้าไปอย่างใจเย็น แต่เข้าไปยังไม่ถึงหนึ่งเซนติเมตรด้วยซ้ำหญิงสาวก็กรีดร้องเสียงหลง
“หยุด!” เอวารินผลักร่างหนาที่คร่อมอยู่เหนือร่างเธอออกแล้วกระถดตัวถอยหนีไปจนแผ่นหลังชิดหัวเตียง เธอมองหน้าเขาด้วยแววตาตื่นกลัว เนื้อตัวสั่นเทา
“คุณเป็นอะไร” มาร์คัสขบกรามแน่นข่มความเจ็บร้าวหน่วงหนึบ อีกแค่นิดเดียวเขาก็จะถึงสวรรค์อยู่แล้ว แต่กลับถูกกระชากลงมาด้วยความหวาดกลัวที่ไม่รู้สาเหตุของเธอ
“ฉันไม่รู้” หญิงสาวบอกเสียงสั่น น้ำตาคลอเบ้าพลางดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างเปลือยเปล่าเอาไว้อย่างมิดชิด
“ผมรุนแรงเกินไปหรือเปล่า หรือผมใจร้อนเกินไป บอกผมสิ” ชายหนุ่มละล่ำละลักถาม เขาไม่อยากให้เธอกลัวเขาแบบนี้
“ไม่ค่ะมาร์ค คุณไม่ได้ทำอะไรผิด ผิดที่ฉันเอง” เป็นความผิดของเธอเองที่ไปยั่วเขาก่อน แต่พอเขาเอาจริงขึ้นมาเธอกลับตื่นกลัวโดยไม่รู้สาเหตุ “ฉันขออยู่คนเดียวสักพักได้มั้ย”
“ไม่...เราต้องคุยกันที่รัก ผมไม่อยากให้คุณมีความรู้สึกแบบนี้กับผม”
“ฉันจะคุยกับคุณ แต่ขอเวลาสงบจิตใจแป๊บนึงก่อน”
“โอเค” เขายกสองมือขึ้นระดับหน้าอกเป็นเชิงบอกให้เธอใจเย็น “ผมให้เวลาคุณสิบนาที แต่ห้ามหนีไปไหนนะ เดี๋ยวผมกลับมา” มาร์คัสบอกแล้วรีบเดินเปลือยกายเข้าห้องน้ำโดยที่แก่นกายยังแข็งขึงเต็มที่อยู่ เขาเองก็ต้องการเวลาเพื่อปลดปล่อยตัวเองเหมือนกัน
เอวารินมองตามร่างสูงที่หายเข้าไปในห้องน้ำด้วยความรู้สึกผิดในใจ เธอรู้ว่าการหยุดกลางคันแบบนี้ต้องทำให้เขาทรมานมากแน่นอน แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรเธอถึงไม่ยอมให้เขาเสียดแทรกตัวตนเข้ามา ไม่รู้ว่าทำไมร่างกายและจิตใจของเธอปฏิเสธเขาทั้งที่เขาเป็นสามี เธอยอมให้เขาจับ...จูบ...ลูบคลำ แต่พอถึงจังหวะสำคัญเธอกลับรู้สึกหวาดกลัวโดยไม่มีสาเหตุ
หญิงสาวครุ่นคิดสับสนอยู่หลายนาทีก่อนจะสรุปกับตัวเองได้ว่า ความรู้สึกนี้อาจจะเป็นผลมาจากการความจำเสื่อมก็ได้
มาร์คัสออกมาจากห้องน้ำเมื่อเวลาผ่านไปราวสิบนาที พร้อมกับมังกรยักษ์ที่สงบลงแล้ว ชายหนุ่มหยิบเสื้อกับกางเกงชุดนอนที่ตกอยู่บนพื้นข้างเตียงขึ้นมาสวมแล้วหันไปมองเอวารินที่ตอนนี้สวมชุดนอนแล้วแต่ก็ยังนั่งกอดผ้าห่มพิงหัวเตียงอยู่เหมือนเดิม
“ให้ผมขึ้นไปนั่งบนเตียงข้างๆ คุณได้มั้ย” เขาถามหยั่งเชิงด้วยความหวาดหวั่นว่าเธอจะตกใจกลัวเขาอีก
เมื่อหญิงสาวพยักหน้ารับ เขาจึงคลานขึ้นไปนั่งข้างๆ โดยเว้นระยะห่างไว้นิดหนึ่งเพื่อให้เธอสบายใจ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะพูดอะไรเธอก็โผเข้ามากอดเขาแล้วบอกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือคล้ายจะร้องไห้
“ฉันขอโทษนะคะมาร์ค”
“คุณไม่ได้ทำอะไรผิด จะมาขอโทษผมทำไม” มาร์คัสลูบหลังปลอบโยนหญิงสาวอย่างเข้าใจว่าคงเป็นสัญชาติญาณการป้องกันตัวที่ทำให้เธอปฏิเสธเขา อาการแบบนี้แหละที่ทำให้กลัวว่าถ้าความทรงจำของเธอกลับคืนมาแล้วเธอจะเกลียดเขา
“เราทำกันใหม่นะคะ”
“ไม่ต้องแล้ว”
“แต่คุณยังค้างอยู่”
“ผมจัดการตัวเองแล้ว” ชายหนุ่มบอกอย่างเสียงฟอร์ม ทั้งที่มีสาวสวยเซ็กซี่อยู่ตรงหน้าทั้งคนแต่เขากลับต้องไปแอบช่วยเหลือตัวเอง “คุณนอนเถอะ” เขาบอกพลางจับร่างบอบบางให้นอนลงแล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมให้
“เราทำกันใหม่เถอะนะคะ ไม่งั้นฉันจะรู้สึกผิดกับคุณมาก”
“หลับตาซะ แล้วไม่ต้องคิดมาก” เขาบอกเสียงเข้ม
เธอไม่ยอมหลับตา แถมยังมองสบตาเขาด้วยแววตาวิงวอนซึ่งเซ็กซี่อย่างร้ายกาจอีก
“ผมบอกให้หลับตา” เขาสั่งด้วยน้ำเสียงที่เข้มกว่าเดิมหลายเท่า ขืนปล่อยให้เธอจ้องหน้าเขาด้วยแววตาแบบนี้ต่อไปจะไม่ปลอดภัยต่อตัวเธอเองเพราะความอดทนของเขามันมีไม่มากนักหรอก