สามคืนที่เขาไม่ได้ทำอะไรเธอเลย เราเพียงแค่นอนกอดกันแล้วพากันหลับไป ช่วงกลางวันที่ตื่นมาก็มีออกไปเดินห้าง ดูหนัง ช่วยกันซื้อของเข้าห้องมาบ้าง ทว่าไม่เคยมีสักคืนที่วาฟิกซ์จะขอมาเบลมีอะไรด้วย
“อันนี้สิคะ อร่อยกว่า”
“ไม่มีประโยชน์เลยเบล แป้งทั้งนั้น” เขาหยิบขนมขบเขี้ยวออกจากมือเธอแล้วนำไปวางไว้ที่เดิม
“กินแป้งเนี่ยแหละค่ะดี ดีต่อใจ” มาเบลยักคิ้วข้างเดียวใส่เขาอย่างกวนๆ ก่อนจะรีบหยิบขนมยี่ห้อโปรดแล้ววิ่งไปวางตรงเคาว์เตอร์จ่ายเงิน
วาฟิกซ์ได้แต่ยิ้มมองการกระทำของมาเบลด้วยความเอ็นดู นึกอยากจับเธอมากอดเวลาที่เธอชอบทำท่าทางน่ารักๆแบบนี้
“คุณมาเร็วๆสิ” มาเบลกวักมือเรียกคนที่เอาแต่ยืนนิ่งมองเธอตาหวานฉ่ำ
“รีบเหรอ?”
“เปล่าค่ะ พนักงานรอจ่ายตัง”
“…”
ก็นึกว่าเรียกหาเพราะคิดถึง ที่ไหนได้เธอเรียกไปจ่ายตัง ซื้อของเสร็จสรรพเสียเงินไปสามพันกว่าบาท ส่วนมากมีแต่ของมาเบลทั้งนั้น
“เธอมีกี่ปากอะ” มาเบลช้อนตามองคนถาม
“ก็ปากเดียวสิคะ”
“มีปากเดียวแล้วซื้อทำไมเยอะแยะ” เขาหมายถึงลิปสติกที่เธอกำลังหยิบออกมาลองทาที่หลังมือทีละสี
“สีมันไม่เหมือนกันเห็นไหมคะ อันนี้ชมพูนู้ด อันนี้ชมพูอมส้ม ส่วนอันนี้ชมพูแดง”
เธอนั่งอธิบายเขายาวยืด ทว่าเขากลับไม่มองเหมือนอย่างที่เธอพูดเลยสักนิด ทุกแท่งที่เธอถืออยู่ก็เห็นว่ามันมีสีชมพูอยู่สีเดียว
ตอนนี้ทั้งสองคนมานั่งอยู่ในร้านอาหาร เพราะมาเบลอยากกินอะไรก่อนกลับ เธอคงหมดแรงแหละเพราะเดินเลือกซื้อเครื่องสำอางไปซะเยอะ
ร้านอาหารเป็นร้านชาบูในห้างธรรมดา เพราะมาเบลอยากกิน เขาเองก็ตามใจเธออยากทำอะไรอยากกินอะไรเขาได้หมดไม่มีเกี่ยง และทุกวันนี้ที่ทำอยู่ทุกอย่างก็เพื่ออยากให้เธอเห็น ว่าคนอย่างเขาไม่ได้เห็นเธอเป็นเพียงแค่ผู้หญิงที่ยอมแลกศักดิ์ศรีด้วยเงิน
“เบล”
เสียงทุ้มที่ดังขึ้นมาจากด้านข้าง ทำให้มาเบลละสายตาออกจากลิปสติกตรงหน้าขึ้นมามอง ส่วนวาฟิกซ์ก็เหมือนกัน เขาช้อนแววตาขึ้นสบตาผู้ชายร่างใหญ่ที่อยู่ๆก็เข้ามาเรียกอนาคตเมียเขาราวกับสนิทกัน
“พี่ไนท์ สวัสดีค่ะ” มาเบลยกมือไหว้คนที่มีอายุมากกว่า
“มากับใครเหรอ แล้วมาทำไมที่นี่” เขาเที่ยวไปดักรอเจอเธออยู่หน้าบ้านทุกวัน แต่ก็ไม่ยักจะเจอ ไหงถึงมาเจอเธอในสถานที่ที่คนอย่างเธอไม่ชอบมาได้ แถมยังมากับคนที่หน้าไม่คุ้นอีก
“เบลมาทานข้าวค่ะ พี่ไนท์มาคนเดียวเหรอคะ” มาเบลเลือกที่จะไม่ตอบคำถามแรก เพราะเธอไม่รู้จะต้องอธิบายพี่ไนท์ไปว่ายังไง
“พี่มากับเพื่อนครับ เบลกินเสร็จกลับเลยไหม เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“เบลมากับผม ทำไมต้องกลับกับคุณ?” วาฟิกซ์เอ่ยเสียงต่ำ
มันเป็นใครเขาไม่สน แต่มันกล้ามาคุยกับเธอและทำเป็นหวังดีอยากพาเธอกลับด้วยทั้งๆที่เธอมากับเขาแบบนี้มันหยามหน้าเขาเกินไป
“ขอบคุณนะคะ แต่เบลไม่รบกวนดีกว่าค่ะ” มาเบลรีบตัดบท เธอยังไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาคนทั้งร้าน
“ครับ ถ้าเบลมีอะไรให้พี่ช่วย เบลโทรหาพี่ได้เสมอนะ”
มาเบลยิ้มแห้งตอบกลับ เธอไม่กล้าแม้แต่จะสบตากับคนที่นั่งหน้าเข้มอยู่ตรมข้าม สายตาของเขาตอนนี้มันดูน่ากลัวและดูดุไปพร้อมๆกัน
จวบจนผู้กองไนท์เดินผ่านไปแล้วไปนั่งยังโต๊ะที่มีเพื่อนของตัวเองรออยู่ มาเบลก็กล้าที่จะเอ่ยขึ้น
“คุณหิวไหมคะ หรือเราจะกลับกันเลย”
“ดูเหมือนเธอกลัวนะ” กลัวที่มันยังอยู่ในร้าน หรือกลัวที่เขาจะไม่พอใจกันแน่
มาเบลเม้มปากนั่งเงียบ ไม่มีเสียงเปล่งออกมาแม้แต่คำเดียว และไม่กี่นาทีต่อมาอาหารทุกอย่างที่เธอกับเขาสั่งไปก่อนหน้านี้ก็ถูกนำมาเสิร์ฟ
มาเบลนั่งกินอย่างระแวง เธอกลัวว่าคนตรงหน้าจะไม่พอใจ และกลัวว่าพี่ไนท์จะไม่ยอมจบอยู่แค่นั้น
อาการที่เธอเป็นอยู่ไม่ใช่คนที่เหมือนถูกจับใจว่านอกใจ แต่เป็นอาการที่คิดไปไกลกลัวว่าใครอีกคนจะไม่มีเหตุผลกับเธอมากพอ
สุดท้ายเราก็เลือกที่จะกลับกันก่อนกินอาหารทุกอย่างหมด เพราะทั้งเขาและเธอเอาแต่เขี่ยอาหารกันไปมา ไม่มีใครยอมกินอะไรไปมากกว่าสามคำ ราวกับกินไม่ลงเพราะดันมีเรื่องราวมาให้กังวลใจเหมือนกันทั้งคู่
“คุณอยากอาบน้ำก่อนไหมคะ” เป็นมาเบลเองที่เป็นฝ่ายเริ่มพูดขึ้นมาก่อน
“ถ้าฉันอยากอาบ เธอจะเข้ามาอาบกับฉันหรือเปล่า” หันไปสบตาเธอที่ดูเลิ่กลั่กราวกับมีอะไรอยู่ในใจ แต่ไม่กล้าพูดออกมา
“ก็ ถ้า คุณ อยากให้ช่วย” เธอพูดเสียงอึกอัก หนักใจว่าจะยอมง้อเขาหรือจะปล่อยให้เขาเป็นแบบนี้ไปเลยดี
ความจริงเธอก็ไม่จำเป็นต้องแคร์ เขาจะคิดยังไงมันก็เรื่องของเขา ดีซะอีกถ้าหากว่าเขาจะโกรธหรืองอนเธอ เขาจะได้ปล่อยเธอไปสักที จะได้ไม่ต้องมาวุ่นวายกับชีวิตเธออีก
ทว่าอีกใจก็ไม่อยากเห็นเขาเป็นแบบนี้ เสียงสำนึกข้างในมันคอยบอกให้เธอง้อและเอาใจเขาหน่อย เห็นแก่ที่เขาให้เกียรติเธอมาตลอดที่เราอยู่ด้วยกันตั้งหลายวัน
“ไม่เต็มใจก็ไม่ต้องเบล” วาฟิกซ์ตอบกลับเสียงแข็ง เขาไม่ได้โกรธหรืองอนเธอที่ทำเหมือนว่าแคร์มันมากกว่า แต่เขาแค่กำลังคิดว่าเธอกับมันต้องมีอะไรกันมากกว่าสิ่งที่เขาเห็นแน่ๆ
เพราะตอนที่มาเบลเห็นหน้ามันครั้งแรก มาเบลมีท่าทีตกใจและทำเหมือนถูกจับได้ว่ากำลังมากับคนอื่น
หรือเพราะแบบนี้มาเบลเลยเอาแต่ผลักไสเขา ไม่อยากให้เขาเข้าใกล้ และไม่อยากผูกพันธะอะไรกับเขาเลย
เพราะแบบนี้หรือเปล่า ที่ทำให้เธอเอาแต่หลบหน้าเขามาตลอด เธอคงจะรู้สึกผิดต่ออีกคนมาก ที่กล้ามีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับชายอื่น
“งั้นหนูเข้าไปก่อนนะคะ คุณเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็รีบตามหนูเข้ามา เดี๋ยวหนูเปิดน้ำอุ่นรอ”
วาฟิกซ์ยืนมองร่างเล็กที่เดินผ่านหน้าเขาไปเข้าห้องน้ำนิ่ง เขารู้ว่าเธอคงกำลังอ้อนเอาใจเขาอยู่ แต่เธอจะทำไปทำไม ถ้าในเมื่อเธอไม่คิดอยากมีเขาอยู่ในชีวิต
ห้านาทีต่อมา ร่างสูงถอดเสื้อผ้าออกจนหมด มีเพียงแค่เสื้อคลุมอาบน้ำสีขาวที่เขาหยิบมันออกมาคลุมร่างตัวเอง ก่อนจะตัดสินใจเดินตามร่างบางเข้าไปในห้องน้ำ
พอเข้าไปถึง เขาก็เห็นว่ามาเบลที่ก่อนหน้านี้เธอยังอยู่ในชุดที่ดูจะถอดออกยาก แต่ตอนนี้เธอกลับมีร่างที่เปลือยเปล่าไร้สิ่งใดปกปิด นั่งอยู่ริมอ่างรอให้เขาเดินเข้าไปหาอย่างยั่วยวน
“ถอดทำไม?” ถามเธอที่หันมาสบตากับเขา
“ช่วยคุณอาบน้ำไงคะ” ตอบเสร็จเบือนหน้าหนีด้วยความเขินอาย
เขาไม่รู้หรอกว่าเธอต้องใช้ความกล้ามากแค่ไหน กว่าจะกล้าถอดเสื้อผ้าออกทั้งหมดแล้วต้องมานั่งรอให้เขาเปิดประตูเข้ามาเห็นแบบนี้
“เธอรู้ไหมว่าทำแบบนี้ ฉันจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่” ศีลห้าที่พยายามถือมาตลอดสามวัน เธอกำลังจะทำให้เขาตบะแตกเอาก็วันนี้นี่แหละ
อุตส่าห์อดทนนอนข่มอารมณ์ตัวเองมาตั้งหลายคืน พอมาวันนี้แค่เขานอยด์เธอหน่อย เธอกลับมาแก้ผ้ายั่วเขาถึงที่
เกินไป!
“คุณต้องอดทนด้วยเหรอคะ” ไม่ใช่ว่าเขาอดทนกับอารมณ์ตัวเองไม่ได้เหรอ วันนั้นเธอเลยต้องตกเป็นของเขาอย่างเลือกไม่ได้
“เธอไม่มีทางเข้าใจฉันหรอกเบล ว่าฉันตั้งใจมากแค่ไหน” เธอไม่ทรมานอย่างเขา เธอไม่มีทางรู้เลย
“ตั้งใจอดทนน่ะเหรอคะ”
“ตั้งใจที่จะให้เกียรติเธอ”