เด็กเสิร์ฟต่างพากันทำงานอย่างขะมักเขม้น ด้วยที่วันนี้คือวันหยุดสุดสัปดาห์ ผู้คนมากมายต่างพากันออกมาดื่มสังสรรค์และหาความสุขกันนอกบ้าน
“เบลๆ โต๊ะนู้นขอย้ายไปโต๊ะยี่สิบนะ”
“โอเคค่ะ”
สิ้นเสียงคำของพนักงานรุ่นพี่ เธอที่รับหน้าที่เป็นแคชเชียร์วันนี้จึงนั่งหน้าคอมและกรอกข้อมูลที่ได้รับมาอย่างคนชำนาญการ
หลายครั้งที่เธอต้องมาทำตำแหน่งนี้แทนคนประจำ นั่นก็เพราะว่าเธอเป็นคนเดียวที่เจ๊แคทรีนเจ้าของร้านไว้ใจ
“เบล โต๊ะสี่สั่งน้ำแข็งสี่ถังเหล้าโสมฯหนึ่งกลม”
“วางบิลไว้เลยค่ะพี่ เดี๋ยวเบลกรอกใส่ระบบอีกที”
วันนี้มือเธอเป็นระวิงมาก เพราะงานที่มากมายกองอยู่ตรงหน้า ลูกค้าเยอะมันก็ดีมากสำหรับเจ้าของกิจการนั่นแหละ แต่มันหนักมากสำหรับพนักงานอย่างพวกเธอ
“เบลๆ”
“วางไว้เลยค่ะ เบลกำลังไล่ตามคิว”
“เปล่าๆ ผู้ชายโต๊ะนู้นต้องการเจอเบลน่ะ”
มาเบลละสายตาออกจากคอม ช้อนแววตามองไปตามนิ้วชี้ของพนักงานที่มาบอกอย่างสงสัย ใครกันที่อยากเจอเธอ หรือเป็นพวกลูกค้าเสี่ยพุงโตที่มักจะชอบเต๊าะและแจกทิปเธอบ่อยๆ
“ใครเหรอคะ ลูกค้าประจำเหรอ”
“ประจำไหม ก็ประจำแหละ”
“ยังไง” คิ้วขนตั้งจากการปัดคิ้วให้เป็นทรงขมวดมองอย่างไม่เข้าใจ
"ก็คนนั้นไง คนนั้นอะ”
แล้วมันคนไหนละโว้ย! คนยิ่งงานเยอะๆอยู่ จะมาทำให้ชะงักทำไมเนี่ย
“คนไหนละพี่ เบลกำลังยุ่ง พี่ช่วยไปบอกเขาว่าเบลไม่สะดวกทีนะคะ” รำคาญละ จะคนไหนก็ช่างก่อน งานตรงนี้จะท่วมหัวอยู่แล้ว
ขนาดเมื่อกี้พักมือไปแป๊บเดียว จากบิลที่เหลือสิบกว่าใบ ตอนนี้เพิ่มมาอีกสิบใบแล้ว
เหนื่อยโว๊ยยยย!!!
“ต้องขอโทษทีนะคะลูกค้า พอดีน้องเบลติดงานเลยไม่สะดวกมาเจอค่ะ ลูกค้าอยากเจอคนอื่นแทนไปก่อนไหมคะ วันนี้มีน้อง ๆ เข้าใหม่เพียบเลยนะคะ” พนักงานคนนั้นเอ่ยบอกอย่างระแวดระวัง เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ที่นี่มักจะเป็นพวกมีอิทธิพล หรือไม่ก็พวกเงินหนาแล้วชอบเอาเงินมาละลายน้ำเล่นๆ
“ผมไม่ต้องการเจอคนอื่น ผมอยากเจอมาเบล”
“แต่น้องมาเบลไม่ใช่เด็กเอ็นฯนะพี่ น้องเป็นเด็กเสิร์ฟค่ะ”
“รู้ แล้วอยากเจอไม่ได้ไงวะ?”
“เห้ย! มึงใจเย็น” มือหนาของปรินรีบเข้าไปปามเพื่อนที่เริ่มจะมีอารมณ์ ไอ้นี่มันเอาแต่ใจจริงๆ อะไรไม่ได้ดั่งใจแม่งจะขึ้นอย่างเดียว
“ไปทำงานต่อเถอะน้อง เดี๋ยวพี่ดูแลเพื่อนพี่เอง” ซันหันไปบอกน้องเด็กเสิร์ฟที่เริ่มตัวสั่นเพราะเสียงตวาดของไอ้หมอโรคจิตนี้แล้ว น้องมันคงหมดความอดทนกับมันเต็มทน งานก็เยอะลูกค้าก็แยะ ยังต้องคอยมาปวดประสาทกับไอ้เหี้ยนี้อีก
เหนื่อยแทน...
“มึงจะรีบร้อนไปไหนวะ นี่มึงจิ้มน้องเขาแล้วติดใจหรือว่าน้องเขาติดค้างอะไรมึง” ถึงได้อยากเจอนักหนา ตั้งแต่เข้ามานั่งนี่ยังไม่เลิกมองหาน้องเลย
เป็นเอามาก!
“คนนั้นก็สวยนะเว้ย มึงเอาคนนั้นแทนดิ” หมอสองมองตากระหยิ่มกรุ้มกริ่มไปยังเด็กเอ็นฯ ที่สวมใส่ชุดมาสคอตพยาบาลน่าอี๊ด
ไอ้วาชวนมาวันนี้ก็ดีเหมือนกัน แม่งที่ร้านมีธีมงานพอดี เป็นพยาบาลกันหมดร้าน โคตรน่า...
“ไม่เอา กูอยากเจอแค่เบล”
“มึงพูดจนกูอยากเห็นหน้าน้องละนะ” สวยขนาดไหนวะ ทำไอ้วาติดจนโงหัวไม่ขึ้นเลย
นี่ถ้ามันได้มุดก็คงมุดไม่ยอมขึ้นมาสูดอากาศหายใจเลยมั้ง
ปรินส่ายหน้าพร้อมกับกวาดตามองไปรอบร้าน เขาเองก็ชอบการดื่มเหล้าอยู่เหมือนกัน แต่การเจอผู้หญิงสวยๆมาแต่งตัวแบบนี้กลับรู้สึกขัดหูขัดตา หรืออันที่จริงคนในใจของเขามันไม่ได้แต่งตัวแบบนี้ก็เลยไม่ได้อยู่ในสายตาก็ไม่รู้
“ยากไรอะ มึงก็เรียกเด็กมารับออร์เดอร์ แล้วก็ขอกระดาษเขียนข้อความหาน้องมันดิ จะได้รู้ว่ามึงอยากเจอ” ซันเสนอขึ้น ทำเอาวาฟิกซ์ตาลุกวาวขึ้นทันที
“น้องครับ”
โชคดีที่เด็กเสิร์ฟผ่านมา เขาเลยถือโอกาสเรียกแล้วเอ่ยขอกระดาษกับปากกามาหนึ่งแผ่น ส่วนของที่ส่งก็เลือกสั่งเป็นกับแกล้มเล็กๆ เพราะตอนนี้เหล้าและมิกเซอร์วางเต็มโต๊ะจนไม่รู้จะดื่มกันหมดไหมแล้ว แต่ที่สั่งไปก็ไม่ได้สั่งมากินเองหรอก
วาฟิกซ์บรรจงเขียนข้อความลงไปในกระดาษอย่างสวยงาม ข้อความที่เขาเขียนลงไปก็เขียนแบบสั้นๆ แบบอ่านแล้วเธอต้องคิดถึงเขาและอยากมาหาเขาแบบทันทีทันใด
“พี่ฝากกระดาษแผ่นนี้ให้เบลด้วยนะ”
“เบลไหนคะพี่”
“เบลที่ยืนเป็นแคชเชียร์อยู่นั่นไง”
“อ๋อได้ค่ะ”
“ขอบใจมาก ส่วนอาหารที่พี่สั่งน้องเอาไปกินกันเลยนะ พี่สั่งให้”
เด็กเสิร์ฟที่รับออร์เดอร์ก้มหัวขอบคุณ น้อยคนนักที่จะนึกถึงคนที่ทำงานเหนื่อยแบบเธอ การได้รับอะไรจากลูกค้านับว่าเป็นสิ่งที่ดีมากที่สุด
วาฟิกซ์ตั้งหน้าตั้งตารอให้กระดาษแผ่นนั้นไปถึงคนตัวเล็กที่เขาแอบมองอยู่ตลอดเวลา วันนี้มาเบลคงจะงานยุ่งอยู่มาก เพราะเธอเอาแต่ทำหน้าเครียดอยู่เรื่อย เขาเองก็สงสารแต่ความต้องการของเขามันดันมีมากกว่าอีกเหมือนเดิม
มาเบลรับกระดาษโน้ตแผ่นนั้นขึ้นมาอ่าน เธออ่านจบแล้งก็ต้องเบิกโพรงกว้างเพราะเริ่มจำเขาได้ทันที
‘รอบนี้ฉันให้ 5 แสน ฉันจะอยู่รอเธอจนเลิกงาน’
ดวงตากลมโตกวาดตามองลูกค้ารอบร้าน จนไปสะดุดเข้ากับใบหน้าที่ทำให้เธอไม่เคยลืมเลือน ภาพความทรงจำเก่าๆของคืนนั้นหวนกลับคืนมาให้เธอได้หวาดกลัวอีกครั้ง
เพราะเขาคนเดียวที่ทำให้คนที่ร่างกายแข็งแรงไม่ได้เป็นไข้มานานหลายปีต้องมาทุกทรมานเพราะไข้สูงอีกครั้ง
เพราะเขาคนนั้นที่ทำให้เธอเดินขาถ่างเพราะเจ็บส่วนกลลางกายจนน้ำตาแทบไหล
เพราะเขาคนเดียว!!!
มาเบลขยำกระดาษแผ่นนั้นทิ้งลงถังขยะแล้วตั้งใจทำงานต่อ เธอเลิกสนใจเขาแม้ว่าบางครั้งจะเผลอสบตากับเขาบ้างเป็นบางที
แต่เธอก็รีบชักสายตากลับมาได้ทัน ไม่ทำให้เขาได้ใจที่เธอเองก็แอบสนใจเขาอยู่ อันที่จริงเธอไม่ได้สนใจ แต่เป็นเพราะเธอหวังอยากให้เขากลับไปเร็วๆต่างหาก การที่ลูกค้าเยอะมากๆวันนี้ก็ดีเหมือนกันนะ เพราะมันทำให้เธอทำงานนานขึ้น จากปกติเสร็จงานตอนตีสาม แต่วันนี่ลากยาวจนเธอเลิกงานอีกทีตอนตีห้าเลย
“เฮ้อ”
งานทุกอย่างเสร็จสิ้น มาเบลที่นั่งทำงานหน้าคอมมาทั้งคืนก็ได้เวลาบิดขี้เกียจ แต่ไม่รู้บิดแรงไปหรือเปล่า เพราะเสื้อเชิ้ตแบบรัดรูปของเธอนั้นมันดันรัดตัวแน่นจนกระดุมกระเด็นออกจากเสื้อ และดันหลุดออกตรงหน้าอกเธอเข้าพอดี
“หลุดได้ถูกที่จริงๆนะ ต้องเย็บใหม่อีกแล้ว” ถามว่าเสื้อตัวเดียวซื้อใหม่ได้ไหม ได้แหละ แต่คนที่ทำงานหาเช้ากินค่ำอย่างเธอจะใช้เงินฟุ่มเฟือยไม่ได้ เพราะเธอเป็นเสาหลักของครอบครัว ทุกคนที่นอนรออยู่ที่บ้านต้องรอให้เธอหาเงินไปให้อย่างใจจดใจจ่อ
เขาที่นั่งรอเธออยู่นาน รอจนเพื่อนๆขอตัวกลับทีละคนสองคน จนสุดท้ายก็เหลือเขาอยู่คนเดียว จากแผนตอนแรกที่ตั้งใจพาเพื่อนมานั่งดื่ม และเรียกให้เธอมานั่งด้วยก็ต้องพังไม่เป็นท่า เพราะวันนี้เธอดันไม่ได้ทำหน้าที่เสิร์ฟแต่ดันทำหน้าที่อื่นแทน
เขารอจนหญิงสาวร่างเล็กเดินออกมาพร้อมกับกระเป๋าสะพายส่วนตัว จากที่คิดว่าเธอจะเดินเข้ามาหาเขาทันทีที่เสร็จงาน แต่กลายเป็นเธอที่รีบวิ่งออกจากร้านโดยไม่รอล่ำลาใคร
วาฟิกซ์เห็นอย่างนั้นจึงรีบลุกแล้ววิ่งไปหาเธอ พร้อมกับรั้งตัวเธอไว้จนเธอกรีดร้องเสียงดังด้วยความตกใจ
“ว๊ายยย!!!”
“จะไปไหน ฉันนั่งรอเธอจนเช้าเลยนะ”
“หนูไม่ได้ขอให้คุณรอสักหน่อย”
“รอบนี้ห้าแสน เธอไม่อยากได้หรือไง” มาเบลช้อนแววตาขึ้นสบตาคนที่เอาเงินมาล่อ
เงินห้าแสนนั่น ใครจะไม่อยากได้ แต่รอบนี้เธอกลับไม่อยากได้มัน เพราะเขาที่ชอบทำเหมือนว่าเอาเงินฟาดหัวเธอได้อยู่ตลอด